ต้นหอมญี่ปุ่น พืชผักต่างแดนที่นิยมนำมาประกอบอาหาร

ต้นหอมญี่ปุ่น (Japanese Bunching Onion) นับว่าเป็นพืชผักที่หลายคนอาจเคยเห็นผ่านตาหลายครั้งในการเป็นองค์ประกอบหลักของอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด ซึ่งต้นหอมญี่ปุ่นนั้นมีลักษณะลำต้นที่ใหญ่กว่าต้นหอมที่คนไทยหลายคนคุ้นเคยกัน รสชาติยังไม่เผ็ดร้อนเท่าต้นหอมทั่วไปอีกทั้งกลิ่นฉุนก็ยังไม่เท่าต้นหอมไทย แต่ถ้าเทียบกันในเรื่องของสารอาหารที่ได้รับต้นหอมญี่ปุ่นถือว่าอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ จึงนับว่าเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่เต็มไปด้วยสรรพคุณและคุณประโยชน์ ซึ่งในปัจจุบันนั้นต้นหอมญี่ปุ่นสามารถปลูกได้ในประเทศไทยได้แล้วแม้จะยังไม่แพร่หลายแต่ก็พบได้มากในแถบทางภาคเหนือ อีกทั้งต้นหอมญี่ปุ่นนั้นตอนนี้เป็นพืชที่ในท้องตลาดมีความต้องการกันค่อนข้างสูง ดังนั้น บทความนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับต้นหอมญี่ปุ่นให้รู้จักมากขึ้น

ต้นหอมญี่ปุ่น

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับต้นหอมญี่ปุ่น

ชื่อทั่วไป: หอมญี่ปุ่น

ชื่อภาษาอังกฤษ: Japanese Bunching Onion

ชื่อในภาษาญี่ปุ่น: เนกิ

ชื่อวิทยาศาสตร์: Allium fistulosumL.

ตระกูลพืช: Alliaceae หรือ Amaryllidaceae

ถิ่นกำเนิดของต้นหอมญี่ปุ่น

ด้วยชื่อของต้นหอมนี้ก็คงพอให้เราเดาทางออกว่าถิ่นกำเนิดของต้นหอมชนิดนี้นั้นเดิมทีเป็นพืชผักที่มาจากประเทศญี่ปุ่น และก็ยังสามารถพบได้ในแถบเอเชียตะวันออก คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับวัตถุดิบในการประกอบอาหารมาก และต้นหอมญี่ปุ่นก็เป็นวัตถุดิบสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ถือเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารญี่ปุ่นเกือบทุกชนิดซึ่งชาวญี่ปุ่นจะนำมาเป็นใช้ในการเพิ่มกลิ่นและรสชาติของอาหาร ไม่ว่าจะผสมในซุปหรือซอสที่ใช้รับประทาน รวมถึงการนำมาใส่ในสุกี้ยากี้ เนื้อย่างประเภทต่าง ๆ หรือกินเป็นผักคู่กับอาหารอื่น ๆ เป็นเครื่องเคียงได้อีกด้วย

ต้นหอมญี่ปุ่น
www.caribbeangardenseed.com
หอมญี่ปุ่น
www.vegetweb.com

ลักษณะทั่วไปของต้นหอมญี่ปุ่น

ต้นหอมญี่ปุ่น ถูกจัดว่าเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกับกระเทียมหรือต้นหอมที่เรามักรับประทานกันโดยทั่วไป แม้จะมีลักษณะเหมือนกับต้นหอมแต่ก็ยังมีความแตกต่างบางอย่างที่หลายคนควรรู้

ลำต้น: ลำต้นของต้นหอมญี่ปุ่นนั้น ลำต้นจริงจะมีลักษณะเป็นแผ่นอยู่ระหว่างรากและใบ

ใบ: ใบของต้นหอมญี่ปุ่นจะมีลักษณะเด่นตรงที่ ใบจะมีลักษณะเป็นหลอดยาว คล้ายกับใบของหอมขนาดใหญ่ ในส่วนของจำนวนนั้น ต้นหอมญี่ปุ่นหนึ่งต้นจะมีใบงอกออกมาประมาณ 6-7 ใบ โดยใบนอกจะเป็นใบแก่จะนวน 4 ใบ ใบอ่อน
จะอยู่ด้านในจำนวน 2-3 ใบ กาบใบของต้นหอมญี่ปุ่น คือ ลำต้นเทียม ที่มีหน้าที่ในการช่วยดูดซึมและเก็บสะสมอาหาร
ซึ่งลำต้นเทียมหรือกาบใบนั้น สามารถมีความสูงได้ตั้งแต่ 25-75 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 3-4 เซนติเมตร

ต้นหอมญี่ปุ่น
www.hrdi.or.th

วิธีการปลูกขยายพันธุ์ต้นหอมญี่ปุ่น

สำหรับการปลูกต้นหอมญี่ปุ่นในประเทศไทยนั้น ภูมิภาคที่เหมาะสมแก่การปลูกมากที่สุดนั่นก็คือภาคเหนือและภาคกลางตอนบน สำหรับขั้นตอนการปลูกต้นหอมญี่ปุ่นนั้น มีดังนี้

1. เริ่มต้นให้นำเมล็ดของต้นหอมญี่ปุ่นมาแช่ในน้ำที่ผสมกับยากันรา เป็นเวลา 15 นาที หลังจากนั้นให้นำเมล็ดขึ้นมาผึ่งไว้ต่ออีก 30 นาทีแล้วห่อด้วยผ้าไว้ 1 คืน หลังจากนั้นให้นำเมล็ดที่บ่มเรียบร้อยแล้วมาหยอดลงแปลงเพาะกล้า สำหรับการเตรียมแปลงเพาะกล้ากล้าของต้นหอมญี่ปุ่นนั้น ต้องดูว่าฤดูที่กำลังจะปลูกนั้นคือฤดูอะไร หากเป็นฤดูฝน ควรเตรียมกล้าให้อยู่ภายใต้หลังคาพลาสติก แต่หากเป็นฤดูร้อนและฤดูหนาวและต้องใช้อุโมงค์ตาข่ายในการเตรียมกล้า

อุโมงค์ตาข่าย

2.เมื่อนำเมล็ดที่บ่มลงแปลงเพาะกล้าเรียบร้อยแล้วนั้น ให้รดน้ำวันละ 1 ครั้งจนต้นหอมญี่ปุ่นมีอายุครบ 2 เดือน ให้ย้ายมาปลูกที่แปลงปลูก โดยสังเกตที่ลำต้นเทียมของต้นหอมญี่ปุ่นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 มิลลิเมตร หรือขนาดเท่ากับดินสอ ซึ่งการย้ายจากแปลงเพาะกล้ามาทีแปลงปลูก ต้องตัดรากของต้นหอมญี่ปุ่นให้เหลือความยาวที่ 1 เซนติเมตร

3. เมื่อย้ายมาลงแปลงปลูกต้นหอมญี่ปุ่นแล้วนั้นต้องมีการพลิกดินตาแดดอย่างน้อยทุก ๆ 14 วัน เพื่อที่ฆ่าเชื้อราที่อยู่ในดิน กำจัดวัชพืช

4. ต้นหอมญี่ปุ่นเมื่ออายุ 90 วันขึ้นไปหรือส่วนของลำต้นเทียมนั้นมีความยาวประมาณ 18 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางมีขนาดมากกว่า 2 เซนติเมตรขึ้นไป ให้ทำการเก็บเกี่ยวได้ โดยการถอนจากดินแล้วลอกกาบใบนอกสุดออกเพื่อชำระล้างและทำความสะอาดดินที่ติดอยู่ให้ออก ตัดส่วนรากทิ้งให้เหลือความยาวแค่ 0.5 เซนติเมตร นับจากโคนต้น แล้วนำมาบรรจุลงถุงพลาสติกที่มีการเจาะรูเรียบร้อย

สาระน่ารู้

การเก็บเกี่ยวหอมญี่ปุ่นไปจำหน่าย หลังจากครบ 90 วันจะเก็บเกี่ยวโดยการถอนจากดิน ลอกกาบใบนอกสุดออกเพื่อทำความสะอาด ทำความสะอาดส่วนที่ติดดินออก จากนั้นตัดส่วนของรากทิ้ง ให้เหลือประมาณ 0.5 เซนติเมตรจากโคนต้น ถ้าหอมยังเปียกน้ำควรผึ่งให้แห้ง ระวังอย่าให้ใบแตกบรรจุลงถุงพลาสติกเจาะรู ถุงละ 8 กิโลกรัม ต้นควรมีใบอวบสีสด ลดอุณหภูมิเฉียบพลันให้เหลือ 1 - 2 องศาเซลเซียสและต้องใช้การขนส่งโดยรถที่มีห้องเย็นเท่านั้น

การดูแลต้นหอมญี่ปุ่นให้เจริญเติบโตได้ดี

ต้นหอมญี่ปุ่น

ดิน

ดินที่เหมาะสมกับการปลูกต้นหอมญี่ปุ่นนั้น ต้องเป็นดินร่วนซุยหรือดินร่วนที่ปนทราย หน้าดินต้องมีความลึกในขณะเดียวกันต้องสามารถระบายน้ำได้ดีและต้องมีนอินทรียวัตถุสูง หากดินมีค่า pH ที่มีความเป็นกรดสูงจะทำให้ต้นหอมญี่ปุ่นไม่สามารถเจริญเติบโตได้

แสง

สำหรับแปลงปลูกต้นหอมญี่ปุ่นนั้นควรเป็นบริเวณที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน หากได้รับแสงแดดตลอด 12 ชั่วโมงก็จะยิ่งช่วยให้ต้นหอมเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ต้นหอมญี่ปุ่น
www.vegetweb.com

น้ำ

ควรรดน้ำต้นหอมญี่ปุ่นวันละหนึ่งครั้งก็เพียงพอต่อต้นหอมญี่ปุ่นแล้ว อาจต้องคอยตรวจสอบสภาพดินไม่ให้มีความแห้งกรังแต่มีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา

ปุ๋ย

โดยทั่วไปหากขึ้นแปลงกว้าง 1 เมตร ใส่ปุ๋ยรองพื้น ดังต่อไปนี้ ปุ๋ย 12-24-12 ปริมาณ 30 กรัมต่อตารางเมตร ใช้ปูนขาวรองในปริมาณ 30 กรัมต่อตารางเมตร จากนั้นปิดท้ายด้วยปุ๋ยคอก (มูลไก่ไม่ควรใช้มูลไก่อัดเม็ด) ปริมาณ 1 กิโลกรัมต่อ ตารางเมตรคลุกให้ทั่วแปลงแล้วรดน้ำให้ชุ่ม

เกร็ดความรู้เรื่องการปลูกหอมญี่ปุ่น

สำหรับใครที่อยากรู้วิธีการปรับหน้าดินก่อนการปลูกทางเว็บไซต์ของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงก็ได้อธิบายไว้ว่า การปรับหน้ากินเป็นสิ่งสำคัญหากคิดจะปลูกต้นหอมญี่ปุ่นเพราะดินของไทยบางแห่งก็ไม่ได้เหมาะกับการปลูกพืชชนิดนี้ ดังนั้น ผู้ปลูกควรขุดพลิกหน้าดินตากแดดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อฆ่าเชื้อในดิน กำจัดวัชพืช หากสภาพดินเป็นกรด ควรใส่ปูนขาวอัตรา 100-200 กิโลกรัมต่อไร่

แม้ว่าดินที่ไทยจะค่อนข้างอุดมสมบูรณ์แต่การปลูกหอมญี่ปุ่นในไทยก็ใช่ว่าทุกพื้นที่จสามารถปลูกได้สวยและสมบูรณ์ดี หากจะปลูกควรขุดแปลงแยกดินที่ใช้ควรเพิ่มธาตุอาหารที่มีไนโตรเจนและโบรอนเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของหอมญี่ปุ่น โดยการใส่ปุ๋ยและปลูกพืชตระกูลถั่ว (ถั่วดำ ถั่วนิ้วนางแดง) หมุนเวียนในพื้นที่ปลูกหอมญี่ปุ่นและควรลดปริมาณการใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม เนื่องจากในดินมีปริมาณสูงมาก ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นหอมญี่ปุ่นดูดใช้ธาตุอาหารตัวอื่น ๆ ได้น้อยลง โดยต้นเก็บดินมาวิเคระห์ค่า pH ปีละ 1-2 ครั้ง และควรให้ดินมีค่า pH อยู่ในช่วงระหว่าง 6.0-6.8 ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมในการปลูกหอมญี่ปุ่น


สรรพคุณที่ได้รับจากต้นหอมญี่ปุ่น

ต้นหอมญี่ปุ่น ถือเป็นผักที่มีประโยชน์หลากหลาย ไม่เว้นแต่การปลูกเพื่อสร้างรายได้หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารต่าง ๆ เนื่องจากรสชาติที่ค่อนข้างกลมกล่อมไม่เผ็ดเท่าต้นหอมไทย นอกเหนือจากประโยชน์เหล่านี้แล้วก็ยังสามารถรับประทานต้นหอมญี่ปุ่นเพื่อให้ได้รับคุณประโยชน์จากคุณค่าทางสารอาหารหรือสรรพคุณต่าง ๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการจากโรคบางโรคได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเรามาดูกันว่าต้นหอมญี่ปุ่นมีสรรพคุณอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ต้นหอมญี่ปุ่น

1. ช่วยแก้อาหารหวัด คัดจมูก

2. ช่วยลดไขมันในเลือดได้ เนื่องจากภายในต้นหอมญี่ปุ่นนั้นมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญที่ช่วยลดไชมันและคลอเลสเตอรอลในเลือดได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสะสมไขมันในเลือด

3. ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ซึ่งเกิดจากอาหารไม่ย่อยได้

4. ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย

5. ต้นหอมญี่ปุ่นนั้น มีประโยชน์ต่อคุณแม่ที่ให้นมบุตร ซึ่งหลายคนมักใช้ต้นหอมญี่ปุ่นมารับประทานเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมในคุณแม่แรกคลอด

ราคาหอมญี่ปุ่นตามท้องตลาด

ปัจจุบันราคาขายของต้นหอมญี่ปุ่นอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 - 80 บาท อ้างอิงจากราคาสินค้าในตลาดไทย โดยมีแนวโน้มที่ราคาจะสูงขึ้นเนื่องจากส่วนใหญ่ยังมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศและยังไม่ค่อยมีพื้นที่ไหนปลูกเป็นกิจลักษณะ เพราะหากจะจะปลูกต้องใช้เวลาในการปรับค่าดินและต้องใช้เวลาในการเพาะเมล็ดอีก 90 วัน 

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

หอมญี่ปุ่น, ฐานข้อมูลพืชต่างประเทศ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Allium fistulosum, Wikipedia

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้