ยมหิน ไม้มงคลเนื้อไม้สวย ที่ยังเป็นที่ต้องการมีลักษณะอย่างไร

ยมหิน (Almond-wood) เป็นไม้มงคลที่เราสามารถพบเจอได้บ่อยในอดีต แต่ในปัจจุบันนับเป็นพันธุ์ไม้ที่เริ่มจะหายากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะต้นใหญ้ ๆ ที่เป็นไม้ล้อม ก็ไม่ค่อยเหลือให้เห็นกันเท่าไร แต่ต้นไม้ที่ Kaset today จะมาเสนอวันนี้เป็นต้นไม้มงคลประจำจังหวัดที่มีคำขวัญคู่เมืองว่า ‘หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ   ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม’ ถ้าใครยังนึกไม่ออก ไม่เป็นไร เดี่ยวเราไปทำความรู้จักพันธุ์ไม้ชนิดนี้กัน

ยมหิน
credit : ยมหิน
ยมหิน เป็นพันธุ์ไม้ป่าที่เป็นไม้มงคล โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานเพื่อเป็นมงคลแก่จังหวัดแพร่ ต้นยมหินเป็นไม้ที่ไม่ใช่ไม้เศรษฐกิจ แต่ก็ยังเป็นไม้ที่คนต้องการ นั้นก็เพราะ ต้นยมหินมีเนื้อไม้ที่สวยงาม สีของไม้เป็นสีน้ำตาลอมเหลือง เหมาะแก่การทำเครื่องเรือน ของตกแต่งที่ทำด้วยไม้ 

แต่ในปัจจุบันทางปลูกไม้ชนิดนี้มีน้อยลงมาก เราจึงอยากมาเชิญชวนให้เริ่มปลูกเพื่ออนุรักษ์ หรือจะปลูกเพื่อต่อยอดเป็นอาชีพหลักก็ได้ แต่ก่อนอื่น เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ...ต้นยมหิน ก่อน

ข้อมูลทั่วไปต้นยมหิน

ชื่อภาษาไทย : ยมหิน

ชื่อเรียกอื่น ๆ : โค้โย่ง(กะเหรี่ยง-เชียงใหม่) ช้ากะเดา(ใต้) ยมขาว(เหนือ) ยมหิน มะเฟืองต้น สะเดาช้าง สะเดาหิน(กลาง) ริ้งบ้าง รี(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เสียดค่าย(สุราษฎร์ธานี)

ชื่อภาษาอังกฤษ : Almond-wood, Chickrassy Chittagong-wood

ชื่อวิทยาศาสาตร์ : Chukrasia velutina Roem.

ชื่อวงศ์ : MELIACEAE

ชื่อสกุล : Chukrasia A. Juss. เป็นสกุลที่มีชนิดเดียว ชื่อสกุลมาจากภาษาฮินดู “chikrassee” ที่ใช้เรียก ยมหิน


ความเชื่อ

เชื่อว่าการปลูกยมหิน จะทำให้ผู้ปลูก และผู้ที่อยู่อาศัย ปลอดภัยจากภัยอันตราย และยังมีสุขภาพร่างการที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย จะทำให้เด็กๆมีความอดทนต่อสิ่งต่าง ๆ


ตำแหน่งที่ควรปลูก

การปลูกต้นยมหินให้เกิดความสิริมงคล ป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้ายนั้น ควรปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และควรให้ผู้ชายเป็นคนปลูกจึงจะดี


แหล่งกำเนิด หรือ บริเวณที่พบบ่อย

ต้นยมหินมีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ จากประเทศปากีสถานไปทางตะวันออกสู่อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ ตอนใต้ของจีน อินโดไชนา ประเทศไทย ของเหนือของมาเลเซีย และตะวันออกของเกาะสุมาตราและบอเนียว เชื่อว่าเกิดเป็นกลุ่มใหญ่ในประเทสอินเดีย บังคลาเทศ ตะวันตกของไทย และทางเหนือของมาเลเซีย

ต้นยมหิน ยังเป็นไม้ที่พบได้มากตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าผลัดใบผสม ซึ่งมีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 300-800 เมตร อีกทั้งมีการกระจายพันธุ์อยู่ในแถบอินเดียมาจนถึงเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย


ลักษณะของต้นยมหิน

  • ลำต้น

เป็นประเภทไม้ยืนต้นที่มีขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ ความสูงของต้นราวๆ 15-25 เมตร และจัดอยู่ในไม้ผลัดใบที่ผลิใบใหม่ได้รวดเร็ว ลำต้นมีลักษณะเปลาตรง ที่โคนต้นเป็นพูพอน เปลือกของต้นมีทั้งสีน้ำตาลคล้ำ สีเทา หรือสีเทาปนดำ ที่เปลือกมีการแตกเป็นสะเก็ดสี่เหลี่ยมขณะมีอายุมากขึ้น และตามความยาวของลำต้นจะแตกเป็นร่องลึก ส่วนเปลือกชั้นในออกสีแดงอมน้ำตาลหรือสีชมพู แล้วส่วนกระพี้เป็นสีเหลืองเหมือนฟางข้าว แก่นไม้มีสีเหลืองเข้มเกือบน้ำตาล

ยมหิน
credit : ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน The Thai Red Cross Society
  • ใบ

ส่วนของใบยมหินมีลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนกและจะออกเยื้องๆ กัน ก้านของใบจะมีความยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร แล้วมีใบย่อย 6-20 คู่ โดยมีการเรียงตัวแบบสลับ ซึ่งใบย่อย 2 คู่แรกจะเรียงกันแบบตรงกันข้าม ใบย่อยจะมีลักษณะเป็นรูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาด ส่วนปลายใบจะแหลม โคนใบจะออกมนๆ หรือกลมๆ ขอบใบมีความเรียบ ใบย่อยจะกว้างราวๆ 3.5-6.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-17.5 เซนติเมตร ด้านหลังของใบมีความเรียบและเป็นมัน ท้องใบจะมีขนอ่อนนุ่ม ซึ่งจะมี 2 ลักษณะ คือ ขนยาว ปลายแหลม และอ่อนนุ่ม กับ ขนที่สั้นกว่า และปลายขนมนแข็งกว่า แล้วก้านของใบย่อยจะมีความยาว 2-8 มิลลิเมตร

ยมหิน
credit : ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน The Thai Red Cross Society
  • ดอก

ดอกจะออกเป็นช่อตามมุมกิ่งอ่อนหรือปลายยอด ซึ่งปลายช่อของดอกจะมีลักษณะห้อยลง และมีความยาวราว 10-30 เซนติเมตร ส่วนกิ่งหลักของช่อดอกจะยาว 16 เซนติเมตร กิ่งย่อยมีความยาว 4 เซนติเมตร ทั้งนี้ตัวดอกจะมีขนาดเล็กและมีกลิ่นที่หอม ความยาวของดอกประมาณ 1.5 เซนติเมตร ใบประดับดอกมีลักษณะรูปสามเหลี่ยมแคบๆ ขนาด 2-7 เซนติเมตร เมื่อดอกบานใบประดับจะหลุดร่วงไป ก้านของดอกมีความยาว 3-4 มิลลิเมตร ซึ่งจะอยู่ติดๆ กับก้านดอกเทียมที่มีความยาว 2 มิลลิเมตร แล้วก็ติดกับกลีบเลี้ยงที่มีสีเขียวอมม่วงหรือสีแดง และมีจำนวน 4-5 กลีบ กลีบเลี้ยงจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-3.5 มิลลิเมตร และมีลักษณะปลายมน

สำหรับกลีบดอกจะมีจำนวน 4-5 กลีบ รูปร่างของกลีบจะยาวและแคบ มีสีเขียวอ่อนหรือเหลืองอมม่วง รวมถึงมีขนสั้นๆ ปกคลุมทั่วกลีบ แล้วก็มีก้านชูเกสรเพศผู้ สีเหมือนกลีบดอก ส่วนของรังไข่จะอยู่เหนือวงของกลีบ  รูปทรงเหมือนแจกัน ภายในจะมีช่อง 3-5 ช่อง แต่ละช่องมีไข่อยู่จำนวนมาก ส่วนก้านชูเกสรเพศเมียจะเป็นแบบยาวแคบ ตรงปลายมีรอยหยัก มีน้ำลักษณะเหนียวๆ กับมีขนอ่อนนุ่ม  ส่วนเรณูจะเป็นแบบเดี่ยวขนาดเล็ก

ยมหิน
credit : ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน The Thai Red Cross Society
ยมหิน
credit : ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน The Thai Red Cross Society
ยมหิน
credit : ชุมชนคนรักษ์พรรณไม้
  • ผล

จะออกเป็นพวง ในลักษณะทรงรีหรือรูปไข่ ผลจะเป็นแบบผลแห้ง ซึ่งมีเปลือกแข็งสีน้ำตาล ปลายผลจะมีติ่งแหลม ขนาดของผลมีความยาวราวๆ 2.5-5 เซนติเมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.8-4 เซนติเ

มตร และสีของผล เมื่อยังอ่อนเป็นสีน้ำตาล สุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำ แล้วหากแห้งหรือแก่จัดจะแตกแยก 3-5 เสี่ยง ภายในของผลแบ่งเป็นช่อง 3-5 ช่อง มีเมล็ดแบนๆ บางๆ สีน้ำตาล แต่ละช่องของผลจะมีเมล็ด 60-100 เมล็ด โดยการเรียงตัวของเมล็ดจะเป็นแบบสลับกันระหว่างส่วนหัวกับส่วนปลาย  

ยมหิน
credit : ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน The Thai Red Cross Society
ยมหิน
credit : ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน The Thai Red Cross Society
ยมหิน
credit : ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน The Thai Red Cross Society

การขยายพันธุ์

ในปัจจุบันเราจะนิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธี “เพาะเมล็ด” ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก โดยการเก็บเมล็ดได้จากต้นแม่พันธุ์ และนำไปตากแห้งสัก 2-3 วัน จากนั้นก็นำไปเพาะในกระบะชำ หรือ ถุงพลาสติก ต้นยมหิน สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินทุกชนิด แต่ดินที่ดีที่สุดจะได้แก่ ดินร่วนผสมอินทรีย์วัตถุ อาทิ แกลบ ขี้เถ้า ขุยมะพร้าว หรือมูลสัตว์ สำหรับการให้น้ำก็ให้ตามปกติสม่ำเสมอทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง เพราะเป็นต้นไม้ที่มีความต้องการน้ำและความชุ่มชื้นระดับปานกลาง การปลูกก็ให้ปลูกไว้กลางแจ้ง

เกร็ดความรู้ ! เคล็ดลับการงอกของเมล็ด

อยากให้เมล็ดต้นยมหินมีโอกาศงอกเกิน 80% เราต้องใช้วัสดุคือ ทรายหยาบและทรายผสมขี้เถ้าแกลบ ในอัตราส่วน 1:1

และต้นยมหินมักจะออกดอกในช่วงเดือน พฤษภาคม-กันยายน และจะกลายเป็นลูกในช่วงเดือน มกราคม-พฤษภาคม

การปลูกและการดูแล

การปลูก

  • แสงแดด

สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ ทนต่อความร้อน ชอบอยู่ทั้งบริเวณที่ได้รับแสงแดดทั้งวัน หรือรำไร

  • น้ำ

สามารถรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง หรือ 2 วันครั้งก็ได้ เพราะสามารถทนขาดน้ำได้ แต่ช่วงที่ยังเป็นต้นเล็กๆควรรดน้ำทุกวันตอนเช้า

  • ดิน

ต้นยมหินสามารถอยู่ได้ในดินที่มีความแน่น หรือดินทางภาคเหนือที่มีเนื้อดินเหนียว แต่ในภาคกลางที่ปลูกกันนิยมใช้เป็นดินร่วนปนทราบ หรือดินถุงเพิ่มเติมด้วยอินทรีวัตถุ

เนื่องจากต้นยมหินเป็นไม้ป่า ไม่ต้องการดูแลมากนัก นิยมใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงต้น เพราะต้องการใช้เนื้อไม้ แนะนำให้ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เพื่อทำให้ดินร่วน รากต้นไม้จะหาอาหารได้ง่ายขึ้น

การดูแล

การดูแลต้นยมหินไม่ยาก เพราะโดยธรรมเป็นพันธุ์ไม้ที่เกิดในป่า อาจจะดูแลในเรื่องความชื้นให้ไม่มากหรือน้อยเกินไป ไม่ค่อยมีแมลงมารบกวน


ประโยชน์

  • มีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ช่วยเรื่องการสมานแผลและเป็นส่วนผสมของยาแก้ไข้
  • ส่วนของไม้ สามารถใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ หรือใช้ในงานก่อสร้างบ้านได้ เนื่องจากเป็นไม้เนื้อแข็งจึงมีความทนทานแถมมีลายไม้ที่สวยละเอียด ทำให้ไสง่ายและขัดเงาได้งาม
  • สามารถนำไปทำเครื่องจักรสาน หรือเครื่องใช้ต่างๆ ได้ เช่น กล่องใส่ใบชา ไม้อัด หรือลังเก็บของ
  • สามารถนำไปทำเป็นเชื้อเพลิงได้
  • สามารถนำไปใช้ในงานศิลปะได้ นำไปแกะสลักได้ เพราะมีเนื้อไม้ละเอียด ไม่แตกเวลาทำ
  • นิยมนำไปปลูกเพื่อปลูกป่าทดแทน เพราะเติบโตเองได้ ทนต่อสภาพอากาศ

ราคาขาย

ทางด้านราคาก็ต้องบอกเลยว่า สามารถจับต้องได้ เพราะราคาในท้องตลาดไม่ได้สูงมากเลย เริ่มต้น 20  บาท จนถึง 300 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและความสมบูรณ์ หากสนใจอยากปลูกเลี้ยงก็เลือกหาได้ตาม ตลาดต้นไม้ต่างๆ


แหล่งอ้างอิง

ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน
ส่วนส่งเสริมกล้าไม้ สำนักส่งเสริมการปลูกป่า
สำนักความหลากหลายทางชีวภาพ
ลักษณะสำคัญบางประการที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการเพาะชำ เมล็ดไม้ยมหิน

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้