ต้นอินจัน ไม้มงคล มีประโยชน์หรือสรรพคุณที่น่าสนใจ

ชื่อภาษาอังกฤษ

Gold Apple

ชื่อวิทยาศาสตร์

Diospyros decandra Lour.

ความหมาย

ต้นอินจัน เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ชนิดไม่ผลัดใบ

ความเชื่อ

เชื่อว่าการปลูกต้นอินจันจะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลต่อสถานที่โดยเฉพาะในเขตรั้วสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่นวัด

ต้นอินจัน เป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตช้า มีอายุยืนยาวนาน  เป็นไม้เศรษฐกิจอันทรงคุณค่า สามารถนำไปใช้เป็นอาหาร คาว หวาน รวมทั้งเครื่องดื่ม รวมถึงเครื่องยาสมุนไพรได้หลากหลายชนิด แถมมีความเชื่อว่าเป็นต้นไม้แห่งโชคลาภและความเป็นสิริมงคล ด้วยเหตุที่ชื่อมี คำว่า เงิน ทอง อยู่ ดี อิน จัน มั่น คง ซึ่งตามตำราไม้มงคลกล่าวไว้ แต่ด้วยความที่เป็นไม้เติบโตช้า  ใช้เวลาเป็นหลายสิบปีจึงจะออกผลให้เก็บเกี่ยว ทำให้ความนิยมในการปลูกได้ลดลงเรื่อยมาจนปัจจุบันต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของต้นอินจันเรียกว่าหาได้ยากมาก จึงจัดเป็นพืชควรค่าแก่การอนุรักษ์พันธุกรรมของหลายหน่วยงาน

ต้นลูกจันทร์ปลูกในบ้านได้หรือไม่

ความเชื่อเกี่ยวกับต้นอินจัน

ต้นอินจัน หรือต้นจัน เป็นต้นไม้มงคลที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน แต่ปัจจุบันใกล้จะสูญพันธุ์ จึงหาดูได้ยากมาก คนในสมัยโบราณนิยมปลูกต้นอินจันไว้ที่วัด โดยมีความเชื่อว่า ต้นอินนั้นเป็นไม้ผลที่ค่อนข้างแปลกและน่าอัศจรรย์ เนื่องจากในต้นเดียวสามารถออกผลได้ 2 แบบ คือ ผลกลมป้อมขนาดใหญ่กว่าเรียกว่า “ลูกอิน” เนื้อภายจะมีเมล็ดประมาณ 2-3 เมล็ด แต่ผลลูกแบน มีขนาดเล็กกว่า เรียกว่า “ลูกจัน” ไม่มีเมล็ด เมื่อสุกแล้วจะเป็นสีเหลือง เนื้อนุ่ม ผลจะให้กลิ่นหอมมาก  และมีรสฝาด สามารถรับประทานได้ ผู้คนจึงเชื่อว่าการปลูกต้นอินจันจะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลต่อสถานที่โดยเฉพาะในเขตรั้วสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่นวัดนั่นเอง

ส่วนประกอบของต้นอินจัน

ต้น

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ชนิดไม่ผลัดใบ ความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 10-20 เมตร ไม้ต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ สูงประมาณ 10 – 20  เมตร ทรงต้นเป็นทรงกระสวย เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลอมเทา กิ่งอ่อนยอดอ่อน มีขนสีน้ำตาลปกคลุม กิ่งก้านเหนียว ลำต้นตรง      

ใบ

ใบเดี่ยว (simple leaf) เรียงสลับระนาบเดียว  (distichous) รูปรี (elliptic) หรือรูปขอบขนาน (oblong) ปลายใบแหลม (acute) ขอบใบเรียบ (entire) แผ่นใบเรียบเป็นมันลื่น สีเขียวเข้ม กว้าง 2.5 – 3 ซม. ยาว 7 –   10 ซม. ใบอ่อนมีขนสีแดงปกคลุม

ดอก

ดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน สีขาวนวล หรือสีเหลืองอ่อน  ดอกเพศผู้ จะมีลักษณะเป็นช่อขนาดเล็กๆ แบบช่อกระจุกสั้นตามซอกใบ แต่ละช่อมีประมาณ 3 ดอก กลีบเลี้ยง 4 – 5 กลีบ เรียงเป็นรูปถ้วย (hypanthium) แต่ไม่เชื่อมกัน มีกลีบดอก 4 – 5 กลีบรูปเหยือกน้ำ (urceolate) เชื่อมติดกันสั้นๆ ยาว 1 – 1.5 ซม. ส่วนดอกเพศเมีย    เป็นดอกเดี่ยว ออกตามง่ามใบ ลักษณะคล้ายดอกเพศผู้ แต่มีขนาดใหญ่กว่า รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ (superior ovary) มีขน ก้านเกสรตัวเมียมี 2 อัน

ผล

ผลเดี่ยว (simple fruit) แบบเบอร์รี่ (berry) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 – 5 ซม. มีทั้งผลกลมหรือผลแป้น  ผิวผลเรียบ มีกลีบเลี้ยงติดที่ผล ผลอ่อนมีสีเขียวเมื่อสุกมีสีเหลือง เนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอม ถ้าเป็นชนิดผลแป้นเมล็ดจะลีบ มีรอยบุ๋มตรงกลางผล ไม่มีเมล็ด เรียก “จันอิน” หรือ “ลูกจัน” ถ้าผลกลมจะมีเมล็ด เรียก “จันโอ” หรือ “ลูกอิน” เมล็ดมีเอนโดสเปอร์มเรียบ (albuminous seed) ลักษณะกลมรี สีน้ำตาลเป็นเมล็ดแบบสมบูรณ์เพศ สามารถนำไปขยายพันธุ์ได้

ต้นอินจัน ความเชื่อ

สายพันธุ์  ต้นอินจัน ที่พบในเมืองไทย

ต้นอินจันในประเทศไทย สามารถแบ่งแยกออกได้เป็นสองสายพันธุ์หลักๆ นั่นก็คือ สายพันธุ์ดั้งเดิมแท้ๆ แต่โบราณ ที่มีขนาดลำต้นค่อนข้างใหญ่สูงกว่า 10-20 เมตรขึ้นไป และต้องใช้เวลาปลูกเลี้ยงนานกว่า 8-10 ปี จึงจะมีดอกและติดผล พบเห็นไม่ได้บ่อยเท่าใดนักในปัจจุบัน โดยมากจะปลูกอยู่ตามวัดและโบราณสถานต่างๆ 

ส่วนอีกสายพันธุ์ จะเป็นพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า “อิน-จัน พันธุ์ศรีสุภา”  ที่เกิดจากการตอนกิ่งด้วยระบบทาบกิ่งกับต้นอิน-จัน พันธุ์โบราณ ขนาดต้นจะสูงเพียงแค่ 3-5 เมตร สามารถมีดอกติดผลได้แล้วและมีดอกติดผลได้รวดเร็วกว่าเดิมคือ หลังปลูกแค่ 2-3 ปีเท่านั้น ที่สำคัญเป็นพันธุ์ใหม่ที่ปลูกลงกระถาง มีดอกและติดผลได้ด้วยจึงได้รับความนิยมปลูกอย่างแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน

วิธีการปลูก และสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูก ต้นอินจัน

การขยายพันธุ์ต้นอินจัน นิยมทำโดยการเพาะเมล็ด  จึงมีการแพร่กระจายพันธุ์ตามธรรมชาติได้น้อยมาก เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์ ชอบแสงแดดแบบเต็มวัน ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณค่อนข้างมาก

วิธีการดูแลต้นอินจัน

ต้นอินจัน สายพันธุ์ดั้งเดิม เป็นไม้ที่โตช้า ต้องอาศัยระยะเวลาเป็นสิบปีขึ้นไปจึงจะมีผลให้ใช้ประโยชน์ ความนิยมจึงเริ่มเสื่อมถอย โดยปกติแล้วต้นอินจันสามารถเจริญเติบโตได้ดีตามธรรมชาติ  โดยหลังจากลงกล้าไม้ไปราวๆ 2 เดือนแล้ว ทุกๆ เดือนควรหมั่นตัดแต่งกิ่งและใส่อินทรียวัตถุ จากนั้นสามารถปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติได้เอง  

แสงแดด

ต้นอินจัน ต้องการแสงแดดจัด ตลอดวัน เพื่อการเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์

น้ำ

ควรปลูกใกล้แหล่งน้ำเพราะเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก

ดิน

สามารถเจริญเติบโตได้ในดินร่วนโดยทั่วไป สภาพดินต้องมีความชุ่มชื้น ไม่ควรเป็นดินทรายจัด ดินลูกรัง หินดาน หรือที่แห้งแล้งจนเกินไป 

ปุ๋ย

ควร ใส่ปุ๋ย อย่างน้อย ปีละ 2 ครั้ง คือ ช่วงก่อน หน้าฝน และครั้ง ที่ 2 คือ หลังหน้า ฝนแล้ว ควรใส่ ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยอินทรีย์

ราคาต้นอินจัน

ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่นๆ จากต้นอินจัน

ต้นอินจัน ถือเป็นหนึ่งในไม้ทรงคุณประโยชน์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ พบในป่าบางแห่งและตามวัดเก่า ๆ เนื้อไม้แข็งจึงมักถูกตัดฟันเพื่อนำมาทำถ่านและฟืน ปัจจุบันเป็นไม้หวงห้าม เนื่องจากหายากและด้วยเหตุที่เนื้อไม้มีลวดลายสวยงามทำให้เป็นที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์

“ผล”เมื่อสุกแล้วมีรสหวานและฝาดเล็กน้อย นิยมรับประทานเป็นผลไม้สด หรือนำไปแปรรูปเป็นของหวาน ลักษณะแตกต่างกันอยู่ 2 รูปแบบคือ รูปกลมมนในผลมีเมล็ดเรียกว่า “ลูกอิน” กับชนิดผล รูปกลมแป้น ในผลไม่มีเมล็ด เรียกว่า “ลูกจัน” ผลสุกทั้ง 2 ชนิดเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมแรงเฉพาะตัว รสชาติหวานเล็กน้อยรับประทานอร่อยมาก ลูกจันสุก บ่มให้สุกดีๆ งอมๆ เอามาทำน้ำกะทิลูกจัน กินกับข้าวเหนียวมูน หอม  อร่อยจนใครๆ ต้องติดใต คนเป็นโรคนอนไม่ค่อยจะหลับมีอาการกระสับกระส่ายกินผลสุก “ลูกจัน” ช่วยได้ ผลสุกทั้ง 2 ชนิดยังนิยมจัดใส่พานบูชาพระส่งกลิ่นหอมดีมาก

ผลดิบอ่อนใช้ต้มจิ้มน้้าพริก เป็นผักได้ หรือท้าส้มตำแบบอีสาน โดยสับทั้งเปลือก ใช้แทนมะละกอ ปรุงรสเปรี้ยวด้วยมะยมและมะเฟือง ผลสุกมีกลิ่นหอม รสหวานรับประทานได้หรือน้าไปแปรรูป เป็นของหวาน ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ช่วยต้าน อนุมูลอิสระและช่วยยับยั้งการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงได้

 นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางสมุนไพร เนื้อไม้รสขมปนหวานต้มน้ำดื่มบำรุงประสาท ทำให้ผิวหนังดูสดใสขึ้น แก้ไข้ แก้อาการปอดและตับพิการได้ แก้ร้อนในกระหายน้ำและขับพยาธิดีมาก  จากงานศึกษาวิจัยผลไม้ในไทยพบว่า น้ำผลไม้ไทยจากลูกอินจัน มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และยังมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

ต้นอินจัน ขยายพันธุ์

ราคาต้นอินจันต่อต้นโดยประมาณ

กล้าพันธุ์ไม้ต้นอินจัน ขนาด 1 ฟุต จากการทาบกิ่ง ราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 300-500 บาท 

แหล่งอ้างอิง

: http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=33

อยากให้มีเนื้อหาเรื่องอะไรเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นอย่างไร เชิญคอมเม้นท์ไว้ได้เลยครับ