รงทอง (รง) สมุนไพรที่เป็นความหวังของการรักษาโรคมะเร็ง

รงทอง ภาษาอังกฤษ Gamboge tree, Hanbury’s garcinia

รงทอง ชื่อวิทยาศาสตร์ Garcinia hanburyi Hook.f.

รงทอง พืชสมุนไพรที่ทรงคุณค่ามากในตำรับยาโบราณ แต่ด้วยวิธีใช้งานที่ค่อนข้างซับซ้อนและเป็นอันตราย จึงไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก เมื่อวันเวลาผ่านไปเลยทำให้พันธุ์ไม้ชนิดนี้มีผู้คนรู้จักและเข้าใจการใช้ประโยชน์จากมันน้อยมาก เดิมทีต้นรงจะพบมากในป่าดงดิบตามพื้นที่เขตร้อนชื้น เป็นไม้ไม่ผลัดใบที่พอโตเต็มที่แล้วก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอด เพราะจะนิยมกรีดเอายางมาใช้เท่านั้น ปัจจุบันอาจหาต้นรงทองตามธรรมชาติได้ยากมากแล้ว แต่ก็ยังพอมีแหล่งเพาะพันธุ์อยู่บ้าง

รงทอง ภาษาอังกฤษ
medthai.com

ความเชื่อเกี่ยวกับต้นรง

ส่วนที่สำคัญที่สุดของต้นรงทองก็คือน้ำยางสีเหลืองสด ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ “รงทอง” น้ำยางนี้ต้องผ่านกระบวนการที่พิถีพิถันถึงจะได้โทนสีที่สวยงามเมื่อนำไปใช้งาน โดยเนื้อสีจะต้องเหลืองนวลและสดใสคล้ายสีของพระจันทร์ เชื่อมโยงไปถึงความเชื่อที่ว่าสีรงทองนั้นเป็นสีแห่งความสูงส่ง สีแห่งความอุดมสมบูรณ์ หมดสิ้นเรื่องเศร้าหมอง เป็นสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เกิดสิริมงคล สีรงทองเป็นหนึ่งในแม่สีของไทยและยังถูกเลือกใช้ในวันสำคัญต่างๆ ด้วย ดังนั้น จึงมีความเชื่อว่าการปลูกต้นรงทองเอาไว้ก็จะนำมาซึ่งความเป็นมงคลแก่ทุกคนในบ้านด้วยเช่นกัน โดยไม่ได้มีการกำหนดแน่ชัดว่าควรปลูกที่ทิศใดของตัวบ้าน เพียงแค่ให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้นรงสามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ดีก็พอแล้ว

การสะตุรงทอง

รงทองนั้นมีประโยชน์สูงมาก พบว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญในตำรับยาโบราณอยู่เสมอ เช่น ยาเบญจอำมฤต ยาตรีฉันทลามก เป็นต้น แต่เนื่องจากรงทองมีคุณสมบัติที่เป็นพิษร้ายแรงอยู่ด้วย จึงต้องมีการสะตุเพื่อฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องก่อนนำมาใช้งาน วิธีการคือ ให้นำรงทองมาบดละเอียด เทใส่ใบบัวหรือใบข่าที่ซ้อนกันอยู่ 7 ชั้น บีบน้ำมะนาวลงไปให้เนื้อเหนียวข้นพอปั้นได้ ห่อรงทองให้มิดชิดก่อนนำไปย่างไฟอ่อน พลิกกลับด้านทุก 5 นาทีจนกว่ารงทองจะเหลืองกรอบถึงนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ซึ่งวิธีการแบบแพทย์แผนไทยนี้ได้มีงานวิจัยแล้วว่าส่งผลให้สารพิษลดจำนวนลงจริง

รงทอง สะตุ

ลักษณะของต้นรงทอง

  • ลักษณะของลำต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่สูงไม่เกิน 15 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกไม้มีสีน้ำตาลเข้มและที่ผิวมีรอยแตกเป็นร่องลึก มีน้ำยางสีเหลืองในทุกส่วนของลำต้น หากส่วนไหนมีอายุมากเปลือกก็จะแตกจนลอกร่อนเป็นแผ่นตามยาว
  • ใบ มีลักษณะเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ โคนใบโค้งมนแต่ปลายใบเรียวแหลมเหมือนหอก ขอบใบเป็นลอนคลื่นเล็กน้อย ผิวใบเป็นมันเงาสีเขียวเข้ม
  • ดอก เป็นดอกช่อสีเหลืองที่มีขนาดช่อค่อนข้างสั้น ดอกย่อยจะมีกลีบทรงกลมจำนวน 4 กลีบ กึ่งกลางเป็นเกสรสีส้ม ออกดอกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง
  • ผล มีรูปทรงค่อนข้างกลมรี ปลายผลมีจงอยแหลมสั้นๆ ผิวนอกเรียบเกลี้ยงสีเขียวอ่อน เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล
ลักษณะต้นรงทอง
www.samunpri.com

วิธีการปลูก

รงทองสามารถขยายพันธุ์ได้หลากหลายวิธีเช่นเดียวกับไม้ยืนต้นทั่วไป แต่เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่หายากมากขึ้นเรื่อยๆ การเลือกซื้อต้นกล้าหรือเมล็ดพันธุ์จากแหล่งเพาะพันธุ์จึงเป็นตัวเลือกที่สะดวกที่สุดในตอนนี้ หากใช้การเพาะเมล็ดก็ให้คัดเอาเมล็ดที่มีสภาพสมบูรณ์ หว่านลงในดินร่วนแล้วรดน้ำจนชุ่ม รอจนกว่าต้นกล้าจะงอกออกมาค่อยทำการแยกเพื่อลงถุงเพาะชำ ดินในถุงเพาะควรผสมปุ๋ยคอก 1 ส่วนต่อดิน 4 ส่วน ใส่เพียงครั้งเดียวที่แยกต้นอ่อน แล้วรดน้ำพรวนดินจนกว่าต้นกล้าจะโตมากกว่า 30 เซนติเมตร จากนั้นให้ย้ายไปลงดินในพื้นที่แดดรำไรต่อไป หลุมปลูกไม่จำเป็นต้องรองปุ๋ยที่ก้นหลุม แต่หลังปลูกแล้วจะต้องใช้ฟางคลุมโคนต้นเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในช่วงแรก

วิธีการดูแลรักษา

  • แสง ต้องการแสงปานกลาง เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในพื้นที่แดดรำไรหรือได้รับแดดครึ่งวัน
  • น้ำ ต้องการความชื้นสูง ควรรดน้ำเป็นประจำทุกวัน 1-2 ครั้งแล้วแต่สภาพอากาศ
  • ดิน เติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่ระบายน้ำดี
  • ปุ๋ย ให้ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยเคมีสูตรบำรุงแร่ธาตุในดินอย่างสม่ำเสมอ ปีละ 1-3 ครั้งแล้วแต่ความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่
การปลูกรงทอง
facebook, ไม้ไทยดอกหอม ไม้โบราณ ไม้หายากน่าสะสม

คุณประโยชน์ที่ได้จากต้นรง

  • ลำต้น ส่วนของเปลือกและเนื้อไม้สามารถนำมาต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ มีสรรพคุณในการถ่ายพยาธิตัวแบน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือด และมะเร็งตับ
  • ยางรงทอง ยางที่ได้จากลำต้นมีคุณสมบัติเป็นยาถ่ายชนิดรุนแรง และถูกใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในตำรับยาหลายขนาน ไม่ว่าจะเป็นยาถ่ายน้ำเหลือง ยาขับเสมหะ ถ่ายท้องมาน หรือแม้แต่ยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด โดยต้องใช้ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นเพื่อลดพิษของยางให้เบาบางลง คงไว้แต่ประโยชน์ที่ต้องการ นอกจากนี้ยังใช้ยางรงทองทาบรรเทาอาการแผลเปื่อย ใช้ย้อมผ้า ย้อมสีเครื่องเรือน และใช้สำหรับงานวาดเขียนได้ด้วย

เหตุผลที่รงทองยังคงมีบทบาทในการรักษาโรคค่อนข้างน้อย

ด้วยสรรพคุณที่โดดเด่นในแง่ของการยับยั้งเซลล์มะเร็ง และการฆ่าเชื้อต่างๆ ทำให้รงทองได้รับความสนใจมายาวนานหลายสิบปีแล้ว มีหลายงานทดลองที่พยายามหาทางใช้ประโยชน์จากรงทองให้เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็พบว่าพิษของรงทองนั้นค่อนข้างอันตราย หากใช้มากเกินไปก็อาจออกฤทธิ์เร่งการระบายจนระบบการทำงานของลำไส้เสียหาย ร่างกายขาดน้ำและแร่ธาตุอย่างรวดเร็ว คนที่อ่อนไหวต่อพิษมากก็ถึงกับเสียชีวิตฉับพลันได้ และรงทองยังทำปฏิกิริยากับยาตัวอื่นด้วย ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ในแบบที่ไม่ต้องการได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นการใช้รงทองยังไม่สามารถทำเป็นแบบแผนสากลได้ ยังจำเป็นต้องผ่านการวิเคราะห์ร่างกายเป็นรายบุคคลไปเท่านั้น

แหล่งที่มา

https://pttherbgarden.pttplc.com

http://www.tnrr.in.th

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้