ข้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาอังกฤษ : Blackberry
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Rubus Fruticosus
ส่วนประกอบของต้นแบล็คเบอร์รี่ (Blackberry)
ลำต้น
ต้นแบล็คเบอร์รี่เป็นพืชล้มลุกที่มีขนาดเล็ก ลำต้นมีลักษณะเลื้อยตามพื้นดิน แตกกิ่งก้านออกมาเป็นพุ่ม ลำต้นมีลักษณะกลมๆเป็นสีน้ำตาล มีหน่อแตกออกมาจากต้น และบริเวณลำต้นก็มีหนามแหลมแข็งออกมาปกคลุม
ราก
ลักษณะของรากต้นแบล็คเบอร์รี่นั้นจะมีลักษณะกลมๆ แทงลงในดิน มีรากแขนงและรากฝอยเล็กๆออกมาตามแนวรากและจะมีหน่อเล็กๆแทงออกมาจากดินแตกจากต้น
ใบ
ใบของต้นแบล็คเบอร์รี่นั้นจะมีลักษณะเป็นทรงกลมรี ใบมีขนาดใหญ่บริเวณรอบขอบของใบมีรอยหยักฟันเล็กๆ ก้านในยาวมีหนามปกคลุมมีใบย่อย 3 ใบบนอยู่บนก้านเดียวกัน เมื่อสัมผัสใบจะรู้สึกได้ว่าใบมีความสากมือและมีขนปกคลุมสีของใบเป็นสีเขียว
ดอก
จะออกดอกเป็นช่อ มีรูปทรงคล้ายแตร เกสรของดอกเป็นสีเหลือง มีกลีบเลี้ยงสีเขียว กลีบดอกสีขาว ก้านของดอกจะมีความยาว ออกดอกออกช่อตามบริเวณซอกหรือปลายกิ่ง
ผล
เป็นผลเดี่ยว อยู่เป็นพวงมีลักษณะเป็นพวงรูปกรวยผิวเปลือกมีปุ่มกลมเล็กๆอยู่บนผลแน่น มีขนบางๆอยู่ทั่วผล ผลอ่อนจะเป็นสีเขียวอ่อน ผลแก่จะเป็นสีแดง เมื่อผลเริ่มสุกแกจะกลายเป็นสีม่วงเข้มหรือสีดำ มีเนื้อเป็นสีดำอมแดง เนื้อชุ่มฉ่ำ รสชาติหวานเปรี้ยว มีกลิ่นหอม
เมล็ด
เมล็ดของต้นแบล็คเบอร์รี่นั้นจะอยู่ในผลมีลักษณะเป็นทรงรีเล็กๆเมล็ดแข็ง สีน้ำตาล
สายพันธุ์ของต้นแบล็คเบอร์รี่ (Blackberry)
แบล็กเบอร์รี่แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1.Primocane 2.Floricane
Primocane
เป็นสายพันธุ์ที่ออกดอกออกผลตั้งแต่ปีแรกที่ปลูก ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอากาศแบบไหนโดยจะมีลูกดก ผลโตรสชาติอร่อย
Floricane
เป็นกลุ่มสายพันธุ์ที่ต้องมีอายุ 2 ปีขึ้นไปถึงจะออกผลโดยต้องผ่านอากาศหนาวๆเพื่อกระตุ้นดอก นิยมปลูกในบริเวณ อเมริกาและอังกฤษ
สายพันธุ์ที่นิยมของต้นแบล็คเบอร์รีมีดังนี้
- Blackberry Black Satin เป็นต้นที่มีความสูงไม่เกิน 2 เมตร ผลมีขนาดกลาง มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน
- Blackberry Natchez เป็นเบอร์รี่ที่มีรสชาติหวานถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกา ในปี 2550 เริ่มเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน กรกฎาคม
- Blackberry Agavam ผลจะสุกในช่วงเดือน สิงหาคม ต้นสูงได้ถึง 3 เมตรผลผลิตจะออกแบบค่อยเป็นค่อยไป
- Blackberry Ruben เป็นพุ่มไว้ที่ลักษณะสูง ผลจะมีขนาดที่ใหญ่ชั่งได้ 10 ถึง 16 กรัมสุก ในช่วงปลายฤดูร้อนเก็บเกี่ยวได้ถึงเดือนตุลาคม
- Blackberry Triple Crown เป็นอีกสายพันธุ์ในอเมริกันถูกสร้างโดยมีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของโอเรกอน มีความอดทนในหน้าหนาว
- Blackberry Chester Thornless เป็นต้นที่ไม่มีหนามลดความยุ่งยากในการปลูก มีกลิ่นหอม ผลสีดำรสชาติหวาน
- Blackberry Karaka Black ผิวของผลมีความหนาสีดำทันวาว รสชาติมีความฉ่ำอร่อย
- Blackberry Variety Loch Ness
- Blackberry Polar เป็นสายพันธุ์ที่ได้มาจากพันธุ์โปแลนด์ ทนต่อการต้านทานน้ำค้างแข็งสูง ผลมีขนาดใหญ่ เป็นรูปทรงไข่มีสีผิวดำเงารสชาติหวาน
- Blackberry Loch Tay ผลเบอร์รี่มี่มีขนาดใหญ่ รถชาติหวานมีเยื้อหนาแน่นผิวเรียบมันวาว
- Blackberry Thornfrey เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลาง หน่อยาวไท่เกิน 5 เมตรทนทานต่อโรคและผลผลิตสูง
- Blackberry Giant เป็นพันธุ์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหนาม ทนต่อฤดูหนาว
- Blackberry Arapaho เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมาก ผลมีน้ำหนักถึง 7 กรัม รสชาติหวาน ผลมีเปลือกมันเงาสีดำรูปกรวย
- Blackberry Kiowa ผลมีขนาดใหญ่มากน้ำหนักมีถึง 20 กรัม ทนต่อน้ำค้างได้ดี
- Blackberry Apache เป็นต้นที่มีหน่อที่แข็งแรง ทนต่อน้ำค้างแข็งมีขนาด 10 กรัม ออกผลผลิตที่ออกมาได้จำนวนมากๆ
วิธีการปลูกต้นแบล็คเบอร์รี่ (Blackberry)
ต้นแบล็คเบอร์รี่นั้นเป็นพืชที่ชอบความร้อนมากดังนั้นหากต้องการจะปลูกต้นแบล็คเบอร์รี่ควรเลือกปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงสว่างมากพอ หรือจะให้ดีควรเลือกปลูกในบริเวณฝั่งตะวันออกหรือตะวันตกเพื่อป้องกันแสงแดดยามเที่ยง โดยวิธีการปลูกต้นแบล็คเบอร์รี่นั้นสามารถทำได้หลายทาง เช่น การใช้หน่อจากต้น มาปลูกลงในแปลง หรือจะใช้วิธีการปลูกแบบการขยายพันธุ์เช่นการ ปักชำ ตอนกิ่ง โน้มกิ่ง หุ้มยอดก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
วิธีการดูแลรักษาต้นแบล็คเบอร์รี่ (Blackberry)
ดิน
ต้นแบล็คเบอร์รี่นั้นสามารถจะปลูกได้กับดินทุกชนิดแต่จะเติบโตและออกผลได้ดีมากหากปลูกลงในดินร่วนปนทราย ดินชุ่ม โปร่ง แต่ระบายน้ำได้ดี เช่น ดินผสมกับกาบมะพร้าวสับ หรือใบก้ามปู
น้ำ
ต้องให้น้ำในปริมาณเพียงพอหรือพอแค่ดินชุ่มไม่ควรให้เยอะเกินไป โดยการปลูกในช่วงแรกนั้นควรรดน้ำทุกวัน เมื่อต้นเริ่มโต รากเริ่มแข็งแรงค่อยลดการให้น้ำ
แสงแดด
ต้นแบล็คเบอร์รี่เป็นพืชที่ชอบแสงแดดมาก ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเพียงพอ แต่หากเป็นแดดช่วงเที่ยงหรือแดดจ้าควรหาสแลงมาปกคลุมเพื่อลดควาร้อนของแดดช่วงเที่ยง
ปุ๋ย
การให้ปุ๋ยควรให้ทุกๆ 15 วันต่อครั้ง พ่นฮอร์โมนหรือพ่นน้ำหมักชีวภาพสูตรเร่งผลทุกๆ 10-12 วันต่อครั้ง และเมื่อมีดอกก็จะใส่ปุ๋ยสูตร 18-46-0 ผสม 0-0-60 ฝังลึกๆห่างโคนต้น 1 คืบ
การเก็บเกี่ยวผล
ต้นแบล็คเบอร์รี่จะให้ผลผลิตใวงเวลา 3-4 เดือนหลังจากทำการปลูกต้นแบล็กเบอร์รี่ลงในแปลง เมื่อผลเป็นสีแดงให้ตัดโดยวิธีการหยิบจับควรจับให้เบามือเพื่อไม่ให้ผลช้ำ
การเก็บรักษาผล
เมื่อทำการเก็บผลแบล็คเบอร์รี่เราจะรอจนกว่าผลจะสุกเป็นสีดำหรือม่วง แล้วเราจะนำผลไปเก็บไว้ในภาชนะกล่อง แช่ไว้ในตู้เย็นหรือช่องฟรีสเพื่อเก็บรักษาได้นานขึ้น
ประโยชน์และสรรพคุณของต้นแบล็คเบอร์รี่ (Blackberry)
ผล
แบล็คเบอรี่ ผลไม้ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซีอยู่มาก ซึ่งสามารถฟื้นฟูคลอลาเจนได้ดี ทำให้ผิวหนังของเราไม่เหี่ยวก่อนวัย ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดสมองอุดตัน การเป็นอัมพาตอีกด้วย และยังมีประโยชน์มากมายดังนี้
- ไขมันและแคลลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยกากใยอาหารช่วยในการขับถ่าย
- ต่อต้านมะเร็ง ซึ่งจะมีกรดเอลลาจิก ช่วยในการป้องกันมะเร็งลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็ง
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ไม่แก่เร็วเสริมสร้างคลอลาเจน เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
- มากไปด้วยวิตามินสูง โดยจะมีวิตามินซีหลัก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และยังมีวิตามินเอ วิตตามินอี ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอบ บำรุงผิว สมานแผล วิตามินบีรวม วิตามินเค และวิตามินอื่นๆที่ช่วยในการเผลาผลาน
- แร่ธาตุ อย่าง แมงกานีส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ทองแดง ธาตุเหล็ก ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจและควบคุมความดัน ช่วยในการผลิตเม็ดเลือดแดง
- ช่วยในการรักษาความสมดุลของฮอร์โมนเพศ ลดอาการแท้งบุตรีในเพศหญิง
และยังสามารถนำมาทำเป็นน้ำผลไม้หรือนำไปประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน หือทำไวน์ ได้อีกด้วย
ราคา
ของต้นแบล็คเบอร์รี่นั้นจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และขนาดของต้น ซึ่งราคาต่อต้นจะอยู่ที่ 160 บาท – 600 บาท
แหล่งอ้างอิง
: https://www.phtnet.org/research/perishable-fruit.asp?id_name=h032