สำหรับใครที่กำลังมองหาต้นไม้ปลูกในบ้านได้อย่างดีวันนี้ทางสวนพันพรรณ พันธุ์ไม้ของเกษตรทูเดย์ได้นำ 10 ต้นไม้ที่ปลูกง่าย เน้นปลูกประดับในบ้านไม่จำเป็นต้องได้รับแสงแดดมากก็สามารถเจริญเติบโตได้อย่างดี เพราะฉะนั้นมาดูกันว่ามีต้นอะไรมาแนะนำทุกคนกันบ้าง
1) หมากเหลือง
หมากเหลือง (Yellow Palm) มาเริ่มต้นกันที่ไม้ประดับยอดนิยมที่หลายคนมักจะนำมาปลูกไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้านเพื่อความสวยงาม ต้นหมากเหลืองจริง ๆ แล้วเป็นไม้ในตระกูลปาล์มที่มีลักษณะสูงโปร่ง แต่ก็ยังสามารถตัดแต่งหรือควบคุมความสูงของลำต้นได้ บริเวณลำต้นจะเป็นข้อปล้องแตกกิ่งก้านเป็นกอ สีเขียวปนเหลือง ลักษณะเด่นคือใบของหมากเหลืองจะมีลักษณะเป็นใบแบบขนนกมีสีเขียวอมเหลืองใบยาวเรียวเล็กคล้ายกับใบปาล์ม ดอกของหมากเหลืองจะมี ดอกสีขาวและให้ผลเป็นช่อ มีสีเหลืองอมส้มและเมื่อผลแก่จะมีสีม่วงอมดำ
หมากเหลืองเรียกว่าเป็นไม้มงคลที่อยู่กับชาวไทยมายาวนานมาก เพราะคนสมัยก่อนรุ่นปู่รุ่นย่าเชื่อว่าการปลูกหมากเหลืองไว้ในบ้านจะช่วยเพิ่มสิริมงคลให้แก่ผู้ปลูก อีกทั้งยังเสริมโชคลาภบารมีให้แก่ผู้อาศัย นอกจากนี้ยังมีการนำผลของต้นหมากเหลืองมาใช้ทำเป็นเครื่องเคียงในการเคี้ยวหมากพลู จึงไม่แปลกที่ต้นนี้จะเป็นที่รู้จักอย่างดีแต่ปัจจุบันหลายคนนิยมนำต้นหมากเหลืองมาใส่กระถางปลูกเป็นไม้ประดับตามอาคารบ้านเรือน หรือใช้แต่งสวนเพื่อให้ความสวยงาม ยิ่งถ้าปลูกไว้หน้าบ้านก็จะช่วยบังแดดบังลมได้อย่างดี อีกทั้งต้นหมากเหลืองยังปลูกง่ายทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี ไม่จำเป็นต้องใช้การดูแลเยอะก็อยู่รอดได้ แม้ว่าจะมีการเจริญเติบที่ค่อนข้างช้าก็ตามแต่ปลูกในที่ร่มก็รอด ใครที่มองหาต้นไม้ในบ้านที่ทนทานมาก ๆ แนะนำให้ลองหาต้นนี้มาปลูกกันดู
2) หนวดปลาหมึก
หนวดปลาหมึก (Octopus tree) เดิมทีมีถิ่นกำเนิดในแถบปาปัวนิวกินี อินโดนีเซียและพบมากในรัฐควีนส์แลนด์ เป็นไม้พุ่มที่มีความสูงในระดับกลาง ๆ ประมาณ 2 เมตร แต่มีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วมาก ลักษณะโดยรวมของต้นนี้มีลักษณะใบรี ๆ มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ใบเขียวและใบด่างแล้วแต่สายพันธุ์ แต่ลักษณะร่วมคือใบจะแตกออกมาจากกิ่งเดียว แต่ละกิ่งมี 7-15 ใบ ที่จะกางออกคล้ายกับนิ้วของคนหรือหนวดปลาหมึก บางคนก็บอกคล้ายร่ม ผิวใบจะเรียบและมัน สำหรับต้นนี้แม้ว่าหลายที่จะนิยมนำไปปลูกกลางแจ้งแต่จริง ๆ แล้วสามารถปลูกในกระถางและตั้งไว้ในบ้านตามมุมต่าง ๆ ได้ ยิ่งถ้าเป็นห้องที่อุณหภูมิค่อนข้างอบอุ่นก็จะช่วยเรื่องการเจริญเติบโตที่สม่ำเสมอ
ต้นนี้สามารถตัดแต่งกิ่งก้านให้มีความสูงตามที่เราต้องการได้ ควรตัดยอดออกเพื่อให้แตกใบสวยงามขึ้น เป็นต้นไม้อีกชนิดที่ดูแลง่าย ที่สำคัญเป็นต้นไม้อีกชนิดที่มักจะนำมาปรับแต่งฮวงจุ้ยกัน เพราะเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะดี ทั้งแผ่ขยาย ปลายมนและผิวเรียบอิ่มน้ำ เชื่อว่าการปลูกต้นนี้สามารถช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย สิ่งไม่ดีที่เข้ามาที่บ้านของเราได้ โดยให้วางไว้ที่ตรงประตูบ้านทั้งสองข้าง หรือบริเวณใกล้ ๆ กับหน้าต่างก็ถือว่าดี ถือเป็นต้นไม้ปลูกในบ้านอีกชนิดที่ไม่ควรพลาด
3) ยางอินเดีย
ยางอินเดีย (Rubber plant) จัดได้ว่าเป็นต้นไม้ปลูกในบ้านยอดฮิตที่กำลังเป็นกระแสมากในปัจจุบัน ด้วยลักษณะของต้นที่ไม่สูงมากแถมยังมีใบสวยงาม ผิวมันเรียบ ทั้งสายพันธุ์ที่ใบเป็นสีเขียวและสีออกดำขลับสวยงาม ข้อดีคือเป็นไม้ที่ใบไม่ค่อยร่วง ดูแลง่าย ไม่ต้องรดน้ำบ่อย ๆ เดิมทีต้นนี้จะพบได้มากในแถบประเทศอินเดีย และแถบหมู่เกาะมาลายู พบในป่าร้อนชื้น ทำให้ปลูกได้ดีในประเทศไทย
นอกจากนี้คนไทยยังให้ชื่อต้นนี้ว่า ต้นยางลบ เพราะบริเวณลำต้นจะมียางข้น ๆ ไหลออกมา เมื่อยางแห้งจับตัวกันสามารถนำไปใช้ลบดินสอได้จึงเป็นที่มาของชื่อนี้ ปัจจุบันต้นยางอินเดียมี 2 สายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย คือ ชนิดใบด่าง และชนิดใบสีเขียว นิยมปลูกเพื่อประดับตกแต่งสถานที่ ปลูกในบ้านได้อย่างดี เริ่มมีการนำใบของต้นนี้ไปใช้ในการทำพวงหรีดเพราะมีความเชื่อว่ายาวดินเดีย สื่อถึงการไว้อาลัยแก่ผู้ล่วงลับ นอกจากนี้การปลูกยางอินเดียในบ้านยังเป็นไปตามฮวงจุ้ยที่ว่าช่วยเสริมอำนาจ วาสนา บารมีให้แก่ผู้ปลูกและผู้อาศัย ให้มีแต่คนเคารพนับถือด้วย
4) ไทรใบสัก
ไทรใบสัก (Fiddle-leaf fig) เป็นต้นไม้ในบ้านที่อยู่ในกระแสนิยมช่วง
5 – 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเรามักจะเห็นปลูกกันตามบ้านเรือน ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือสถานที่ต่าง ๆ เป็นไม้ยืนต้นที่มีใบขนาดใหญ่ ลักษณะใบคล้ายกับใบยอจึงทำให้มีอีกชื่อคือ “ไทรใบยอ” ลำต้นจะมีความสูงได้ตั้งแต่ 50 เซนติเมตรไปจนถึง 2 เมตรเลย หรือบางแห่งที่ปลูกกลางแจ้งก็อาจจะสูงได้มากกว่านั้น เป็นไม้ที่มีระยะการเติบโตในระดับกลาง ๆ แต่ต่อเนื่องราว ๆ 10 เซนติเมตรต่อปีเลย หลายคนนิยมปลูกต้นนี้เพราะปลูกค่อนข้างง่าย มีใบสวยงาม สามารถฟอกอากาศได้เป็นไม้ประดับที่ต้นเล็กถึงกลางราคาไม่สูงมาก แต่หากปลูกให้ต้นใหญ่ มีการปรับแต่งหรือจัดฟอร์มให้สวยราคาจะค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
แม้ว่าไทรใบสักเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดแต่ก็สามารถปลูกอยู่ในที่ร่มหรือแดดรำไรได้ โดยไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย ๆ หรือรดน้ำจนชุ่มเกินไป สามารถปลูกไว้ได้ทั้งบริเวณระเบียง ห้องนอน ห้องทำงานหรือปลูกติดหน้าต่างก็จะช่วยกรองฝุ่นได้ดี ควรหมั่นทำความสะอาดใบให้เงาและมันอยู่เสมอเพื่อความสวยงามและควรปลูกในบริเวณที่เพดานค่อนข้างสูง เพราะจะช่วยให้ต้นนี้สามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ นอกจากจะเป็นไม้ประดับใบสวยก็ยังเป็นไม้ช่วยเสริมฮวงจุ้ยได้ ยิ่งถ้าปลูกไว้ในบริเวณบ้านจะช่วยเสริมสิริมงคล เพิ่มอำนาจบารมีให้แก่ผู้ปลูก อีกทั้งต้นนี้ยังเป็นตัวแทนที่สื่อถึงความอดทน เมตตาและความรักในทางฮวงจุ้ยศาสตร์อีกด้วย
5) เดหลี
เดหลี (Peace Lily) จัดเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่สามารถปลูกภายในอาคารหรือตัวบ้านได้อย่างดีลักษณะของต้นนี้จะมีใบสีเขียวเข้มเป็นมันวาวมีดอกเป็นช่อสีขาวหรือขาวแกมเหลืองมีกลับหุ้มช่อดอกลักษณะคล้ายๆดอกหน้าวัวเป็นไม้พุ่มเตี้ยที่สูงได้แค่ประมาณ 30 – 60 เซนติเมตร มีพุ่มใบสวยงามโดยธรรมชาติปกติเดหลีจะพบได้ตามริมลำน้ำลำ ลำธารที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน ปัจจุบันคนนิยมนำมาเป็นต้นไม้ปลูกในบ้านเพื่อประดับตามมุมต่าง ๆ สามารถตัดแต่งพุ่มให้สวยงามได้ เดิมทีเป็นไม้ที่พบได้มากแถบทวีปอเมริกาใต้ ในโคลัมเบียและเวเนซุเอลา ซึ่งสันนิษฐานว่ามีมากกว่า 40 ชนิด
ความพิเศษของเดหลี คือ เป็นต้นไม้หนึ่งในจำนวน 31 ชนิดที่องค์การนาซ่าค้นพบว่ามีคุณสมบัติในการฟอกอากาศได้
อีกทั้งยังสามารถดูดสารพิษจำพวกแอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีนและฟอร์มาดีไฮด์ได้ในปริมาณมาก เพราะเป็นไม้ที่คายความชื้นสูง แม้จะปลูกในพื้นที่ร่มที่มีความชื้นต่ำและได้รับแสงแดดน้อยก็สามารถเจริญเติบโตได้หากว่าดินชุ่มชื้นพอ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ต้นไม้ชนิดจึงเป็นที่นิยมปลูกมาก ๆ ตามบ้านเรือหรือสำนักงาน
6) ตีนตุ๊กแกฝรั่ง
ตีนตุ๊กแกฝรั่ง (Creeping Fig) เป็นไม้เลื้อยเกาะอิงอาศัยที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับต้นไทร เรามักเห็นหลาย ๆ สถานที่นำต้นนี้มาปลูกเกาะตามพื้นผนังหรือกำแพง เพื่อให้มันเลื้อยเกาะสร้างร่มเงาและความสวยงามให้แก่บริเวณนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วต้นตีนตุ๊กแกสามารถนำมาปลูกเป็นต้นไม้ในบ้านได้สวยงามไม่แพ้กันเลย สมัยก่อนต้นตีนตุ๊กแกยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทยมากนัก เพราะคนไทยไม่นิยมปลูกไม้เลื้อยที่เกาะตามผนังบ้านเพราะมันทำให้บดบังทัศนียภาพ แต่ต่อมาก็มีการนำต้นนี้มาปลูกเพื่อปิดรั้ว ผนังหรือกำแพงเพื่อให้พื้นที่ที่เคยโล่งเตียนดูมีสีสันแลัมีชีวิตชีวาขึ้น อีกทั้งต้นนี้ยังเป็นไม้เลื้อยที่เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ใช้ระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปีก็สามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่และแพร่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง
สำหรับระยะในการทอดเลื้อยของต้นนี้สามารถไปได้ไกลเราราว 50 เซนติเมตรถึง 1 เมตร แม้จะเป็นไม้เลื้อยเกาะที่มักปลูกนอกบ้าน แต่ก็สามารถนำมาปลูกเป็นไม้เลื้อยบนกระถางประดับในบริเวณบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องโดนแสงแดดตลอดทั้งวัน คนที่อาศัยตามคอนโดหรืออพาร์ตเม้นที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดก็จะนิยมนำตีนตุ๊กแกมาห้อยแขวนตามริมระเบียงหรือปลูกบริเวณหน้าต่างเพื่อเพิ่มความสวยงาม ถือเป็นพันธุ์ไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องใช้กันดูแลที่ยุ่งยาก สามารถปล่อยให้ขยายพันธุ์หรือเจริญเติบโตได้เองตามธรรมชาติเลย อาจจะต้องตัดแต่งให้สวยงามบ้างนาน ๆ ครั้ง ใครชอบไม้เลื้อยปลูกง่ายลองหาต้นนี้มาไว้ที่บ้านดู
7) พลูด่าง
พลูด่าง (Golden Pothos) เชื่อว่าเป็นไม้ที่เลื้อยที่น้อยคนจะไม่รู้จัก เพราะกระจายพันธุ์อยู่ทั่วโลกทั้งในออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย พบมากในป่าเขตร้อนทั่วโลก ในต่างประเทศพลูด่างเป็นพืชที่ไม่เป็นที่นิยมเพราะมันขยายพันธุ์ได้รวดเร็วและสร้างความเสียหายทางนิเวศวิทยา แต่คนไทยกลับนิยมปลูกพลูด่าง เพราะเป็นไม้ที่ปลูกง่าย จะปลูกในน้ำหรือปลูกในดินก็เจริญเติบโตได้ดีไม้แพ้กัน ลักษณะของใบก็สวนงาม คล้ายกับรูปหัวใจมีหลากหลายสายพันธุ์ บ้างก็มีใบสีเขียวสดสลับกับสีเหลืองนวล บ้างก็เป็นใบด่างขาว เป็นไม้ที่ชอบแสงสว่างแต่ไม่จำเป็นว่าต้องปลูกกลางแจ้ง ลำต้นจะค่อนข้างอ่อนคนเลยมักนำไปปลูกเป็นไม้ห้อยแขวนในกระถาง
การปลูกต้นนี้หากปลูกในน้ำให้เปลี่ยนน้ำ 1-2 สัปดาห์ครั้ง หากปลูกในดินก็ไม่จำเป็นต้องลดน้ำบ่อยแต่พอให้กินชุ่มชื้นแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือจะปลูกในกากมะพร้าวเลยก็ได้ ให้ตั้งไว้รับแสงบ้างเพื่อความสวยงามของใบแต่ไม่ต้องรับโดยตรงตลอดทั้งวัน เป็นพืชที่ขยายพันธุ์ได้ง่ายแค่ตัดตรงข้อใบมาแช่น้ำก็จะแตกรากออกมา นอกจากเป็นต้นไม้ในบ้านที่ตอบโจทย์คนมีเวลาน้อย ไม่ชอบการดูแลวุ่นวายก็ยังตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบไม้มงคลด้วย เพราะการปลูกพลูด่างมีความเชื่อมาตั้งแต่อดีตว่าจะช่วยเสริมบารมีนำสิ่งดี ๆ เข้ามาในบ้านเสริมเสน่ห์ให้คนรักใคร่ เอ็นดู อยู่ใกล้แล้วรู้สึกสุขกายสบายใจ อาจจะด้วยลักษณะของพลูด่างที่เป็นพืชชอบน้ำจึงสื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุขในทางความเชื่อตามฮวงจุ้ยโบราณนั่นเอง
8) พลูสนิม
พลูสนิม (Black Gold Philodendron) เป็นไม้เลื้อยที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับพลูด่าง แต่สามารถเลื้อยได้ไกลกว่าราว ๆ 2- 4 เมตร แต่ก็ยังคงคุณสมบัติของไม้ที่ปลูกง่าย ปลูกในดินหรือน้ำก็ได้ แต่คนสวนใหญ่จะชอบปลูกในน้ำมากกว่าเพราะไม่ต้องดูแลเยอะ ปล่อยให้เลื้อยห้อยแขวนไปตามธรรมชาติ ความพิเศษของพลูสนิมคือลักษณะและสีของใบ ใบจะมีรูปร่างคล้ายรูปหัวใจปลายเรียวแหลม โคนเว้าแบบพลูด่างแต่เนื้อใบและส่วนต่าง ๆ ของต้นจะอ่อนและเปราะบางกว่ามาก ใบจะออกเดี่ยว ๆ เวียนสลับไปเรื่อง ๆ สีของใบจะออกแดงอมม่วงเป็นระเรื่อ แผ่นใบเป็นกำมะหยี่สีเขียวคล้ำอมสีแดง ใต้ใบสีม่วงแดง เส้นใบย่อยเป็นร่องลึก
สมัยก่อนพลูสนิมเป็นพืชที่ไม่ได้มีคนรู้จักมากนัก พบได้ตามป่าเขตร้อยแถบเอเชีย แต่สีสันและลักษณะของ การทองเลื้อยที่สวยงามทำให้สะดุดตานักปลูกต้นไม้จำนวนไม่น้อยจนต้องไปซื้อหามาปลูกและเพาะพันธุ์ต่อ ในปัจจุบันพลูสนิมมกลับได้รับความนิยมและกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลายคนนิยมนำมาปลูกเป็นไม้กระถาง ปลูกให้เกาะเลื้อยไปตามต้นไม้ใหญ่ ไม้เลื้อยซุ้มประตู หรือไม้เลื้อยประดับรั้ว เป็นต้นไม้ปลูกในบ้านได้สบาย ๆ ไม่จำเป็นต้งอพึ่งแดดพึ่งลมในการเจริญเติบโตมากนัก เปลี่ยนน้ำหรือรดน้ำแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ อีกทั้งยังเป็นไม้มงคลเสริมเสน่ห์เมตตามหานิยม มีแต่คนรักนิยมชมชอบมอบโอกาสดี ๆ ให้ ใครกำลังมองหาไม้เลื้อยสวนงาม ปลูกง่าย พลูสนิมตอบโจทย์ให้ได้อย่างดีแน่นอน
9) พลูหัวใจแนบ
หัวใจแนบ หรือแนบอุรา (Scindapsus pictus exotica) เป็นพลูอีกชนิดที่กำลังได้รับความนิยมมาก ๆ ในหมู่คนรักไม้เลื้อยปัจจุบัน ลักษณะจะเป็นไม้เลื้อยที่มีรากแตกออกตามข้อไว้ใช้เกาะเกี่ยว อิงอาศัยได้ ต้นอ่อนจะมีใบเล็กเรียงขนานกันแบบใกล้ชิด รูปทรงใบเป็นรูปหัวใจหรือใบรี พอต้นเริ่มโตเต็มที่จะเปลี่ยนรูปทรงใบไป เป็นต้นไม้ในบ้านที่ปลูกไว้เป็นไม้ห้อยแขวนได้สวยงาม พลูหัวใจแนบจริง ๆ มีหลายสายพันธุ์มาก ๆ แต่ที่นิยมปลูกตอนนี้จะมีใบเป็นด่างขาวประปราย พื้นใบสีเขียวหรือเขียวเข้ม มีลายสีบรอนซ์เงินทั่วทั้งใบ ฟอร์มสวยมาก เลื้อยได้ไกล 1-3 เมตร ปลูกง่ายเจริญเติบโตได้ไว ไม่จำเป็นต้องดูแลเยอะ ปลูกในที่แดดรำไรหรือที่ร่มได้สบาย ๆ
นอกจากปลูกไว้ประดับบ้านสวย ๆ แล้ว ดูจากชื่อก็น่าจะพอเดาออกว่าต้องเป็นไม้ที่มีชื่อและความหมายมงคลมาก ๆ เพราะพลูชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นเหมือนไม้มงคลของคนรุ่นใหม่แม้จะไม่ได้มีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณ แต่หลายคนที่ปลูกต้นนี้ก็เชื่อว่า แนบอุรา จะช่วยเสริมความรักให้ดีขึ้นได้ คนที่เริ่มคบกันก็จะเสริมให้ความรักมั่นคงยั่งยืน หรือคนที่รักเริ่มจืดจางปลูกแล้วก็ช่วยเสริมให้ความรักกลับมาเบ่งบานได้อีกครั้งด้วย
10) ลิ้นมังกร
ลิ้นมังกร (Dracaenaceae) เป็นไม้ล้มลุกหลายปี ไม่ผลัดใบ มีหัวใต้ดิน ลักษณะใบแข็งหนาตั้งตรง รูปใบหอก บางครั้งบิดเล็กน้อยหรือบิดเป็นเกลียว ปลายเรียวแหลม ขอบเรียบ ใบที่โตเต็มที่มีสีเขียวเข้มถึงเขียวอมเทา มีแถบสีเขียวอ่อนหรือสีเทาอมเขียวพาดขวางเป็นระยะตลอดความยาวใบ เป็นลวดลายอยู่ที่แผ่นใบ ช่อดอกออกจากซอกกาบใบ คุณสมบัติพิเศษของต้นนี้ คือ สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอน พร้อมทั้งคายความชื้นและปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมาได้อย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนกลางคืนมาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงในตอนเช้าได้ด้วย ใครที่อยากเริ่มปลูกต้นไม้ในบ้านต้องห้ามพลาดลิ้นมังกรเลย
ลิ้นมังกรเป็นไม้ประดับที่ปลูกง่ายมาก ๆ และแทบจะไม่ต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโตเลย รดน้ำแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งพอให้ดินชุ่มชื้น หาปุ๋ยเม็ดมาบำรุงใบบ้างเล็กน้อยก็สามารถอยู่รอดได้ยาว ๆ อีกทั้งการปลูกต้นนี้ไว้ก็ยังช่วยเสริมฮวงจุ้ยบ้านเป็นการส่งเสริมให้มีแต่เรื่องดี ๆ มาสู่คนในบ้าน ส่วนความเชื่อคนไทยการปลูกต้นลิ้นมังกรไว้ประจำบ้านจะช่วยป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ได้เหมือนอิทธิฤทธิ์ของ “หอกพระอินทร์” ซึ่งจริง ๆ เป็นกุศโลบายเพราะคนสมัยก่อนจะปลูกต้นนี้ไว้หน้าบ้านเพื่อป้องกันสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ เข้ามาในบ้านนั่นเอง
11) เฟิร์นบอสตัน
เฟิร์นบอสตัน (Boston fern) เป็นพืชไม้ประดับยอดนิยมที่มักจะนำมาปลูกไว้แต่งสวนหรือปลูกไว้ประดับตามมุมห้องเพราะสามารถปลูกไว้ในที่ที่ไม่มีแสงแดดจัด ๆ ได้ โดยเฟิร์นชนิดนี้มีลักษณะก้านใบแข็งโค้งออกจะทิ้งปลายลงมาเมื่ออายุมากขึ้น ใบเป็นริ้ว ๆ ขึ้นเรียงกันถี่ ๆ จนหนาทึบ ไม่มีดอก นิยมปลูกในกระถางแขวนหรือปลูกลงในกระถางตั้งพื้นเลี้ยงไว้ให้เป็นพุ่มสวยงาม ซึ่งบอสตันนอกจากความสวยงามแล้วก็ยังสามารถดูดสารพิษได้มาก โดยเฉพาะสารจำพวกฟอร์มาดีไฮด์ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่อาคารภายในอาคารได้เป็นอย่างดี คนที่ปลูกต้นเฟิร์นชนิดนี้อาจไม่จำเป็นต้องตั้งไว้ให้โดนแดดตลอดเวลาแต่การให้น้ำนับว่าต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ควรหมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ เพราะไม้ตระกูลเฟิร์นเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ๆ
แม้จะเป็นไม้ที่ชอบน้ำมากแต่ก็ต้องเลือกดินในการปลูกที่ค่อนข้างร่วนซุยหรือระบายน้ำได้ดี เพราะเฟิร์นชนิดนี้ไม่ชอบพื้นที่น้ำท่วมขัง ส่วนใครที่กำลังคิดว่ามีเวลาให้น้ำน้อยกังวลว่าต้นจะปลูกไม่รอด แนะนำให้ปลูกในขุยหรือกากมะพร้าวจะช่วยเก็บความชุ่มชื้นได้นานแต่ไม่ทำให้น้ำท่วมขัง หมั่นตัดแต่งใบที่เหลืองออกเพื่อความสวยงามของฟอร์มต้น หรือจะลองหาปุ๋ยเม็ดละลายช้าใส่ดิน 3 เดือนครั้งเพื่อบำรุงให้ใบสวยงาม
12) มอนสเตอร่า
มอนสเตอร่า (Monstera) หรือที่เรียกทั่วไปว่า พลูฉีก ถือเป็น “ราชินีแห่งไม้ใบ” ที่จัดอยู่ในตระกูลไม้เลื้อยซึ่งจะพบมากในป่าดิบชื้นทางอเมริกากลาง สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 4 เมตร ปัจจุบันคนนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในกระถาง มีลักษณะเด่นคือใบขนาดใหญ่ที่มีแฉกถึงกลางใบประมาณ 4-5 แฉกต่อใบ โคนใบเว้าลึกเป็นรูปหัวใจ ปลายใบเรียวแหลม ลักษณะผิวใบจะหนาผิวมัน มีทั้งสีเขียวเข้มและใบด่างแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ต้นนี้ได้รับความนิยมมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นต้นที่สามารถฟอกอากาศได้อีกทั้งสามารถปลูกในที่ที่มีแดดรำไรได้และรดน้ำสัปดาห์ละครั้ง หรืออาจจะรดน้ำมากหน่อยในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงที่สภาพอากาศ แห้งโดยให้สังเกตจากความชุ่มชื้นของดินเป็นหลัก
สำหรับสายปลูกต้นไม้ประดับและไม้มงคล มอนสเตอร่าก็มีความเชื่อตาคติของชาวญี่ปุ่นว่าถ้าหากปลูกไว้บริเวณทางเข้าบ้าน จะช่วยเรื่องการป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามาในบ้าน ส่วนตำแหน่งที่ตั้งตามหลักฮวงจุ้ยถ้าเลือกปลูกไว้ในทิศตะวันตกของห้องทำงานหรือห้องรับแขกจะช่วยเสริมโชคลาภและการเงินให้กับผู้อยู่อาศัยด้วย เป็นอีกหนึ่งต้นไม้ในบ้านที่น่าปลูกมาก ๆ