มะเขือ พืชผักสรรพคุณมากมายคู่ครัวไทย

มะเขือ ภาษาอังกฤษหรือชื่อสามัญคือ Eggplant มะเขือ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum melongena อยู่ในวงศ์ Solanaceae

มะเขือ เป็นพืชสมุนไพรในตระกูลพืชล้มลุก จัดอยู่ในพืชผักสวนครัว มีทรงพุ่มขนาดเล็ก ลำต้นตรงยาว แข็ง เหนียว และมีขนอ่อนปกคลุม ลักษณะพืชใบเดียว มีสีเขียว ดอกรูปทรงกรวย กลับดอกสีม่วง ขาว ตามแต่ละสายพันธุ์ และยังมีผลทรงกลม ทรงรี เรียวยาว ต่างกันไป และมีสีเขียว ม่วง เหลือง ตามแต่ละสายพันธุ์ เนื้อเรียบ นุ่มชุ่มฉ่ำ รสชาติหวานปนขม เผื่อน เปรี้ยว ต่างกันออกไป ผลอ่อนสามารถรับประทานสดได้ หรือใช้เป็นผักเคียง หรือนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงเขียวหวาน, แกงพะแนง และแกงไตปลา เป็นต้น หรือนิยมใช้ทำเป็นเครื่องเคียง หรือน้ำพริกอีกด้วย

สายพันธุ์ของมะเขือในประเทศไทย จะแบ่งออกเป็น 7 สายพันธ์ด้วยกัน ได้แก่

  • มะเขือเปราะ มีรสชาติกรอบ หวาน เนื้อแน่น ทรงกลม ผิวเรียบ เป็นสายพันธุ์ที่คนไทยนิยมทานมากที่สุด
มะเขือ เปราะ
  • มะเขือเทศ มะเขือเทศผลสีแดง ส้ม หรือเหลือง เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ รสชาติเปรี้ยวหวาน กรอบ และยังเป็นสายพันธุ์ที่อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างวิตามินเอเพียงพอในแต่ละวัน
  • มะเขือพวง หรือที่ภาคใต้เรียกกันว่า “มะเขือเทศ” หรือ “เขือเทศ” มีลักษณะเป็นลูกกลม เล็ก เป็นพวงๆ กรอบ แข็ง นิยมมาใช้ตำน้ำพริก หรือย่างทาน
  • มะเขือม่วง รสชาติหวาน กรอบ คล้ายกับมะเขือเปราะ แต่ต่างกันที่มีผลสีม่วง ลักษณะเรียวยาว นิยมทั้งรับประทานสด และนำไปประกอบอาหาร ส่วนใหญ่เป็นที่นิยมทั้งในยุโรปและอเมริกา 
มะเขือม่วง
  • มะเขือไข่เต่า รสชาติขื่นปนหวาน ข้างในมีเมล็ดเยอะ นิยมทำเป็นผักดอง หรือทานสด หรือเป็นเครื่องเคียงจิ้มน้ำพริกก็ได้
  • มะเขือยาว สามารถประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งต้ม ผัด ทอด นึ่ง และจิ้มน้ำพริก การทานมะเขือยาวดิบๆจะได้ประโยชน์และสารอาหารจากมะเขือยาวอย่างครบถ้วน และยังคงคุณค่าสารอาหารไว้ได้มากที่สุด 
มะเขือยาว
  • มะเขือขื่น หรือมะเขือเหลือง รสชาติทั้งเหนียวและขื่น แม้จะมีรสชาติที่ไม่กรอบและหวานเหมือนสายพันธุ์อื่นๆ แต่ก็มักจะนิยมใช้เฉพาะส่วนเปลือกและเนื้อมาใช้ทำเป็นเมนูต่างๆได้อย่างมากมาย

ประโยชน์และสรรพคุณมะเขือ

มะเขือ

มีสรรพคุณที่เต็มไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมาย ที่ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ช่วยรักษาลักปิดลักเปิด ช่วยรักษาหลอดเลือดแข็งตัว มีอนุมูลอิสระ ช่วยลดคอเรสเตอรอล ช่วยรักษาหลอดเลือดหัวใจ เลือดออกตามไรฟัน ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยบำรุงฟัน ช่วยบำรุงประสาท ช่วยบำรุงสมอง ช่วยขับเสมหะ ช่วยรักษาปวดฟัน แก้บิด ระบบขับถ่าย ช่วยรักษาแผลในกระเพาะ ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยรักษาฝี ช่วยรักษาหนองใน ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

ผล

ช่วยบรรเทาอาการไข้, ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง ป้องกันการเกิดโรคทางลำไส้ เช่น ฝี และทวารหนัก, บำรุงกำลัง, บำรุงร่างกาย, ช่วยบำรุงเลือด, ช่วยบำรุงหัวใจ, รักษาต่อมน้ำนมอักเสบ, ป้องกันโรคอัมพาต, ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย, ช่วยลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ, ช่วยลดระดับความดันเลือด ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง, ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, ช่วยกระตุ้นการเผาพลาญพลังงาน, ช่วยขับพยาธิ, ช่วยลดการอักเสบ, แก้อาการร้อนใน, ป้องกันการแข็งตัวของเลือด, ช่วยให้แผลแห้ง และหายเร็ว, บรรเทาปวด และลดบวมของบาดแผล

ใบ

นำมาต้มดื่ม ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการร้อนใน และช่วยรักษาโรคผิวหนัง อาการผื่นคัน, บดพอกรักษาแผล แก้น้ำหนองไหล และห้ามเลือด, ใช้เคี้ยวในปาก แก้แผลอักเสบในปาก และเหงือกอักเสบ 

ใบมะเขือ

ราก

นำมาต้มน้ำดื่ม แก้อาการเบื่อเมา บรรเทาอาการไอ อาการเจ็บคอ ช่วยลดเสมหะ และใช้เป็นยาขับปัสสาวะ หรือใช้รากสดนำมาบด ประคบรักษาแผลอักเสบ แผลเป็นหนอง ช่วยให้แผลหายเร็ว

วิธีปลูกมะเขือ

การปลูกมะเขือนิยมใช้การปลูกด้วยเมล็ดเป็นส่วนใหญ่ โดยผสมดิน 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน และทรายหรือแกลบ 1 ส่วนลงบนกระถางเพาะต้นกล้า รดน้ำเช้าเย็น ทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วันจนแตกใบจริงจึงจะนำลงแปลงปลูก โดยแปลงปลูกต้องมีส่วนผสมของดินผสมกับปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยเคมี ที่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า 7-10 วัน จากนั้นจึงนำลงแปลงปลูก และคลุมด้วยฟาง โดยบางสายพันธุ์จะต้องมีคานสำหรับเลื้อยด้วย

วิธีปลูกมะเขือ

มะเขือชอบน้ำชุ่มฉ่ำ แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง และปลูกในบริเวณที่มีแสงแดดตลอดทั้งวัน หรือรำไรต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ หมั่นตัดแต่งกิ่ง และดูแลใส่ปุ๋ยอยู่เสมอเผื่อให้ผลออกดี ระยะเวลาการออกผลโดยประมาณ จะอยู่ที่ 60-90 วัน.

ที่มา

https://puechkaset.com

https://clgc.agri.kps.ku.ac.th

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้