แมคคาเดเมีย สุดยอดพืชเศรษฐกิจที่ตลาดมีความต้องการสูง

ชื่อภาษาอังกฤษ

Macadamia

ชื่อวิทยาศาสตร์

Macadamia integrifolia Maiden & Betche

ความหมาย

แมคคาเดเมีย จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีลักษณะเป็นพุ่มหนาคล้ายพีระมิดแผ่กิ่งก้านสาขาสวยงามเขียวชอุ่มตลอดปี

ความเชื่อ

แมคคาเดเมีย  จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง  มีลักษณะเป็นพุ่มหนาคล้ายพีระมิดแผ่กิ่งก้านสาขาสวยงามเขียวชอุ่มตลอดปี เมล็ดแมคคาเดเมียสามารถรับประทานได้  มีรสชาติมันอร่อยคล้ายถั่ว  สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อการค้าได้หลากหลาย   มีคุณค่าทางอาหารที่สูงจึงนิยมนำเมล็ดแมคคาเดเมียมาบริโภคกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก   แมคคาเดเมียจึงจัดว่าเป็นพืชเศรษฐกิจอีกประเภทหนึ่งที่มีความต้องการทางตลาดสูงมาก   มีตลาดรองรับจากทั่วโลก  และเนื่องจากตลาดมีความต้องการสูงจึงทำให้แมคคาเดเมียมีราคาที่สูงตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย  จนได้รับการขนานนามว่า  แมคคาเดเมียเป็นถั่วที่แพงที่สุดในโลก  นั่นเอง 

ต้นแมคคาเดเมีย

ส่วนประกอบของต้นแมคคาเดเมีย

ลักษณะของลำต้น

ต้นแมคคาเดเมีย ต้นไม้ที่มีลักษณะสูงและตั้งตรง  เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วสามารถมีความสูงได้ถึง 20 เมตร  และแผ่กิ่งก้านสาขาออกได้กว้างถึง 20 เมตร   เป็นไม้ยืนต้นที่มีรูปทรงคล้ายพีรามิดสวยงามโดยจะมีความเขียวชอุ่มอยู่ตลอดทั้งปี 

ใบ

จะมีลักษณะเป็นรูปทรงรี  ในส่วนบริเวณขอบของใบจะมีหนามเล็กๆขึ้นอยู่บางๆประปรายรอบใบ  ใบจะมีสีเขียว-เขียวเข้ม   ผิวของใบมีลักษณะเรียบและมันเงา

ดอก

มีสีขาวเรียงตัวกันเป็นช่อยาวสวยงาม  มีกลิ่นหอม  ซึ่งภายในดอกจะมีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่บนก้านดอกเดียวกัน

ผล

มีสีเขียวเข้ม  เปลือกด้านนอกมีลักษณะแข็งและหนา  เปลือกของผลแมคคาเดเมียจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ แบบผิวขรุขระ ( Rough-shelled Macadamia )  และแบบผิวเรียบ ( Smooth-shelled  Macadamia )  ภายในผลจะมีเมล็ดสีขาว  เนื้อแน่น  รับประทานได้  มีรสชาติมันอร่อยคล้ายถั่ว ( มีราคาสูงจนถูกขนานนามว่าเป็น ถั่วที่แพงที่สุดในโลก )  ซึ่งเมล็ดด้านในที่ว่านี้จะถูกหุ้มไว้ด้วยเปลือกแข็งๆที่เรียกว่า ‘ กะลา ’ อีกชั้นหนึ่ง

สายพันธุ์ที่สร้างรายได้และได้รับความนิยมมากที่สุด

เดิมทีแมคคาเดเมียมีถิ่นกำเนิดมากจากประเทศออสเตรเลีย  โดยในแต่ละท้องถิ่นก็จะเรียกชื่อแตกต่างกันออกไป  ซึ่งแมคคาเดเมียได้แตกแยกย่อยออกไปมีมากกว่า 10 ชนิด  แต่มีเพียง 2 ชนิดที่สามารถรับประทานได้  คือ แบบผิวขรุขระ ( Rough-shelled Macadamia : M.tetraphylla L.Johnson )  และแบบผิวเรียบ ( Smooth-shelled  Macadamia : Macadamia integrifolia Maiden & Betche )  ทั้งนี้ชนิดที่ได้รับความนิยมนำมาปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อการค้าและการบริโภค คือ แบบผิวเรียบ ( Smooth-shelled Macadamia : Macadamia integrifolia Maiden & Betche )  ในส่วนของประเทศไทยสายพันธุ์ของแมคคาเดเมียที่ได้รับความนิยมและสร้างรายได้ดีที่สุด   สามารถแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์   โดยสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร  ได้มีการแนะนำพันธุ์ของแมคคาเดเมีย  ดังนี้

พันธุ์เชียงใหม่ 400 ( HAES660 )

จะมีลักษณะต้นตั้งตรง  ทรงคล้ายพีระมิด  ขนาดลำต้นโดยประมาณ 15-20 เมตร  ผลมีขนาดปานกลาง  กะลาบาง  มีเมล็ดทรงกลมสีขาว  มีน้ำหนักเมล็ดแห้งรวมกะลาประมาณ 5-8 กรัม  ให้ผลผลิตต่อต้นประมาณ 11-17 กก.เหมาะกับพื้นที่ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 700 เมตรขึ้นไป เช่น จ.เชียงราย  จ.เชียงใหม่  เป็นต้น

พันธุ์เชียงใหม่ 700 ( HAES741 ) 

ลักษณะต้นตั้งตรง  ทรงคล้ายพีระมิด  พุ่มแน่น  ขนาดลำต้นโดยประมาณ 15-20 เมตร  ผลมีขนาดปานกลาง  กะลาบาง  มีเมล็ดทรงกลมสีน้ำตาลอ่อน  มีน้ำหนักเมล็ดแห้งรวมกะลาประมาณ 6-8 กรัม  ให้ผลผลิตต่อต้นประมาณ 13-21 กก.เหมาะกับพื้นที่ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 700 เมตรขึ้นไป

พันธุ์เชียงใหม่ 1000 ( HAES508 )

ลักษณะต้นตั้งกึ่งตรง ทรงคล้ายพีระมิด  พุ่มแน่น  สามารถแตกกิ่งก้านสาขาได้กว้างกว่าทุกพันธุ์   มีขนาดลำต้นโดยประมาณ 15-20 เมตร  ผลมีขนาดปานกลาง  กะลาบาง  มีเมล็ดทรงกลมสีน้ำตาลอ่อน  มีรอยแตกสีดำที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน  มีน้ำหนักเมล็ดแห้งรวมกะลาประมาณ 5-8 กรัม  ให้ผลผลิตต่อต้นประมาณ 21-33 กก.  เหมาะกับพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวในระดับความสูง 1000 เมตรขึ้นไป 

วิธีการปลูกต้นแมคคาเดเมียให้เจริญเติบโตได้ดี

การปลูกแมคคาเดเมียนั้นควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นและระยะห่างของแถวประมาณ 8×10 เมตร  ในช่วง 1-4 ปีแรกสามารถปลูกพืชขนาดเล็กอื่นๆแซมได้ เช่น กล้วย  สตรอเบอรี่  เป็นต้น  การขุดเตรียมหลุมที่จะใช้ในการปลูก ควรเตรียมไว้ขนาด 75x75x75 เซนติเมตร ถึง 1x1x1 เมตร  จากนั้นนำปุ๋ยหมักหรือแกลบมารองก้นหลุม 5 กิโลกรัม/หลุม  และหินฟอสเฟต 2 กิโลกรัม/หลุม 

วิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

แสง

ต้นแมคคาเดเมียเป็นต้นไม้ที่ชอบที่ที่มีแสงแดดส่องถึงได้ตลอดทั้งวัน  อากาศถ่ายเทได้สะดวก

น้ำ

การให้น้ำควรให้อย่างสม่ำเสมอ  โดยในช่วง 1-2 ปีแรก  ควรให้น้ำเว้นระยะ 2-3 วัน/ครั้ง  จากนั้นในช่วงปีที่2  เป็นต้นไปให้น้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง  และในช่วงที่ติดดอก-ออกผลจะต้องมีการให้น้ำอย่างต่อเนื่องจึงควรปลูกในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำเพียงพอตลอดปี

ดิน

ควรเลือกปลูกในดินที่สามารถระบายน้ำได้ดีหรือดินโปร่งที่มีค่าความเป็นกรดเล็กน้อยที่ 5.5-5.6

ปุ๋ย

ควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในปริมาณ500กรัม/ต้น  ใน1ปีจะมีการให้ปุ๋ย 2 ครั้ง  และเมื่ออายุ 4-5 ปี  ก่อนจะเริ่มมีการติดดอก-ออกผล  ( ช่วงเดือน ต.ค. – พ.ย. และ ก.ค.-ส.ค.) จะใส่ปุ๋ยสูตร 12-12-24 ในปริมาณ500กรัม/ต้น  ทั้งนี้ควรใส่ปุ๋ยคอกควบคู่ไปกับการใช้ปุ๋ยเคมีด้วยในอัตราไม่เกิน 30 กก./ต้น   โดยระยะเวลาการใส่ปุ๋ยคอกจะใส่ในช่วงเวลาเดียวกันกับการใส่ปุ๋ยเคมี

แมคคาเดเมียมีประโยชน์อย่างไร

ประโยชน์และสรรพคุณต่างๆของต้นแมคคาเดเมีย

เมล็ดอบแห้ง

นิยมนำเมล็ดอบแห้งมารับประทานและใช้ประกอบเมนูต่างๆ  ให้รสชาติมันอร่อยคล้ายถั่ว  เนื่องจากแมคคาเดเมียถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีราคาสูง  ชาวเกษตรกรทั่วโลกจึงนิยมนำมาเพาะปลูกไว้จำหน่ายเพื่อสร้างรายได้  โดยสามารถจำหน่ายได้ทั้งในรูปแบบที่เป็นเมล็ดอบแห้ง  ต้นพันธุ์  รวมถึงการนำเมล็ดแมคคาเดเมียแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากมาย  

เปลือก

เปลือกของต้นแมคคาเดเมียสามารถนำปำปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงดินได้

กะลา

ได้มีการนำกะลาแมคคาเดเมียไปเป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมพลาสติกด้วย

การทานเมล็ดแมคคาเดเมีย

พบว่าสามารถช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ  ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง  ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ  ช่วยบำรุงผิวพรรณ  บำรุงสมอง-หัวใจ   ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้  เป็นต้น

แมคคาเดเมีย ราคา

ราคาต่อต้นโดยประมาณ

ต้นพันธุ์แมคคาเดเมียโดยทั่วไปจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 50 บาทขึ้นไปจนถึงหลักพันบาท   ทั้งนี้ระดับของราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของต้น

แหล่งอ้างอิง

: http://www.qsbg.org/database/botanic_book%

อยากให้มีเนื้อหาเรื่องอะไรเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นอย่างไร เชิญคอมเม้นท์ไว้ได้เลยครับ