ต้นตะแบก ไม้มงคล ความหมายดี ดอกสวยงามตาน่าชื่นชม

ชื่อภาษาอังกฤษ

Bungor

ชื่อวิทยาศาสตร์

Lagerstroemia calyculata Kurz

ความหมาย

คำว่า “แบก” หมายถึงการแบกไว้ไม่ให้ตก สามารถยกขึ้นไว้สูง

ความเชื่อ

บ้านใดปลูกตะแบกไว้ประจำบ้านจะมีฐานะที่สูงขึ้นและมั่นคง สุขภาพแข็งแรง

ตะแบกจัดเป็นไม้ประดับและไม้มงคล ด้วยช่อดอกมีมักสีม่วงอมชมพูขนาดใหญ่ ฤดูดอกบานมีความสวยงาม ทั้งยังสามารถให้ร่มเงาได้ดี นอกจากนี้ชื่อของต้นตะแบกยังมีคำว่า “แบก” อันหมายความเกี่ยวกับการแบกรับไม่ให้ตกต่ำ หรือช่วยแบกรับภาระ ตะแบกจึงได้รับความเชื่อที่ว่าเป็นไม้ที่ช่วยค้ำจุนครอบครัวให้ร่มเย็น นิยมปลูกเพื่อประดับบ้านและสวน ริมถนน ทางเดิน ริมบ่อน้ำ

ต้นตะแบก อินทนิล

ชื่อของตะแบก

ต้นตะแบก ต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบ ป่าราบที่ชื้นและแล้งทั่วไปในเอเชีย พบแพร่กระจายตั้งแต่อินเดีย จีนตอนใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย

ความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้มงคล

ตามความเชื่อแต่โบราณ บ้านใดปลูกตะแบกไว้ประจำบ้านจะมีฐานะที่สูงขึ้นและมั่นคง สุขภาพแข็งแรง เพราะคำว่า “แบก” หมายถึงการแบกไว้ไม่ให้ตก สามารถยกขึ้นไว้สูง ไม่ให้ตกต่ำ ดังนั้นตะแบกจึงแฝงด้วยความหมายของความแข็งแรงและแข็งแกร่งมากเหมือนกับหิน นอกจากนี้ตะแบกยังอยู่ในวงศ์เดียวกับเสลา (อินทรชิต) และอินทนิลน้ำ เรียกได้ว่าเป็นแฝดสามที่แยกกันยาก มองด้วยตาเปล่าแยกความแตกต่างแทบไม่ออก คนโบราณบางคนจึงเรียกตะแบกว่าอินทนิล อันหมายถึงพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ มีอิทธิฤทธิ์มาก ช่วยคุ้มครองปวงชนทั้งโลก ตะแบกจึงเป็นไม้มงคลนาม

ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน

เชื่อกันว่าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้าน ควรปลูกตะแบกไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และควรปลูกในวันเสาร์อันเป็นวันที่ใช้ปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไป นอกจากนี้หากต้องการให้เป็นสิริมงคลยิ่งขึ้น ผู้ปลูกควรเป็นผู้ใหญ่ที่ควรแก่การเคารพนับถือทั้งยังเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีอีกด้วย

ส่วนประกอบของต้นไม้

ตะแบกเป็นไม้เนื้อแข็งสีเทา หรือสีน้ำตาลอมเทา เสี้ยนตรง เนื้อไม้ละเอียดปานกลาง จัดเป็นไม้ยืนต้นประเภทผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่

ต้นตะแบกใหญ่

ลักษณะของลำต้น

มีความสูงประมาณ 15 – 30 เมตร แตกแขนงบนเรือนยอด ทรงพุ่มเป็นรูประฆัง กิ่งแตกแขนงจำนวนปานกลาง โคนต้นเป็นพูพอนสูงและเป็นร่องลึกล้อมรอบลำต้น ยาวสูงจนถึงกลางลำต้น ลำต้นส่วนปลายไม่เกิดร่อง มีแผลเป็นหลุมตื้นตลอดลำต้นอันเกิดจากผิวด้านนอกแตกสะเก็ดหลุดออก เปลือกชั้นในเป็นสีแดงม่วง เปลือกชั้นนอกเรียบเป็นมัน บาง สีเทาหรือน้ำตาลอมเทา สากมือเพียงบริเวณขอบหลุม

ใบ

ใบใหญ่และดก เป็นพืชใบเลี้ยงคู่แต่แตกออกเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงกันข้ามกันบนกิ่งแขนงย่อย ทรงใบรูปหอก กว้าง 5 – 8 เซนติเมตร ยาว 10 – 20 เซนติเมตร โคนใบมนกว้าง ปลายใบมีติ่งแหลมเล็ก ๆ แผ่นและขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาและเหนียว ใบอ่อนสีม่วงแดงมีขนสั้น ๆ ปกคลุม ใบแก่สีเขียวสดเป็นมัน เส้นกลางใบสีเขียวอมเหลืองขนาดใหญ่ชัดเจน มีเส้นแขนงใบเรียงเป็นคู่จรดขอบใบ

ดอก

ออกเป็นช่อแขนง (panicle) บริเวณปลายยอดกิ่ง แต่ละช่อมีดอกย่อย 20 – 25 ดอก ดอกย่อยแต่ละดอกมีรูปร่างแบบปากเปิด ออกเรียงกันจรดปลายก้านช่อดอก ก้านช่อดอกและดอกตูมมีขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุม เส้นผ่านศูนย์กลางดอกขณะบานเต็มที่ประมาณ 3 – 3.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงรอบดอก 6 กลีบเป็นรูปถ้วยเชื่อมติดกับดอก กลีบดอกมี 6 กลีบเป็นสีม่วงอ่อน ขนาดประมาณ 1 – 1.2 เซนติเมตร กว้าง 0.8 – 1 เซนติเมตร แผ่นและขอบของกลีบดอกย่น มีสีม่วงอ่อน สีม่วงอมชมพู หรือสีขาว เกสรตัวผู้มีจำนวนมากยาวประมาณ 1 – 1.5 เซนติเมตร อับเรณูสีเหลือง มีเกสรตัวเมีย 1 อันยาวประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร รังไข่อยู่บริเวณฐานดอกเป็นแบบบรูปไข่เหนือวงกลีบ

สายพันธุ์

ตะแบกเป็นพืชในวงศ์ Lythraceae ซึ่งเป็นวงศ์ไม้ดอกที่มีทั้งเป็นพุ่มและยืนต้น พรรณไม้วงศ์ตะแบกมีทั่วโลกประมาณ 30 สกุล (Genus) 650 สปีชีส์ ประเทศไทยมี 11 สกุล 38 ชนิด แต่สกุลตะแบก (Lagerstroemia) ทั่วโลกมี 55 ชนิด ไทยมี 18 ชนิด พรรณไม้สกุลตะแบกในไทยมีตัวอย่างเช่น ตะแบกแดง หรือต้นเปือย (Lagerstroemia calyculata) ตะแบกนา (Lagerstroemia floribunda Jack) สมอร่อง (Lagerstroemia subungulata) เสลาใบใหญ่ (Lagerstroemia loudonii Teijsm.&Binn.) อินทนิลบก (Lagerstroemia macrocarpa Wall. ex Kurz) อินทนิลน้ำ (Lagerstroemia speciosa L.) ยี่เข่ง (Largerstroemia Indica L.)

วิธีการปลูก

ตะแบกปลูกได้ด้วยการเพาะเมล็ด โดยนำเมล็ดจากผลที่แห้งหรือผลที่ปริแตกแล้วมาเพาะ หลังการเพาะ 20 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก ให้ดูแลต่อจนอายุ 3 – 4 เดือน หลังเมล็ดงอก หรือเมื่อต้นกล้าสูงประมาณ 20 – 30 เซนติเมตร จึงย้ายปลูกลงดิน หลุมปลูกควรมีขนาดประมาณ 50 x 50 x 50 ลูกบาศก์เซนติเมตร อัตราส่วนผสมของปุ๋ยคอก (หรือปุ๋ยหมัก) ต่อดินร่วนเป็น 1 : 2 แต่ละต้นควรเว้นระยะห่างที่เหมาะสม

ต้นตะแบก ราคา

วิธีการดูแล

แสง

ตะแบกชอบแดดจัดตลอดวัน หรือกลางแจ้ง บริเวณปลูกไม่ควรมีสิ่งบดบัง

น้ำ

ไม่ต้องการน้ำมาก รดน้ำ 5 – 7 วันต่อ 1 ครั้งเป็นปริมาณที่เหมาะสม

ดิน

ควรร่วนซุย มีความชื้นปานกลางถึงสูง มีอินทรียวัตถุสูง

ปุ๋ย

ถ้าใช้ปุ๋ยคอกหรือหมัก อัตราส่วนต่อดินประมาณ 2 : 3 กิโลกรัมต่อต้น ควรใส่ปีละ 4 – 5 ครั้ง ถ้าใช้ปุ๋ยเคมี สูตร 15 – 15 – 15 อัตรา 200 – 300 กรัมต่อต้น ใส่ปีละ 3 – 4 ครั้ง

ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่น ๆ

เปลือกของตะแบกมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลงแดง หรือใช้ปรุงเป็นยาแก้บิดและมูกเลือดได้ ขอนดอกเป็นยาบำรุงหัวใจ ปอด ตับ ทารกในครรภ์ ทั้งยังใช้เป็นยากแก้ลมกองละเอียดอย่างอาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น ได้ นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาแก้ไข้ร้อน แก้เหงื่อ แก้เสมหะ ไม้ตะแบกนิยมใช้ทำสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากตกแต่งได้ง่าย ขัดเงาได้ดี ยังสามารถใช้ทำถ่านเชื้อเพลิงได้อย่างดี ตะแบกเมื่อยังเป็นต้นให้ร่มเงาและฟอกอากาศได้มาก

 ไม้ตะแบกไม้ตะแบก

การแปรรูปไม้ตะแบก ไม้เนื้อแข็งปานกลางที่มีความละเอียด สวยงาม ไสตกแต่งได้ง่าย

ข้อมูลการวิจัยของสำนักวิจัยการจัดการป่าไม้และผลิตผลป่าไม้ กรมป่าไม้ ระบุไว้ว่า ไม้ตะแบกเลือดมีความทนทานตามธรรมชาติโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8.8 ปี ส่วนไม้ตะแบกใหญ่มีความทนทานตามธรรมชาติโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9.4 ปี เมื่อเทียบกับไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ อาจมีความทนทานน้อยกว่า นั่นเป็นเพราะว่าไม้ตะแบกเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง อย่างไรก็ตามไม้ตะแบกเก่าที่ผ่านการใช้งานมานานแล้วมักจะทนทานมากกว่าไม้ตะแบกใหม่ เนื่องจากมีความชื้นลดน้อยลงนั่นเอง และเมื่อนำมาแปรรูปก็จะยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับไม้เก่าได้มากขึ้น

 ตะแบกตะแบก

ลักษณะของไม้ตะแบกที่เหมาะกับการนำมาแปรรูป

ไม้ตะแบก จัดเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง เมื่อเทียบกับไม้เนื้อแข็งชนิดอื่นแล้วอาจมีความทนทานน้อยกว่า เพราะฉะนั้นไม้ตะแบกที่เหมาะกับการแปรรูปจึงควรมีอายุหลายสิบปีขึ้นไป ซึ่งสามารถสังเกตอายุของไม้จากแก่นและกระพี้ของไม้ได้ ในกรณีที่เป็นไม้ตะแบกเก่า หากจะทำการแปรรูปเพื่อใช้งานอีกครั้ง จำเป็นต้องเลือกไม้ที่ยังคงมีสภาพดีและมีตำหนิน้อยที่สุด นอกจากนี้ขนาดของไม้ต้องเหมาะสมกับการแปรรูปด้วย

 ตะแบกตะแบก

ไม้ตะแบกเก่า แปรรูปเป็นอะไรได้บ้าง ?

ด้วยความที่ไม้ตะแบกเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง ไม่อ่อนและแข็งจนเกินไป เมื่อโดนความร้อนหรือความชื้นเป็นเวลานานก็มีโอกาสที่จะเกิดการบิดตัวและโก่งงอได้
เพราะฉะนั้นจึงไม่เหมาะกับงานปูพื้นภายนอกและงานปูพื้นที่ต้องรับน้ำหนักมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่จึงนิยมแปรรูปเป็นไม้สำหรับใช้ภายในมากกว่า เช่น ไม้พื้น ไม้ฝา ไม้บันได บานประตู วงกบประตู เฟอร์นิเจอร์และเครื่องมือการเกษตร

ไม้เก่าประเภทและขนาดของไม้ที่ร้านจำหน่าย

• ไม้พื้น เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงและทนทานสูง คุณสมบัติพิเศษคือสามารถรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะกับการนำไปใช้เป็นไม้พื้นโดยเฉพาะ สำหรับขนาดที่จำหน่าย ได้แก่ 1, 1.5” และ 2
• ไม้ฝา เป็นไม้เทียมชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายไม้จริง คุณสมบัติเด่นคือสามารถทนต่อสภาพอากาศและการใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งตอบโจทย์การตกแต่งทั้งภายในและภายนอก สำหรับขนาดที่จำหน่าย ได้แก่ 1, 1.5” และ 2
• ไม้เสา เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีอายุมากหรือไม้เก่าที่ผ่านการใช้งานมานาน จึงทำให้เนื้อไม้มีความทนทานสูง และสามารถแบกรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี สำหรับขนาดที่จำหน่าย ได้แก่ 1, 1.5” และ 2

ไม้ตะแบกเก่าแปรรูป และขนาดมาตรฐาน

ขนาดของไม้ตะแบกแปรรูปจะไม่ค่อยตายตัวนัก จึงทำให้เราสามารถกำหนดขนาดและความหนาได้อย่างหลากหลาย โดยการกำหนดขนาดของไม้ตะแบกแปรรูปนั้นจะขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้งานเป็นหลัก อย่างไรก็ตามขนาดมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปสามารถจำแนกได้ ดังนี้

 ไม้พื้น ความหนามีตั้งแต่ 1 นิ้ว1.5 2 นิ้ว และ 2.5 3 นิ้ว ความกว้างมีตั้งแต่ 3, 4, 5, 6, 8, 10 และ 12 นิ้ว

• ไม้ฝา ความหนาจะมีตั้งแต่ 1/2 3/4 นิ้ว และกว้างตั้งแต่ 4 6 นิ้ว และ 8 10 นิ้ว

• ไม้เสา ความหนามีตั้งแต่ 4×4 นิ้ว, 5 x 5 นิ้ว

แหล่งที่มา

http://www.pttreforestation.com/Plantview.cshtml?Id=37

อยากให้มีเนื้อหาเรื่องอะไรเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นอย่างไร เชิญคอมเม้นท์ไว้ได้เลยครับ