ว่านนางคุ้ม หรือ ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน หรือ ว่านนกคุ้ม เป็นพืชในกลุ่มว่านมีหัวใต้ดินลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่ ใบกลมใหญ่หนาสีเขียว ปลายใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ก้านใบยาวสีเขียวแก่ ดอกออกเป็นช่อจากกลางกอ ก้านดอกเป็นแท่งสูงตรง ดอกช่อ สีม่วงปนขาว จัดเป็นไม้ดอกไม้ประดับ รวมถึงเป็นไม้มงคลที่นิยมปลูกไว้ภายในบ้าน ทั้งการปลูกในกระถาง และปลูกในแปลงจัดสวน เนื่องจาก มีความเชื่อว่า จะนำสิริมงคลความร่มเย็นมาสู่บ้านเรือนนั้น อีกทั้งยังสามารถปกป้องภัยอันตรายต่างๆ โดยเฉพาะอัคคีภัย ไม่ให้ย่ำกรายเข้ามาในบ้านได้ รวมถึงมีความนิยมชมชอบเพื่อการปลูกประดับใบ และดอกที่มีลักษณะเด่นแปลกตา และสวยงาม
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้มงคล ว่านนางคุ้ม
พืชชนิดว่านถือเป็นตระกูลไม้มงคลเก่าแก่ของไทยที่สามารถสืบค้นกลับไปได้หลายชั่วอายุคน และมีบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ ความเป็นไม้มงคลพบเห็นได้ตามเรื่องราวในวรรณคดี เป็นว่านที่คนโบราณนับถือกันมาก เรียกว่ามีปลูกกันแทบทุกบ้าน เพราะเชื่อว่ามีอิทธิฤทธิ์ในการเฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี ดังชื่อที่ชอบเรียกกันอีกชื่อหนึ่งคือ ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน ชื่อนี้มีที่มาที่ไปคือ บ้านที่เมื่อสมาชิกในบ้านออกไปทำไร่ ทำนากันหมด ไม่มีใครอยู่บ้าน แต่เพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมา มักจะเห็นมีตาแก่ใจดีนั่งอยู่หน้าบ้านเสมอๆ ถามไปถามมาก็ไม่สามารถทราบได้ว่าคนแก่ๆ นั้นเป็นใคร แต่มีความเชื่อว่านี่คืออิทธิฤทธิ์ของว่านนางคุ้ม ซึ่งชาวบ้านเรียกติดปากกันว่า ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน
ควรปลูกว่านนางคุ้มบริเวณใดของบ้าน
ดั่งที่ปรากฎอยู่ในชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของว่านชนิดนี้ ที่ถูกเรียกว่าว่านผู้เฒ้าเฝ้าบ้าน ดังนั้น จึงนิยมปลูกตรงบริเวณหน้าบ้าน ไม่ว่าบ้านจะหันหน้าไปสู่ทิศใด ก็ให้ปลูกไปทางทิศนั้นๆ และเนื่องจากว่านเป็นพืชที่ไม่ชอบแสงแดดจัดมากนักหากปลูกไปทางทิศตะวันตกควรปลูกอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณที่สามารถมีร่มเงากำบังได้ ก็จะทำให้ว่านเติบโตได้ดีงดงามยิ่งขึ้น
ส่วนประกอบของต้นว่านนางคุ้ม
ลักษณะของลำต้นว่านนางคุ้ม
จะเป็นส่วนหัวหรือเหง้าที่อยู่ใต้ดิน มีลำต้นทรงกลมที่เป็นกลีบหัวเรียงซ้อนกันแน่น โดยมีโคนก้านใบห่อซ้อนกันแน่นทำให้คล้ายลำต้น แต่แท้จริงแล้ว คือ ลำต้นเทียมเพราะลำต้นจริงๆ คือส่วนที่อยู่ใต้ดิน แต่เรามักเรียกหรือเข้าใจว่าเป็นลำต้นแท้จริง
ใบต้นว่านนางคุ้ม
จะแทงออกจากส่วนปลายของหัวที่เจริญมาจากกาบหัว โดยมักพบจำนวน 7-8 ใบ/ต้น ใบจะประกอบด้วยกาบใบหรือก้านใบสีเขียวอ่อน ยาว 25-50 ซม. ใบมีลักษณะมนคล้ายรูปหัวใจหรือคล้ายใบฟักทอง กว้างประมาณ 20-25 ซม. แผ่นใบมีลักษณะเรียบ และหนา มีเส้นใบมองเห็นชัดเป็นเส้นเรียงซ้อนกันในแนวตั้งจากโคนใบถึงปลายใบ
ดอกต้นว่านนางคุ้ม
ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคัญของว่านนางคุ้มจะออกเป็นช่อจากตรงกลางของหัว ประกอบด้วยก้านดอกยาว 30-60 ซม. ก้านช่อดอกมีลักษณะกลม มีผิวเรียบมีไขเคลือบ ปลายก้านดอกเป็นช่อดอกที่มีดอกรวมกันเป็นกระจุกที่ส่วนปลาย แต่ละช่อมีดอกประมาณ 10-40 ดอก มีสีม่วงอมขาว ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
สายพันธุ์ของว่านนางคุ้ม
ว่านนางคุ้มที่นิยมปลูกในเมืองไทย เป็นสายพันธุ์ที่มาจากแถวมาเลเซีย อินโดนีเซีย ตลอดจนถึงทางเหนือของออสเตรเลีย ส่วนมากจะเป็นพันธุ์ที่มีใบสีเขียวล้วน แต่ก็อาจจะพบสายพันธุ์ที่มีลวดลายบนใบเป็นตารางสลับลายคล้ายตารางหมากรุกได้เช่นกัน
วิธีการปลูกว่านนางคุ้ม
การปลูกว่านนางคุ้ม สามารถปลูกได้ง่ายๆ โดยใช้เมล็ด หรือการตัดแบ่งหัวออกเป็นส่วนเล็กๆ ขนาดประมาณ หนึ่งนิ้ว มาปักชำ ซึ่งทำได้ง่าย และสามารถขยายพันธุ์ได้ครั้งจำนวนมาก โดยเตรียมดินที่มีการผสมวัสดุอินทรีย์ต่างๆ เช่น แกลบ/แกลบดำ ขุ๋ยมะพร้าว และปุ๋ยคอก โดยใช้ผสมกับดินในอัตราส่วน ดิน:วัสดุ ที่ 1:3-1:5 ซึ่งโดยส่วนมากว่านนางคุ้มจะนิยมปลูกในกระถางเป็นส่วนใหญ่เพราะดูแลง่ายและสะดวกในการเคลื่อนย้ายไปว่างบริเวณส่วนอื่นๆ ของตัวบ้าน
วิธีการดูแลว่านนางคุ้ม
แสง
ต้นนางคุ้มเป็นพืชที่ควรปลูกในบริเวณที่มีแสงรำไร หากปลูกอยู่กลางแดดไม่มีอะไรบัง ใบจะไหม้แดด และแห้งเหี่ยวไม่สวยงาม แสงที่เหมาะสมควรเป็นแสงช่วงเช้าๆ ถึงไม่เกิน 10 โมง
น้ำ
ว่านนางคุ้มเป็นไม้อวบน้ำที่ต้องการน้ำอยู่อย่างสม่ำเสมอโดยควรรดน้ำวันละครั้ง
ดิน
ควรเลือกใช้ดินที่มีการผสมวัสดุอินทรีย์ต่างๆ เช่น แกลบ/แกลบดำ ขุ๋ยมะพร้าว และปุ๋ยคอก โดยใช้ผสมกับดินในอัตราส่วน ดิน:วัสดุ ที่ 1:3-1:5
ปุ๋ย
สามารถให้ปุ๋ยคอกได้ทุกๆ 4-6 เดือน
ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่นๆ ว่านนางคุ้ม
ว่านนางคุ้มเป็นว่านที่มีคุณด้านความเป็นสิริมงคลโดยเฉพาะการคุ้มครองป้องกันอันตรายต่างๆ ให้กับตัวบ้านเช่น ป้องกันอัคคีภัย หรือช่วยคุ้มครองผู้เป็นเจ้าของรอดพ้นจากการถูกไฟไหม้ได้ รวมถึงหากใครนำมาพกหัวติดตัวพร้อมเสกคาถา จะทำให้อยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า
ราคาว่านนางคุ้มต่อต้นโดยประมาณ
สำหรับต้นว่านนางคุ้มขนาดกระถาง 6-8 นิ้วราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ต้นละ 150-200 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดความสูงของต้นเป็นสำคัญ สำหรับหัวว่านที่เอาไว้ใช้ปลูกจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่หัวละ 20-30 บาทเท่านั้น ใช้เวลา ราว 6-12 เดือน ก็จะสามารถโตได้เท่ากับต้นที่วางขายโดยทั่วไป