ต้นยอ ไม้สารพัดประโยชน์ ปลูกไว้กิน ปลูกประดับ ปลูกเป็นไม้มงคล

ต้นยอ (Noni และ Indian mulberry) เป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้เพื่อรับประทาน และยังสามารถปลูกเพื่อไว้ประดับบ้านอีกด้วย นั้นก็เพราะรูปทรงของใบและลูก ที่เมื่อมาอยู่รวมกันแล้ว ทำให้สวนหลังบ้านของคุณมีความแปลก และสวยงาม ซึ่งทุกคนรู้ไหมว่า ต้นยอ มีชื่อเสียงด้านไม้มงคล ที่ปลูกแล้วจะทำให้ชีวิตของเรานั้นดีขึ้นอีกด้วย

แ
credit : th.wikipedia.org
บ้านใครที่มีญาติผู้ใหญ่ เช่น คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย พวกท่านต้องรู้จักต้นยอแน่นอน เพราะคนสมัยก่อนมักนำใบยอ หรือ ลูกยอมาทำอาหาร โดยเฉพาะเมนู "แกง" และยังมีภูมิปัญญามากมาย ที่นำต้นยอมาทำเป็นสมุนไพรรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ

แต่ถ้าไปถามเด็กสมัยนี้ว่ารู้จักต้นยอไหม พวกเขาอาจจะสายหัวกันเป็นแถว และนั้นก็เป็นอีก 1 เป้าหมายที่ Kaset today อยากทำบทความดี ๆ แล้วเข้าใจง่าย ๆ เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ เข้าใจและมีความคิดที่อยากจะปลูกในบ้านของตัวเอง

ข้อมูลทั่วไปของต้นยอ

ชื่อภาษาไทย : ยอ

ชื่ออื่น ๆ :

  • มะตาเสือ (ภาคเหนือ)
  • แยใหญ่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน
  • ยอ กับ ยอบ้าน (ภาคกลาง)’

ชื่อภาษาอังกฤษ : Noni, Indian mulberry, Noni Indian mulberry, Great morinda, Mengkudu (Malay), Nonu/Nono (Pacific Islands)

ชื่อวิทยาศสาตร์ : Morinda citrifolia L.

ชื่อวงศ์ : Rubiaceae

ชื่อสกุล : Morinda

เกร็ดความรู้ ! 

ชื่อสกุลของต้นยอนั้น ถูกประกอบขึ้นมาจาก 2 ส่วนคือ ชื่อภาษาลาติน "morus" ซึ่งแปลว่า "มัลเบอร์รี" เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของผลยอมีผิวเหมือนผลไม้กลุ่มมัลเบอร์รี่ และชื่อส่วนหลัง มาจาก "indica" หมายถึง "อินเดีย"

ถิ่นกำเนิด

ต้นยอมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอินเดีย ถึงตอนใต้ของจีน และด้วยสภาพอากาศที่เอื่อต่อการเจริญเติบโตในประเทศไทย ทำให้มีการนำต้นยอมาปลูกในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งเป็นการบอกเล่าของคนรุ่นก่อน


ความเชื่อ

ยอ ยังถือเป็นไม้มงคลที่ตามตำราพรหมชาติแนะนำให้ปลูกไว้ในบริเวณบ้านในทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อจะได้รับการสรรเสริญเยินยอจากผู้คน รวมถึงจะได้มีคนยกยอปอปั้นหรือชื่นชมในเรื่องสิ่งที่ดีงาม และใช้ใบยอรองขันพิธีบายศรีสู่ขวัญในงานมงคลต่างๆ

แล้วผู้เฒ่าผู้แก่ยังได้บอกอีกว่า ถ้าปลูกในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้านก็จะเป็นสิริมงคลแก่เจ้าของและสมาชิกในบ้านอีกด้วย


ลักษณะทั่วไปของต้นยอ

  • ลำต้น

จัดเป็นไม้ต้นขนาดเล็กที่มีความสูงประมาณ 2-6 เมตร และมีการแตกกิ่งก้านไม่มาก เปลือกของลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา แล้วก็มีการแตกเป็นสะเก็ดก่อนจะหลุด กิ่งอ่อนๆ จะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม

ต้นยอ
credit : HL-Lernbegleitung
  • ใบ

เป็นประเภทใบเดี่ยว การออกใบจะออกตามข้อของต้นเป็นคู่ๆ ใบมีลักษณะเป็นรูปทรงรี ส่วนปลายของใบจะเป็นติ่งแหลมๆ ขอบใบมีความเป็นคลื่นเล็กๆ โคนใบสอบปนเรียว แผ่นใบจะมีสีเขียวเข้มและหนามัน เส้นกลางใบกับเส้นแขนงเป็นสีเขียวอ่อนเกือบขาว ก้านใบเป็นรูปสี่เหลี่ยมและมีความสั้น

ต้นยอ
credit : iBusiness
  • ดอก

จะมีกลิ่นหอม การออกดอกจะออกเป็นช่อกระจุกตามซอกของใบ ดอกมีขนาดค่อนข้างเล็ก ลักษณะเป็นรูปดอกเข็ม กลีบดอกมีสีขาวจำนวน 5 กลีบ โคนของกลีบจะเป็นรูปท่อแบบเชื่อมติดกัน

ต้นยอ
credit : winnews
ต้นยอ
credit : เมนูอาหาร.com
  • ผล

เป็นแบบผลรวมที่เกิดจากช่อดอกเบียดกัน ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมหรือบางทีก็เป็นทรงรี รอบๆ ผลมีตาหรือตุ่ม ผลยามอ่อนเป็นสีเขียว แต่ยามแก่ผลจะออกสีเหลืองหรือขาวนวลๆ ผลมีกลิ่นออกฉุนๆ ไม่หอม

ต้นยอ
credit : th.wikipedia
  • เมล็ด

มีจำนวนมากและเมล็ดมีสีน้ำตาลเข้มเกือบไหม้ 

ต้นยอ
credit : disthai
เกร็ดความรู้ ! ยอในไทยมีกี่ชนิด

ยอในเมืองไทยมีทั้งยอป่าและยอบ้าน ซึ่งยอทั้ง 2 ชนิด จะแตกต่างกันทั้งลักษณะของใบและผล

ยอป่า เราจะพบมากในป่าเบญจพรรณแล้ง และป่าแดง ไม้ยอป่าใช้ทำเป็นเครื่องเรือนและเสาบ้านได้ ส่วนเปลือกรากที่อายุ 3-4 ปีขึ้นไป เนื้อไม้และใบก็ใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าให้เป็นสีแดง

ยอบ้าน เป็นสายพันธุ์ต้นยอที่ต้นไทยนิยมนำมาปลูกมากที่สุดเพราะสามารถ ขึ้นได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เปลือก ราก เนื้อไม้ และใบของยอบ้าน ใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าได้เช่นกัน โดยเปลือก ราก เนื้อไม้ และใบ จะให้สีเหลืองแกมแดง เปลือกรากให้สีแดง เนื้อรากให้สีเหลือง ใช้ย้อมผ้าไหมและผ้าฝ้าย ซึ่งให้สีคงทนตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ยอบ้านยังมีประโยชน์ในด้านอาหาร และด้านยารักษาโรค ที่คนสมัยก่อนนิยมนำมาใช้จนถึงปัจจุบัน

การขยายพันธุ์

การขยายพันธุ์ของ ยอ สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธี การเพาะเมล็ด แล้วก็ การปักชำ และ การตอน ทว่า การเพาะเมล็ดเป็นวิธีที่ให้ผลดีที่สุดและมีอัตราการรอดสูงกว่าอีกสองวิธีนั้น

วิธีการเพาะเมล็ด

  • ทำได้โดย การบีบเมล็ดออกจากผลที่สุก จากนั้นให้ล้างเมล็ดด้วยน้ำและกรองเอาเมล็ดออก ต่อไปนำเมล็ดไปตากแห้งสัก 3-5 วัน
  • แล้วจึงจะนำไปเพาะในถุงเพาะชำจนต้นงอกและมีความสูงได้ประมาณ 30 เซนติเมตร จึงนำไปลงปลูก (หมายเหตุ: จะต้องใช้เมล็ดจากผลสีขาวซึ่งสุกจัดที่ร่วงจากต้น)
  • ก่อนจะนำต้นกล้าลงดิน ควรจะมีการปรับสภาพดินไม่ให้เป็นหลุมเป็นบ่อและให้ง่ายต่อการทำความสะอาดกับกำจัดวัชพืช (ข้อระบุ: ต้นพืชชนิดนี้สามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกชนิด)

การปลูกและการดูแล

การปลูก

  • แสงแดด

ชอบแสงแดดรำไรถึงแดดเต็มวัน เป็นต้นไม้ที่ทนต่อสภาพอากาศ ทนแล้งได้

  • น้ำ

เป็นไม้ที่ชอบน้ำจึงควรรดน้ำจนชุ่มทุกเช้าและเย็น

  • ดิน

สามารถปลูกในดินทุกชนิด แต่จะปลูกได้ดีในดินร่วน หรือตามต่างจังหวัดก็สามารถปลูกในดินดานหรือดินนาได้เช่นกัน อัตตราส่วนในการผสมวัสดุปลูกคือ ดิน 1 ส่วน ต่อ กาบมะพร้าว 1 ส่วน

  • ปุ๋ย

ให้ใช้ปุ๋ยคอก โดยให้ใส่ทุก 3-6 เดือน

การดูแล

  • โรคพืชและแมลงศัตรูพืช

ส่วนเรื่องโรคและแมลงนั้นไม่ค่อยจะมีปัญหามากนัก เพราะเป็นไม้ที่ค่อนข้างมีความทนทาน


ประโยชน์และสรรพคุณ

ด้านคุณประโยชน์ก็ต้องบอกว่า ยอ เป็นพืชที่มีประโยชน์และสรรพคุณหลายอย่างจริงๆ ซึ่งตามข้อมูลของเว็บไซต์ “โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ได้บอกเกี่ยวกับสรรพคุณทางยาไว้เป็นต้นว่า

  • ใบ มีคุณสมบัติด้านการบำรุงสายตา เนื่องจากมีวิตามินเอจำนวนมาก แล้วก็ช่วยบำรุงหัวใจ หากคั้นเอาน้ำสามารถใช้ทาแก้โรคเก๊าท์ แก้ปวดตามข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ฆ่าเหา แก้กระษัย แก้ท้องร่วง และใช้ในการปรุงอาหารได้ด้วย 
  • ราก เป็นยาระบาย แก้กระษัย สามารถสกัดสีเพื่อใช้เป็นสีย้อมผ้าได้
  • ผลที่โตเต็มที่แต่ไม่สุก สามารถรับประทานจิ้มน้ำพริกได้ แล้วยังเป็นยาขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยบำรุงธาตุ ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยขับเลือดลม ขับโลหิตประจำเดือน และแก้เหงือกเปื่อยเป็นขุมบวม 
  • ผลดิบ ใช้แก้อาการอาเจียนของหญิงมีครรภ์ 

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผลิตผลของ ยอ ได้ออกสู่ท้องตลาดอย่างเป็นที่แพร่หลายมานานหลายปี ซึ่งก็คือ น้ำลูกยอ สรรพคุณที่โดดเด่น อาทิ

  • ช่วยบำรุงหัวใจ
  • กระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด
  • ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ลดความเสื่อมสภาพของเซลล์ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง
  • ลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคภูมิแพ้
  • ช่วยขยายและเพิ่มความแข็งแรงให้หลอดเลือด
  • ลดไขมันส่วนเกิน
  • ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร
  • ทำให้ผ่อนคลายกับนอนหลับได้เป็นอย่างดี เป็นต้น

เมนูอร่อย จากต้นยอ

  • แกงปลาดุกใบยอ
  • แกงคั่วปลาดุกใบยอ
  • ห่อหมกใบสากใบยอ
  • คั่วเคยไข่ใบยอ
  • แหนมผัดใบยอ
  • แกงเผ็ดคอหมูป่าใบยอ
  • แกงอ่อมใบยอปลาดุก
  • ส้มตำลูกยอ ลูกยอใบยอชะลอวัย
  • ใบยอผัดไข่ใบกระเผา

แหล่งอ้างอิง

Central Laboratory and Greenhouse Complex
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้