กานพลู กับวิธีปลูกอย่างไรให้ได้ผลผลิตสูง

ชื่อภาษาอังกฤษ

Clove Tree, Clove

ชื่อวิทยาศาสตร์

Syzygium aromaticum (L.) Merrill & Perry

ความหมาย

กานพลู คือต้นไม้ชนิดหนึ่ง โดยเป็นไม้ยืนต้นชนิดไม่ผลัดใบ มีเรือนยอดทึบ

ความเชื่อ

กานพลู เป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญในการใช้เป็นสมุนไพร และอาหาร เพราะถือเป็นต้นไม้ที่มีฤทธิ์ทางยาทางธรรมชาติที่หลากหลาย สามารถใช้กิน ทา หรือใช้เป็นการป้องกันศัตรูพืชทางธรรมชาติได้ด้วย ปัจจุบันการปลูกกานพลูลดน้อยลง เพราะแหล่งผลิตเชิงการค้า เกษตรกรมีพืชอื่นๆที่ให้ผลตอบแทนสูงมากกว่า หรือมีพืชทางเลือกที่ปลูก และดูแลได้ง่ายกว่า เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา เป็นต้น แต่กานพลูยังคงเป็นเครื่องเทศและสมุนไพรที่มีความต้องการใช้ในประเทศไทยที่แน่นอน และยังเป็นต้นไม้ที่สามารถปลูกร่วมได้ในสวนผลไม้ หรือสวนหลังบ้านได้ดี

ต้นกานพลู ราคา

ส่วนประกอบของต้นกานพลู

ลักษณะของลำต้น

กานพลูเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ มีลำต้นสูง 5-20 เมตร เรือนยอดทึบ เป็นรูปกรายคว่ำ แตกกิ่งต่ำ ลำต้นตั้งตรง เปลือกเรียบและมีสีน้ำตาลอ่อน

ใบกานพลู

ลักษณะใบเดี่ยว ก้านใบเล็กเรียวยาว 1-3 ซม. รูปใบขอบขนานแกมรูปไข่กลับกว้าง 3-6 ซม. ยาว 6-13 ซม. ปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม ขอบเรียบ โคนสอบเป็นลิ่ม แผ่นใบด้านบนมัน ด้านล่างมีต่อมใบ และเส้นใบจำนวนมาก

ดอกกานพลู

ดอกเป็นช่อ ดอกสั้น ออกบริเวณปลายยอดหรือง่ามใบบริเวณยอด ดอกแตกแขนงเป็นกระจุก จำนวน 6-20 ดอก/ช่อ เป็นดอกกลีบเลี้ยง 4 กลีบ สีเขียวอมเหลือง ออกแดงเล็กน้อยบริเวณโคนดอก ดอกมีรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ ยาว 7-8 มม. มีต่อมน้ำมันมาก กลีบดอกมักร่วงง่าย ด้านในมีเกสรเพศผู้ ก้านชูเกสรยาว 3-7 มม. ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 4 มม. ยอดเกสรตัวเมียแบ่งเป็น 2 พู มีรังไข่ 2-3 ห้อง

ผลกานพลู

เป็นผลเดี่ยวรูปไข่ มี 1 เมล็ด ยาว 2-2.5 ซม. มีสีแดงเข้มออกคล้ำเมื่อแก่

ภาพกานพลู

วิธีการปลูกกานพลู

การปลูกกานพลูนิยมใช้เมล็ดปลูก มากกว่าการตอนกิ่ง ต่อกิ่ง หรือชำกิ่งอ่อน เพราะจะทำให้รากกานพลูแข็งแรงมากกว่า แต่การปลูกด้วยเมล็ดจะต้องระมัดระวังการเลือกใช้เมล็ดเพราะเมล็ดกานพลูสูญเสียความงอกได้เร็วมากๆ ดังนั้น ควรเลือกใช้เมล็ดที่เก็บใหม่ที่สุก และมีสีดำเท่านั้น วิธีการปลูกคือ

  1. นำเมล็ดเก็บใหม่ไปแช่น้ำ 3 ชั่วโมง
  2. หลังจากครบ 3 ชั่วโมง ให้ลอกเอาเนื้อหุ้มเมล็ดออก และนำไปเพาะในกระบะเพาะ
  3. หลังจากที่ต้นกานพลูงอกสูง 5-7 ซม. (ประมาณ 7 วัน) ให้ย้ายต้นกานพลูลงถุงชำ
  4. หมั่นรถน้ำ ดูแลกานพลูจนอายุ 12 เดือน (ต้นสูง 50 ซม.)
  5. เตรียมดินปลูกด้วยหลุมขนาด 50*50*50 ซม.
  6. ตากดิน 7 วัน เพื่อกำจัดโรคและแมลงบางส่วน
  7. ใส่ปุ๋ยคอก 5 กก. รองก้อนหลุมที่เตรียมไว้
  8. ย้ายต้นกานพลูลงหลุม และกลบดิน
  9. ทำไม้ค้ำเพื่อป้องกันลม และใส่ใบมะพร้าวหรือใช้วัสดุอื่นสร้างร่มเงาให้ในระยะแรก

วิธีการดูแลกานพลู

สภาพแวดล้อม

กานพลูเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้นและชอบความชื้นสูง ชอบพื้นที่ที่มีฝนตกสม่ำเสมอตลอดปี หรือมีปริมาณน้ำฝนประมาณ  2,000 – 3,000  มิลลิเมตรต่อปี  อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ  24 – 25  องศาเซลเซียส 

แสง

กานพลูนิยมปลูกร่วมกับต้นไม้อื่นๆ เช่น ต้นจันทน์เทศ ต้นหมาก เพื่อช่วยพรางแสงหรือให้ร่มเงา เพราะหากปลูกกานพลูในที่โล่งแจ้ง มีแสงมาก จะทำให้กิ่งกานพลูแห้งง่าย จนถึงอายุ 3 ปี จึงจะไม่ต้องอาศัยร่มเงา

น้ำ

ควรมีการให้น้ำในระยะแรกที่มีการปลูก  ในหน้าแล้งหรือช่วงที่ฝนทิ้งช่วง 

ดิน 

กานพลูชอบดินร่วนปนทราย หน้าดินลึกมีอินทรรีย์วัตถุสูง มีการระบายน้ำได้ดี หากระบายน้ำได้ไม่ดีจพทำให้กานพลูสลัดใบและชะงักการเติบโต ความเป็นกรดของดินที่ต้องการอยู่ที่ 5.5-6.5 ph

ปุ๋ย

กานพลูควรให้ปุ๋ยหลังจากปลูกได้ประมาณ 4 เดือน ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตราต้นละ ½ – 1 ปี๊บ และเมื่อต้นกานพลูอายุ 2 ปี ควรใส่ปุ๋ยคอก 1-3 ปี๊บต่อต้น ร่วมกับปุ๋ยสูตร 15-15-15 ปริมาณ 1-2.5 กก./ต้น ใส่ปีละ 2-3 ครั้ง

การตัดแต่งกิ่ง

กานพลูไม่มีกานตัดแต่งทรงพุ่ม ยกเว้นในกรณีที่มีกิ่งกระโดงต้องตัดทิ้ง เพื่อให้ลำต้นมีต้นหลักเพียงต้นเดียว จะทำให้ทรงพุ่มแผ่ออกได้ดีดว่า และทำให้ผลผลิตสูงขึ้น

การกำจัดวัชพืช – ควรกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกทุก 4 เดือน โดยการถากหรือใช้เครื่องตัดหญ้า กานพลูจะถูกรบกวนได้ง่ายด้วยแมลง เพลี้ยหอยกานพลู ด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยงที่กิ่ง ยอด และช่อดอก ซึ่งทำให้ผลผลิตลดลง สามารถใช้การป้องกันกำจัดศัตรูธรรมชาติด้วย แมลงเบียน Metophycus bearuensis

การเก็บเกี่ยวผลผลิตการพลู

ผลผลิตกานพลูสดเฉลี่ย  6 – 10  กก.ต่อต้นต่อปี  หรือประมาณ  150 – 250  กก. ต่อไร่ กานพลูสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อ 5-6 ปีขึ้นไป จะออกดอกช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน และจะเก็บเกี่ยวได้ช่วง ธันวาคม – มกราคม ใช้เวลาตั้งแต่ออกดอกถึงเก็บเกี่ยวดอกตูมเป็นเวลาประมาณ  4 – 5  เดือน  และหากปล่อยให้ดอกเจริญเป็นผล  ผลจะสุกประมาณเดือนพฤษภาคมสามารถให้ผลผลิตสูงสุดเมื่อประมาณ  15-20  ปี  และมีผลจนถึงอายุ 60 ปี

การเก็บเกี่ยวดอกตูม  ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม  คือ  เมื่อดอกเริ่มเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง  มีสีชมพูเรื่อๆ  ดอกตูมเกินไปหรือบานจะมีคุณภาพไม่ดีสรรพคุณทางยาลดลงมาก   และควรเลือกเก็บทีละดอกเพราะแต่ละดอกจะมีอายุไม่เท่ากัน และระมัดระวังไม่ให้กิ่งบอบช้ำ เพราะหากกิ่งได้รับการกระทบกระเดือนจะทำให้ออกดอกได้น้อย หรือไม่ออกดอกเลย

 ประโยชน์ต้นกานพลู

  1. ดอกกานพลูถือเป็นแหล่งน้ำมันกานพลูที่ดีที่สุด เพราะมีน้ำมันอยู่ถึง 16-17% สามารถนำไปทำสบู่ ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เครื่องหอมต่างๆ และสามารถนำมาผสมเป็นยาซ่าแมลงได้
  2. ดอกและผลสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเทศสำหรับปรุงอาหาร
  3. ใช้ฟอกอากาศบริเวณบ้านได้ เพื่อดูดซับมลพิษ และกรองอากาศให้สดชื่น
  4. ใช้ถนอมอาหาร เพราะเป็นแหล่งต่อต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ
  5. สามารถใช้แต่งกลิ่น และใช้เป็นวัตถุกันเสียได้
กานพลู อาหาร

สรรพคุณต้นกานพลู

  1. มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ รักษาโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ภาวะการอักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางระบบประสาท โรคหัวใจ เป็นต้น
  2. ป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยในการทำเคมีบำบัด
  3. ช่วยป้องกันฟันผุ โรคเหงือก โรคปริทันต์
  4. ช่วยรักษาอาการหลั่งเร็ว บำรุงตับ ควบคุมน้ำตาลในเลือด ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร
  5. ดอกสามารถใช้เป็นยาชาได้
  6. น้ำมันการพลูมีส่วนผสมสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด

ราคาต้นกานพลู

ราคาของต้นบุนนาคต่างกันตามขนาดและอายุ โดยต้นกล้า ราคาอยู่ที่ 30 – 120 บาท และต้นกลางอยู่ที่ 1,000 – 1,500 บาท

แหล่งอ้างอิง

: http://www.rspg.or.th/plants_data/

อยากให้มีเนื้อหาเรื่องอะไรเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นอย่างไร เชิญคอมเม้นท์ไว้ได้เลยครับ