“ มะไฟ ” ชื่อผลไม้พื้นบ้านที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่เวลาท่องอาขยาน ผลไม้ไทย เป็นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน ที่เป็นที่นิยมมาช้านาน มะไฟถือเป็นพืชเศรษฐกิจดาวรุ่งที่มีคนสนใจหันมาปลูกกันในปัจจุบัน โดยราคาขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 50-80 บาท (หนึ่งกิโลกรัมมีประมาณ18-20 ผล) ซึ่งก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะมะไฟต้นหนึ่งๆ สามารถมีอายุได้นับ 100 ปี และเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกลูกง่าย แถมยังมี รสชาติดี ไม่ค่อยผิดเพี้ยนจากต้นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และการดูแลก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการปลูกผลไม้สวนชนิดอื่นๆ ที่สำคัญ ติดลูกง่ายและมีผลผลิตสม่ำเสมอ แถมยังมีตลาดรองรับที่แน่นอน ทำให้มะไฟเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ผลที่น่าจับตามองในอนาคต
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อสามัญ : Rambeh Bambi
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Baccaurea ramiflora Lour.
ชื่อวงศ์ : Phyllanthaceae
ชื่ออื่นๆ : อาทิ ภาคใต้เรียก “ ส้มไฟ หรือ หัมกัง แถบจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นต้น
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นมะไฟ
มะไฟ เป็นไม้ผลยืนต้นที่มีอายุเฉลี่ยยาวนานนับร้อยปี ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกฤดูกาล จึงมีความเชื่อว่าการปลูกมะไฟให้ดีให้ดอกผลดก จะทำให้ผู้ปลูกได้รับความเจริญงอกงามและอายุยืนยาว
ส่วนความเชื่ออีกลักษณะที่อยากจะกล่าวถึงคือ เนื่องจากมะไฟเป็นผลไม้ประเภทมีรสเปรี้ยวมากกว่าหวาน จนกระทั่งมีความเชื่อกันว่า ต้องนำมะไฟมาใส่ไว้ในมือแล้วเขย่าพร้อมๆไปกับการร้องว่า “มะไฟเดือนห้า ฝนฟ้าไม้ตก มะไฟเดือนหกท้องขึ้นท้องลง” เช่นนี้แล้วเมื่อปอกเปลือกรับประทานก็จะได้มะไฟที่มีรสหวาน
ส่วนประกอบของต้นมะไฟที่น่าสนใจ
ลักษณะของลำต้นของมะไฟ
ต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ สูง 10-15 เมตร เปลือกลำต้นบาง มีสีน้ำตาลอมเขียวมีร่องเล็กๆ เป็นรอยแตก
ใบ
ใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ใบรูปรีแกมหอก โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ปลายเรียวแหลมใบเป็นครีบเล็กน้อย มีสีเขียวถึงเขียวเข้ม
ดอก
ออกดอกเป็นช่อ มีลักษณะเป็นเส้น ยาว 15-30 เซนติเมตร ออกดอกตามลำต้น และกิ่งใหญ่มักเกิดรวมกันเป็นกระจุก
ผล
ติดผลเป็นพวงบน ก้านช่อ ผลมีรูปร่างกลมหรือยาวรี สีผิวเหลืองถึงแดง ผิวเกลี้ยง เปลือกผลมียาง เนื้ออาจมีสีใส หรือขาวขุ่น รสเปรี้ยวอมหวาน
เมล็ด : มีลักษณะแบนอยู่ภายในผล ซึ่ง 1 ผล มีประมาณ 1-3 เมล็ด
สายพันธุ์ของต้นมะไฟที่นิยมปลูกในเมืองไทย
“มะไฟ” เกิดตามป่าดงดิบแล้ง ใกล้ลำธารหรือในป่าทั่วไป จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ พบได้ในหลายพื้นที่ของโลก ตั้งแต่เนปาล อินเดีย พม่า จีนตอนใต้ เขมร เวียดนาม ไทย และมาเลเซีย ปัจจุบันสายพันธุ์มะไฟที่นิยมปลูกในเมืองไทยคือ มะไฟอินเดีย มะไฟมาเลเซีย และมะไฟของไทย แหล่งผลิตและต้นแม่พันธุ์ที่ดีมีชื่อเสียงจะอยู่ที่แถบจังหวัดกรุงเทพฯ ชลบุรี และนนทบุรี พันธุ์ที่ปลูกกันอยู่ในปัจจุบัน เช่น พันธุ์เหรียญทอง ไข่เต่า กระถิน และมะไฟพันธุ์ทองสยาม ที่กำลังเป็นที่นิยมในท้องตลาด ด้วยจุดเด่นที่ดึงดูด มีรสชาติหวาน ลูกใหญ่ ปลูกง่าย ติดผลดก ออกลูกทวาย ผิดจากมะไฟทั่วไป
รู้หรือไม่มะไฟสามารถปลูกได้ทั้งลงดินและในกระถาง
มะไฟ เป็นพืชที่ดูแลง่าย และนิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และทาบกิ่ง โดยการเตรียมหลุมขนาด 50×50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 3×3 เมตร มะไฟสามารถปลูกระบบชิดได้ เพราะมะไฟออกลูกใต้ต้น โคนต้น ไม่ใช่ออกที่ยอด เพราะถ้าออกที่ยอด ต้นไม้จะต้องใช้แสงเยอะ และไม่ควรปลูกชิดกันจนบังแสง การย้ายกล้าพันธุ์ไปปลูกควรปลูกแค่เสมอหลุม จะไม่ปลูกต่ำกว่าหลุมมาก เพราะไม้จะไม่โต เมื่อลงต้นกล้าเสร็จให้รดน้ำให้ชุ่ม เคล็ดลับชาวสวนอีกอย่างคือ ไม่ควรปลูกแต่มะไฟล้วนๆ ในสวน แต่ควรหากล้วยมาปลูกแซมเพราะจะทำให้ดินสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้ในชั้นใต้ดินมาก ทำให้ดินมีประสิทธิภาพในการหาอาหารแต่ต้นมะไฟดียิ่งขึ้น
มะไฟยัง สามารถปลูกในกระถางไซส์ใหญ่ตั้งแต่ 25-30 นิ้วได้ โดยใส่ดินตามปกติเหมือนปลูกพืชทั่วไป
วิธีการดูแลต้นมะไฟให้ได้ผลผลิตปริมาณมาก
แสง
มะไฟจะติดดอกออกผลดีต้องอยู่ในสภาพมีพืชร่วมช่วยบังแสง หรือไม่ชอบแสงแดดจัด ถ้าหากปลูกไว้กลางแจ้งควรทำที่กำบังแดดให้
น้ำ
น้ำต้องการน้ำปานกลาง โดยเวลารดน้ำให้ดูที่ดินรอบๆ ถ้าดินยังมีความชื้นอยู่มากยังเปียกอยู่ก็ไม่ต้องรด รอจนดินแห้งค่อยรดครั้งต่อไป แต่ในช่วงให้ผลผลิตควรมีปริมาณน้ำพอเพียง มีความชื้นในบรรยากาศค่อนข้างสูง เพราะมะไฟต้องการน้ำมากในระยะติดผล และระยะเริ่มติดดอก หากขาดน้ำจะทำให้การผสมเกสรล้มเหลว เมื่อเริ่มแทงช่อ เริ่มมีปุ่ม ให้เริ่มพรมน้ำเพื่อให้แตกช่อได้เต็มที่ ช่วงระยะออกดอกต้องเริ่มให้น้ำเลย ให้ปริมาณพอสมควร แต่ช่วงระยะเริ่มผสมติดแล้วให้น้ำเต็มที่ มะไฟต้องการน้ำ งดน้ำไม่ได้ ถ้าให้น้ำน้อยเกินไปมะไฟจะฝ่อไม่มีเมล็ด หากปลูกต้นเดียวให้ตักรดทีละต้น
ดิน
ปลูกได้ในดินทั่วไป แต่โดยส่วนใหญ่จะชอบดินร่วน หรือดินร่วนเหนียวซึ่งจะระบายน้ำได้ดีแต่ยังคงเก็บกักความชื้นได้สูง
ปุ๋ย
การให้ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ยคอกปีละ 2 ครั้ง และควรให้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกต้องเหมาะสมตามช่วงเวลาในการออกผลผลิต โดยระยะก่อนออกดอก ควรใส่ปุ๋ยตัวกลางสูง เช่น สูตร 10-30-10 เพื่อกระตุ้นการพัฒนาของรากและการผลิดอก แต่เมื่อติดผลแล้วต้องใส่ปุ๋ยสูตรตัวท้ายสูง เช่น สูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 ปุ๋ยตัวท้ายคือ โพแทสเซียม ช่วยเร่งกระบวนการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลจากใบและต้นไปยังผล อีกทั้งทำให้สีสันสวยยิ่งขึ้น
ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่นๆ ของต้นมะไฟ
มะไฟถือเป็นพืชผลไม้ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ผลมะไฟสุกจะมีรสเปรี้ยวอมหวานและมีกรดอินทรีย์อยู่หลายชนิด รวมไปถึงวิตามินซี น้ำตาล และอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นิยมรับประทานเป็นผลไม้สดหรือนำไปทำเป็นน้ำผลไม้ นอกจากผลของมะไฟที่มีประโยชน์แล้ว ส่วนอื่น ๆ ของมะไฟก็ยังมีประโยชน์อีกด้วย เช่น ใบของมะไฟและรากสด-แห้ง ต่างก็มีประโยชน์เช่นกัน โดยมีสรรพคุณในการรักษาโรคและอาการต่าง ๆ ได้ เช่น ช่วยแก้และบรรเทาอาการไอแถมยังทำให้ชุ่มคอ ช่วยขับเสมหะและช่วยละลายเสมหะ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยแก้โรคหวัด ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย ช่วยดับพิษร้อน (รากสดหรือรากแห้ง) ผลใช้เป็นยาช่วยย่อย รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือ แก้อาการท้องร่วง โดยการนำรากไปต้มกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เป็นต้น
ราคาจำหน่ายต่อต้นโดยประมาณ
ราคาต้นพันธุ์ เริ่มต้นที่ 200-500 บาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ขนาด ความสูง และความสมบูรณ์ของต้น