มะยงชิด ไม้ผลเมืองร้อนยอดนิยมของคนไทย

มะยงชิด ผลไม้เมืองร้อนยอดนิยมของคนไทยที่มีลักษณะคล้ายกับมะปรางจนแทบจะแยกไม่ออก เป็นต้นที่มีลักษณะค่อนข้างแหลมถึงทรงกระบอก โดยมีกิ่งก้านสาขาที่ค่อนข้างหนาทึบ ซึ่งมะยงชิดนั้นเป็นไม้ผลเมืองร้อนที่ไม่มีการผลัดใบและใบจะมีสีเขียวอยู่ตลอดทั้งปี มีระบบรากแก้วที่แข็งแรง จึงทนอยู่ในสภาพดิน ฟ้า อากาศ ที่แห้งแล้งได้ดี มะยงชิดเป็นพืชตระกูลเดียวกับมะม่วง และมะกอก ซึ่งอยู่ในตระกูล Amacardiaceae มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เมียนมาร์ ไทย ลาว และมาเลเซีย

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อภาษาอังกฤษ : Marian plum
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Boueaburmanica Griff (อยู่ในตระกูล Amacardiaceae)

ควรปลูกไว้ในบริเวณใดของบ้าน

หากจะปลูกต้นมะยงชิดไว้ในบ้านนั้นแนะนำให้หาพื้นที่ในบริเวณบ้านที่กว้างพอสมควร เพราะเมื่อต้นมะยงชิดโตขึ้นแล้วจะมีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่อาจต้องการพื้นที่ที่มากพอสมควร ดังนั้นหากจะปลูกก็ควรจะเลือกบริเวณที่ไม่แคบ ไม่ชิดกับรั้วหรือกำแพงบ้าน จะทำให้ต้นมะยงชิดมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น และที่สำคัญควรเป็นบริเวณที่เหมาะสมและสะดวกในการดูแลให้น้ำและปุ๋ยด้วย

มะยงชิด คือ

ส่วนประกอบของมะยงชิด

ลักษณะของลำต้น

มะยงชิดเป็นไม้ผลที่มีต้นทรงแหลมถึงทรงกระบอก กิ่งก้านสาขาของมะยงชิดนั้นค่อนข้างทึบ โดยต้นมะยงชิดนั้นจะมีขนาดที่สูงในระดับปานกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งประมาณ 15-30 เซนติเมตร อีกทั้งยังมีระบบรากแก้วที่ดีจึงทำให้มะยงชิดทนต่อสภาพดิน ฟ้า อากาศ ที่แห้งแล้งได้ดีนั่นเอง

ใบ

มะยงชิดจะมีใบสีเขียวตลอดทั้งปี และใบของมะยงชิดนั้นมีจำนวนมากดูแน่นทึบ โดยลักษณะของใบนั้นจะคล้าย ๆ กับใบมะม่วงแต่มีขนาดที่เล็กกว่าใบมะม่วง และใบจะเรียวยาว ขนาดของใบโดยเฉลี่ยนั้นมีความกว้างประมาณ 3.5 เซนติเมตร มีความยาวประมาณ 14 เซนติเมตร ซึ่งใบจะเกิดเป็นคู่อยู่ตรงกันข้าม ขอบใบเรียบและมีแผ่นใบที่เหนียว สำหรับใบอ่อนที่แตกออกมาใหม่นั้นจะมีสีม่วงแดงและมีสีของเส้นใบที่ชัดเจน จากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวเป็นมัน 1 ปี มะยงชิดจะแตกใบอ่อนออกมาประมาณ 1-3 ครั้ง

ดอก

ดอกของมะยงชิดจะมีลักษณะเป็นช่อ ซึ่งเกิดที่บริเวณซอกใบและปลายกิ่งแขนงอยู่ภายในและภายนอกทรงพุ่ม โดยมีช่อดอกยาวประมาณ 8-15 เซนติเมตร ซึ่งดอกของมะยงชิดมักจะมีขนาดเล็ก และจะประกอบไปด้วยดอกสมบูรณ์เพศและดอกตัวผู้ มีดอกสีขาว ในประเทศไทยดอกของมะยงชิดนั้นจะบานในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม

ผล

ผลมะยงชิดจะมีลักษณะทรงกลมรูปรีคล้ายไข่ ส่วนปลายจะค่อนข้างเรียวแหลม ติดผลเป็นพวงซึ่งรูปร่างของมะยงชิดแต่ละสายพันธุ์ก็จะแตกต่างกันไป โดยรวมแล้วผลของมะยงชิดจะมีขนาดใหญ่กว่ามะปรางหวาน โดยที่ผลดิบจะมีรสเปรี้ยว ส่วนผลสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยว เมื่อตอนที่มะยงชิดยังดิบจะมีสีเขียวและเมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองอมส้ม

สายพันธุ์ของมะยงชิดที่นิยมปลูกกันส่วนใหญ่

  • พันธุ์เพชรกลางดง มีคุณสมบัติทัดเทียมกับพันธุ์อื่น ๆ ทุกอย่าง แต่มีจุดเด่นกว่าคือเป็นพันธุ์ที่เบา ออกผลง่าย สามารถต้านโรคและแมลงได้เป็นอย่างดี เมื่อนำไปตรวจ DNA แล้วพบว่าพันธุ์นี้มีเอกลักษณ์จำเพาะ เป็นพันธุ์ที่โดดเด่นและแตกต่างจากพันธุ์อื่น เรียกได้ว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงดีที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดอยู่ที่บ้านกลางดง จังหวัดกำแพงเพชร
  • พันธุ์ทูลเกล้าแท้ เป็นพันธุ์ที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครนายก ถือว่าเป็นพันธุ์มะยงชิดที่มีชื่อเสียงเป็นดาวค้างฟ้าไปทั่วประเทศ และยังเป็นพันธุ์ที่ถูกแอบอ้างชื่อมากที่สุด โดยคุณวิจิตรได้ไปซื้อแม่พันธุ์แท้ ราคา 5,000 บาท มาจากตำบลบางพรหมมา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมะยงชิด จากนั้นก็นำมาตรวจสอบ DNA จดทะเบียนสิทธิบัตรให้เป็นมะยงชิดพันธุ์ทูลเกล้าแท้ในนามจังหวัดกำแพงเพชร
  • พันธุ์บางขุนนนท์ ในรัชกาลที่ 5 จะเรียกกันว่ามะปรางเสวย โดยมีแหล่งกำเนิดอยู่ที่ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ก่อนที่จะแพร่ขยายแปลงสวนมาสู่บางขุนนนท์ ถือว่าเป็นพันธุ์มะยงชิดที่เก่าแก่ที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ หาพันธุ์อื่นมาเทียบเท่าไม่ได้

วิธีการปลูก

  1. ควรจัดระยะการปลูกแต่ละต้นให้ห่างกันอย่างน้อยประมาณ 7×7 เมตร
  2. ขุดหลุมให้ลึกประมาณ 50 เซนติเมตร กว้าง 50 เซนติเมตร และยาว 50 เซนติเมตรเช่นเดียวกัน
  3. เตรียมปุ๋ยไว้ โดยใช้เป็นปุ๋ยคอกจะดีกว่า ซึ่งอาจมีแกลบดินที่เป็นเชื้อรา ไม่แนะนำให้ใช้ปุ๋ยที่มีสารเคมี
  4. นำสิ่งที่เตรียมไว้ดังกล่าวนั้นมาผสมกันกับดินที่ขุดหลุมไว้ โดยผสมให้เข้ากัน (ใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกใหม่)
  5. นำกิ่งพันธุ์ลงปลูกในหลุมที่ขุดไว้ โดยให้แกะถุงพลาสติกที่อยู่กับต้นมะยงชิดออก และระวังอย่าให้ดินในถุงแตก จากนั้นก็กลบดินให้เท่ากับรอยดินในถุงเดิม ถ้าต้นติดก้นของถุงพลาสติกให้ตัดก้นถุงเป็นวงกลม และกลบดินพอหลอม ๆ จากนั้นก็ดึงถุงพลาสติกออก
  6. ปักไม้ค้ำยันกันลมโยกต้นเอาไว้ ซึ่งไม่ควรปักไว้ใกล้กับโคนต้น และอย่าลืมแกะถุงพลาสติกตรงที่พันรอย ทาบออกด้วย
  7. หากปลูกในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนจัดให้หาหญ้าแห้งมาคลุมโคนต้นไว้ และให้จัดทำเป็นร่มเงาเพื่อพรางแสงแดดให้กับต้นไม้
  8. รดน้ำให้ต้นมะยงชิดมีความเปียกโชก เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับต้นมะยงชิด

วิธีการดูแล

แสง

ในช่วงแรกที่ปลูกควรหาหญ้าแห้งมาคลุมโคนต้นไว้ และจัดทำร่มเงาเพื่อพรางแสงแดดให้กับต้นมะยงชิด แต่เมื่อต้นมีการเจริญเติบโตแข็งแรงดีแล้วสามารถปล่อยให้ต้นโดนแดดได้ เพราะมะยงชิดเป็นไม้ผลที่ทนต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ แต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้โดยที่ไม่ดูแล เราควรให้น้ำกับต้นมะยงชิดอย่างเพียงพอ

น้ำ

แหล่งที่ปลูกต้นมะยงชิดนั้นควรจะเป็นแหล่งที่มีปริมาณน้ำฝนกระจายตัว ฝนตกตามฤดูกาล ส่วนแหล่งที่มีปริมาณฝนตกน้อยนั้นควรเลือกพื้นที่ที่ใกล้กับแหล่งน้ำหรือมีน้ำชลประทานอย่างเพียงพอ เพราะในระยะที่มะยงชิดออกดอกและติดผลนั้นจะเป็นช่วงที่มีปริมาณฝนตกน้อยมาก ดังนั้นในช่วงนี้จึงควรให้น้ำกับต้นมะยงชิดอย่างเพียงพอ โดยให้น้ำประมาณ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์

ดิน

ถ้าเกิดว่าดินในบริเวณที่ปลูกต้นมะยงชิดนั้นมีสภาพดินที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ก็ให้นำปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกมาผสมกันแล้วใส่ดินตรงบริเวณที่ปลุก เพื่อฟื้นฟูสภาพของดินให้ดีขึ้น

ปุ๋ย

การให้ปุ๋ยตั้งแต่ตอนเริ่มต้นปลูกจนต้นเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ นั้นควรจะใช้เป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยจากมูลสัตว์ ไม่ควรใช้ปุ๋ยที่มีสารเคมี โดยปุ๋ยจากมูลสัตว์นั้นก็ได้แก่ มูลวัว มูลกระบือ มูลไก่ มูลสุกร ซึ่งให้โรยรอบ ๆ ทรงพุ่ม และจากนั้นถ้าต้นโตขึ้นมากแล้วก็เริ่มให้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมีได้บ้าง

มะยงชิด ภาษาอังกฤษ

ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่น ๆ

  • ผลของมะยงชิดนั้นมีสรรพคุณเหมือนยาอายุวัฒนะเลย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของเรากลับคืนสู่ความอ่อนเยาและชะลอความแก่ได้ด้วย
  • มะยงชิดติด 1 ใน 10 ผลไม้ที่มีวิตามินซีและสารเบต้าแคโรทีนสูงมาก ซึ่งจะช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวสวย สดใส เต่งตึง อีกทั้งยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกาย และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย
  • ผลของมะยงชิดมีสารที่ชื่อว่าไนอะซิน ซึ่งสารนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อระบบประสาทและสมอง อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณของเราให้สวยสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
  • ในมะยงชิดยังมีวิตามินเอที่เป็นประโยชน์ต่อดวงตา ช่วยในการบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงของเซลล์ลูกตาและลดการเกิดต้อกระจกด้วยเช่นกัน
  • วิตามินซีสูงในผลมะยงชิดจะมีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันการเกิดเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งวิตามินซีจะช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไม่ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะกับโรคหวัดต่าง ๆ
  • มะยงชิดยังเป็นผลไม้ที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อกระดูกมาก ๆ โดยมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนและโรคกระดูกเสื่อมอีกด้วย
  • มะยงชิดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อฉ่ำน้ำ มีรสหวานอมเปรี้ยว เมื่อกินมะยงชิดแล้วจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับเราได้
มะยงชิด ราคา

ราคาต่อต้นโดยประมาณ

ต้นมะยงชิดทาบกิ่งที่มีความสูง 70-100 เซนติเมตร จะมีราคาอยู่ประมาณ 80-250 บาท และต้นมะยงชิดที่มีขนาดของลำต้น 1-2 นิ้ว สูงประมาณ 2 เมตร จะมีราคา 1,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ราคาของต้นมะยงชิดนั้นก็จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป

แหล่งอ้างอิง

http://www.sptn.dss.go.th/otopinfo/

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้