เงาะ ไม้ผลยืนต้นที่คนไทยนิยมปลูก

เงาะ เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ เป็นผลไม้เมืองร้อนขนาดกลาง ซึ่งเป็นผลไม้พื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการเจริญเติบโตได้ในบริเวณที่มีความชื้นค่อนข้างสูง ส่วนเงาะในประเทศไทยนั้นจะนิยมปลูกในภาคตะวันออกและภาคใต้ และเงาะก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่คนไทยนิยมรับประทานเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีรสชาติที่หวานแล้วเนื้อของเงาะยังชุ่มฉ่ำอีกด้วย

ต้นเงาะ

ข้อมูลทั่วไป

 ชื่อภาษาอังกฤษ : Rambutan Tree
 ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nephelium lappaceum Linn (อยู่ในวงศ์ Sapindaceae)

ควรปลูกต้นเงาะไว้บริเวณใด

ต้นเงาะจะชอบพื้นที่ที่มีความชื้นค่อนข้างสูง ในประเทศไทยนั้นจึงเหมาะกับการปลูกไว้ที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ เพราะสภาพดินฟ้าอากาศที่นั่นเหมาะกับต้นเงาะ ทั้งนี้ต้นเงาะนั้นเหมาะกับปลูกไว้ในสวนหรือบางคนก็ปลูกไว้แถวบริเวณบ้าน แต่ถ้าปลูกไว้ในบริเวณบ้านควรเว้นระยะห่างไว้ให้พอดี เมื่อต้นเงาะโตขึ้นจะได้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม

ส่วนประกอบของต้นไม้

ลำต้น

ของเงาะนั้นจะมีความสูงประมาณ 10-15 เมตร แต่ต้นเงาะที่ปลูกตามสวนของเกษตรกรนั้นจะมีความสูงไม่มากนัก โดยจะมีความสูงอยู่ประมาณ 4-8 เมตร เพราะวิธีการปลูกคือนำต้นพันธุ์มาจากการเสียบยอดหรือการตอนจึงทำให้ต้นมีความสูงไม่มาก แต่ต้นที่ปลูกด้วยเมล็ดก็จะมีความสูงมากกว่านี้ ในส่วนของลำต้นเงาะนั้นมีเปลือกสีเทาอมน้ำตาล โดยที่ลำต้นจะแตกกิ่งตั้งแต่ระดับล่างและแตกกิ่งออกเป็นจำนวนมาก ทำให้มองเป็นทรงพุ่มหนาทึบ ซึ่งกิ่งนั้นจะมีขนาดเล็กและเปราะหักง่าย แต่มีเนื้อไม้ลำต้นที่แข็ง

ใบ

ใบของเงาะนั้นจะเป็นใบประกอบแตกออกตามปลายกิ่ง ในส่วนของก้านใบหลักนั้นจะยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร และบนก้านใบหลักจะมีใบย่อยแตกออกเรียงสลับกันประมาณ 4-6 อยู่ใบด้วยกัน ลักษณะของใบจะเป็นรูปไข่กลับหัว ขนาดใบประมาณ 4×15 เซนติเมตร แผ่นใบด้านบนจะมีสีเขียมอมน้ำตาลเป็นมันเล็กน้อย ส่วนแผ่นใบด้านล่างนั้นจะมีสีที่อ่อนกว่า ซึ่งแผ่นและขอบใบจะดูเรียบ มีปลายใบที่แหลมแต่ไม่มีขน และมีเส้นใบ 8-10 คู่

ดอก

ในส่วนของดอกเงาะนั้นจะออกดอกเป็นช่อและแทงออกที่ส่วนปลายของกิ่ง แต่ถ้าหากปลายหรือยอดกิ่งถูกทำลายก็จะทำให้ช่อดอกนั้นแทงออกบริเวณตาข้างใกล้ส่วนปลายกิ่ง ความยาวของแต่ละช่อก็จะมีขนาดประมาณ 25 เซนติเมตร และมีความกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร ในระยะแรกช่อดอกนั้นจะเป็นสีน้ำตาลดำ แต่เมื่อโตขึ้นแล้วจะมีสีเขียวอ่อนหรือน้ำตาลอมเขียว โดยแต่ละช่อดอกนั้นจะมีดอกประมาณ 1,450 ดอก แต่จะติดเป็นผลประมาณ 0.5-0.9% ของดอกทั้งหมด หรือประมาณ 6-13 ผลนั่นเอง

ต้นเงาะโรงเรียน

 สายพันธุ์ของเงาะที่หลายหลาย

 เงาะโรงเรียน

เงาะพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดในตำบลนาสาร อำเภอบ้านนาสาร ประเทศไทย โดยในปี พ.ศ.2469 นายเค หว่อง ชาวจีนสัญชาติมาเลเซียได้ย้ายมาทำงานอยู่ที่นาสารและได้ปลูกบ้านอยู่อาศัย เขาได้นำเมล็ดเงาะพันธุ์หนึ่งเข้ามาปลูกในบริเวณบ้าน แต่เวลาผ่านไปหลายปีเขาก็ตัดสินใจขายที่ดินส่วนนั้นทั้งหมดให้กับกระทรวมธรรมมาการหรือกระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน ต่อมาพื้นที่แห่งนั้นก็ถูกใช้สร้างโรงเรียนนาสารขึ้นและในเวลาต่อมาต้นเงาะที่นายเค หว่อง ได้ปลูกไว้ก็เริ่มโตและออกผล เมื่อคนชิมรสชาติของเงาะพันธุ์นี้ก็รู้สึกว่าเงาะพันธุ์นี้มีรสชาติหวานอร่อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ ก็เลยทำให้หลายคนมาขอนำไปขยายพันธุ์แต่ในสมัยนั้นยังไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีก็เห็นว่าต้นเงาะพันธุ์นี้ยังเติบโตอยู่ได้นานหลายปีจึงอนุญาตให้คนนำไปขยายพันธุ์ได้ และก็ได้ตั้งใช้เงาะพันธุ์นี้ว่าเงาะโรงเรียนนั่นเอง ซึ่งเงาะโรงเรียนนี้จะมีลักษณะพิเศษกว่าต้นอื่น ๆ เพราะเวลาผลเงาะสุกแล้วเปลือกผลก็เป็นสีแดงและถึงจะสุกมากขนาดไหนปลายขนก็ยังคงมีสีเขียวอยู่ ส่วนผลนั้นจะมีรูปร่างกลมรีเล็กน้อย  เปลือกบาง เนื้อหนา รสหวานหอมกรอบและล่อน ทำให้พันธุ์นี้เป็นที่นิยมของคนทั่วไป

เงาะสีชมพู

เงาะพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ปลูกง่ายและมีการเจริญเติบโตที่ดี เป็นพันธุ์ที่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งจะให้ผลดกมีผิวและขนเป็นสีชมพูสด ในส่วนของเนื้อก็จะมีความหนา ฉ่ำน้ำ แต่บอบช้ำง่าย โดยเงาะพันธุ์นี้คือพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์มาจากเงาะบางยี่ขันว่า เงาะพันธุ์หมาจู เนื่องจากเงาะพันธุ์นี้จะมีขนยาวสวยงามคล้ายหมาจู แต่เงาะพันธุ์หมาจูจะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากเงาะบางยี่ขันตรงที่เงาะบางยี่ขันนั้นเนื้อจะไม่ร่อน และผลจะมีสีส้ม ส่วนเงาะพันธุ์หมาจูนั้นจะมีเนื้อที่หวาน ร่อน กรอบ และมีสีชมพูเข้มสวยงาม จากนั้นเงาะพันธุ์หมาจูก็ได้มีการปลูกเพิ่มมากขึ้นในเวลาต่อมาและแพร่หลายไปทั่วจังหวัดจันทบุรี และชาวสวนก็ได้เรียกชื่อเงาะพันธุ์นี้ใหม่โดยอิงตามลักษณะสีสันของผลว่าเงาะพันธุ์สีชมพู หรือเงาะสีชมพูนั่นเอง

เงาะสีทอง

เงาะพันธุ์นี้เป็นเงาะพันธุ์ดั้งเดิม ที่มีปลูกในจังหวัดจันทบุรีและตราด โดยมีลักษณะเด่นตรงที่ผลของเงาะจะมีขนาดที่ใหญ่มาก และขนยาวสีแดง ตรงปลายจะมีสีเขียว เมื่อผลสุกแล้วเปลือกก็จะมีสีแดงเข้ม ส่วนของเนื้อนั้นจะมีสีขาวค่อนข้างใส เมล็ดของเงาะพันธุ์นี้จะค่อนข้างแบนและมีสีขาวปนน้ำตาล จะมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยเมื่อเก็บมาจากต้นใหม่ ๆ แต่ถ้าทิ้งไว้ 1-2 คืน จะมีรสชาติที่หวานแหลมขึ้นอีกและมีกลิ่นหอมด้วยเช่นกัน

การปลูกเงาะ

วิธีการปลูก

  1. การปลูกด้วยวิธีขุดหลุม การปลูกด้วยการขุดหลุมนั้นควรจะขุดหลุมให้มีลักษณะ กว้าง×ยาว×ลึก ประมาณ 50×50×50 เซนติเมตร แต่ในกรณีที่ดินที่ใช้ปลูกนั้นมีความอุดมสมบูรณ์น้อยก็ควรจะขุดหลุมขนาด 1×1×1 เมตร โดยแนะนำให้ผสมดินกับปุ๋ยคอกแห้งประมาณ 1 บุ๋งกี๋ พร้อมกับหินฟอสเฟตประมาณ 2 กระป๋องนม จากนั้นก็กลบลงในหลุมให้สูงกว่าระดับเดิมประมาณ 20-25 เซนติเมตร เสร็จแล้วก็นำกิ่งพันธุ์ดีมาวางไว้กลางหลุมเล็ก ๆ ที่เตรียมไว้และทำการกลบดินให้สูงกว่าระดับเดิมประมาณไม่เกิน 1 นิ้ว แต่ให้ระวังอย่ากลบดินให้สูงกว่ารอยแผลที่ติดตา และควรใช้ไม้เป็นหลักโดยการใช้เชือกผูกต้นไว้กับไม้เพื่อยึดกิ่งไว้ไม่ให้ต้นล้ม วิธีนี้จะเหมาะกับพื้นที่ที่ยังไม่มีการวางระบบระบายน้ำเอาไว้มาก่อน ซึ่งจะช่วยให้ดินในหลุมนั้นเก็บความชื้นเอาไว้ได้ดีขึ้น
  2. การปลูกโดยที่ไม่ต้องขุดหลุม การปลูกด้วยวิธีนี้จะเหมาะกับพื้นที่ที่มีฝนตกชุก เพราะต้นเงาะชอบพื้นที่ที่ค่อนข้างชื้นแต่สามารถระบายน้ำได้ดี แต่วิธีนี้จำเป็นต้องมีการวางระบบระบายน้ำเอาไว้ก่อนที่จะปลูก โดยวิธีนี้จะทำให้ต้นเงาะมีการเจริญเติบโตได้เร็วกว่าวิธีการขุดหลุม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำให้เลือกต้นกล้าที่มีระบบรากดี ไม่ขดไม่งอ ถ้าเป็นต้นกล้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็ให้ตัดดินและรากที่ขดหรือจะพันตรงก้นถุงออกก็ทำได้เช่นกัน 

วิธีการดูแล

แสง

แสงแดดนั้นต้องส่องถึงทุกด้านของทรงพุ่ม แต่ถ้าเกิดแสงแดดจัดเกินไปก็จะทำให้เงาะติดผลได้น้อยลงและจะติดผลในส่วนของช่อดอกซึ่งอยู่ใต้ทรงพุ่มหรือส่วนที่อยู่ใต้ใบ อีกทั้งถ้าโดนแดดแรง ๆ ก็อาจจะส่งผลให้ผลของเงาะนั้นล่วงลงมาและขนของผลเงาะก็จะไหม้เหี่ยวได้เช่นกัน ดังนั้นควรหมั่นให้น้ำบ้างเพื่อป้องกันไม่ให้ผลของเงาะเสียหาย

น้ำ

ในช่วงที่เริ่มปลูกต้นเงาะควรจะให้น้ำอย่างสม่ำเสมอจนกว่าต้นเงาะนั้นจะตั้งตัวได้ และควรให้น้ำวันละ 30 นาที
ในช่วงที่ต้นเงาะเริ่มออกดอกก็ให้น้ำในปริมาณที่น้อยลงมาหน่อยเพื่อป้องกันการแตกใบอ่อน ถ้าเกิดว่ามีใบอ่อนแซมช่อดอกมากก็ควรงดให้น้ำสักระยะจนกว่าใบอ่อนที่แซมมานั้นจะร่วงหมดไป แล้วค่อยเริ่มให้น้ำใหม่เพื่อให้ตาดอกนั้นเจริญต่อไป โดยให้น้ำ 1 ใน 3 ของการให้น้ำปกติ จากนั้นก็ให้น้ำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆในช่วงที่ดอกเริ่มบานและติดผลแล้วอยู่ในช่วงที่ผลกำลังเจริญเติบโตก็ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าเกิดว่าต้นเงาะได้รับน้ำอย่างไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้ผลของเงาะนั้นเล็ก ลีบ และมีเปลือกหนาในช่วงที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวนั้นถ้าเกิดว่าฝนทิ้งช่วงไปก็ควรจะให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าต้นเงาะขาดน้ำแล้วเกิดมีฝนตกลงมาจะทำให้ผลเงาะนั้นแตกเสียหายได้

ดิน  

ดินที่เหมาะสมในการใช้ปลูกควรจะเป็นดินที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (ค่า pH) ของดินประมาณ 5.5-6.5 ตอนจะปลูกก็ให้เลือกแหล่งปลูกที่มีน้ำเพียงพอตลอดปี เพราะเงาะเป็นไม้ผลที่ต้องการความชื้นพอสมควร และเงาะเป็นไม้ผลที่มีระบบรากหาอาหารลึกประมาณ 60-90 เซนติเมตรจากผิวดิน ดังนั้นจึงต้องการสภาพแล้งก่อนที่จะออกดอกติดต่อกัน ประมาณ 21-30 วัน

ปุ๋ย

ในช่วงแรกของการปลูกนั้นก็ควรจะใส่ปุ๋ยในอัตรา 1:1:1 ซึ่งให้ใส่ประมาณ 1 กิโลกรัม/ต้น/ปี จะช่วยให้ต้นเงาะมีการเจริญเติบโตได้ดี ส่วนต้นเงาะที่มีอายุ 1-2 ปี แนะนำให้ใส่ปุ๋ยครั้งแรกตอนต้นฤดูฝนจะช่วยให้ต้นเงาะได้รับอาหารครบทั้งปุ๋ยและน้ำฝนที่ตกลงมา และให้ใส่อีกเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงปลายฤดูฝนโดยใส่ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์
ในช่วงก่อนออกดอกก็ให้ปุ๋ยสูตร 8-24-24 หรือสูตร 9-24-24 ประมาณ 2-3 กิโลกรัม/ต้น ซึ่งวิธีการใส่ปุ๋ยนี้จะทำให้ต้นเงาะเจริญเติบโตได้ตามลำดับอย่างเหมาะสม ในช่วงที่ต้นเงาะเจริญเติบโตเต็มที่และเริ่มติดผลแล้วให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือสูตร 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น และก่อนที่เราการเก็บเกี่ยวประมาณ 1 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 12-12-17-2 หรือ 13-13-21 หรือ 14-14-25 ในอัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น วิธีการใส่ปุ๋ยนั้นก็ให้หว่านปุ๋ยลงบริเวณทรงพุ่มของต้นเงาะ

ประโยชน์และสรรพคุณ

เงาะ ผลไม้ที่มีสารที่ชื่อว่าแทนนิน ซึ่งสารนี้จะสามารถฟอกหนัง ย้อมผ้า บำบัดน้ำเสีย และสามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยได้ด้วย สารในเงาะนั้นจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นยารักษาโรคได้ด้วย โดยผลสดของเงาะนั้นสามารถแก้อาการท้องร่วงชนิดรุนแรงได้ดี และสามารถนำผลเงาะมาต้มเอาน้ำไปดื่มเพื่อช่วยแก้อาการอักเสบในช่องปากและโรคบิดท้องร่วงได้เช่นกัน อีกทั้งเปลือกของเงาะนั้นก็มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

เงาะพันธุ์ อะไร อร่อย

ราคาต่อต้นโดยประมาณ

ต้นเงาะมีหลายสายพันธุ์อยู่ด้วยกันและขนาดของต้นที่ขายก็จะแตกต่างกันออกไป ทำให้แต่ละต้นมีราคาที่ไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้วต้นเงาะที่มีขนาด 50-60 เซนติเมตร จะมีราคาประมาณ 60-70 บาท ส่วนต้นเงาะที่มีขนาด 30-40 เซนติเมตร จะมีราคาประมาณ 100-200 บาท และต้นเงาะที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยประมาณ 80-90 เซนติเมตร ก็จะมีราคาประมาณ 350 บาทโดยประมาณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านด้วยว่าจะกำหนดขายในราคาไหนแต่โดยทั่วไปแล้วก็ขายในราคาประมาณนี้

แหล่งอ้างอิง

: http://www.eculture.rbru.ac.th/

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้