สับปะรด ชื่อภาษาอังกฤษ pineapple
เป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นเดี่ยว ๆ กลม ๆ อยู่ใต้ดิน พุ่มเป็นทรงใหญ่ เปลือกแข็งและเหนียว เป็นผลไม้เขตร้อนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอันดับสามของโลก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ananas comosus ( L ) Merr. อยู่ในวงศ์ Bromeliaceae และมีถิ่นกำเนิดมาจากแถวทวีปอเมริกาใต้ ส่วนในไทยสับปะรดก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามภูมิภาค คนภาคกลาง เรียกว่าสับปะรด คนภาคอีสาน เรียกบักนัด คนภาคเหนือ เรียกมะนัด มะขะนัด บ่อนัด ส่วนคนภาคใต้ เรียกว่าย่านัด
การคัดเลือกและการปลูกสับปะรด
ในการคัดเลือกสับปะรดมาทำพันธุ์จะเลือกโดยดูจาก 2 ปัจจัยเป็นหลัก นั่นคือลักษณะของต้นและผล
ลักษณะของต้นสับปะรด ต้องแข็งแรง สมบูรณ์ ขอบใบเรียบ ถ้ามีหนามควรมีเพียงเล็กน้อยในส่วนปลายของใบเท่านั้น ไม่มีโรคหรือแมลง แต่ละต้นต้องมีหน่อ 1-3 หน่อ มีตะเกียงไม่น้อยกว่า 5 อัน กระจายอยู่บริเวณต้น
ลักษณะ ผลของสับปะรดต้องเป็นทรงกระบอกสวยงาม เนื้อมีสีเหลือง เหนียวแน่นและไม่มีเมล็ดติดกับเนื้อ
วิธีการปลูก
นิยมทำกันอยู่ 2 วิธี คือ
1. การปลูกแบบแถวเดียว ใช้ระยะห่างในปลูกระหว่างต้นประมาณ 40 ซม. และระหว่างแถวประมาณ 1 เมตร ในเนื้อที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 2,500-3,500 ต้น การปลูกวิธีนี้เหมาะสำหรับปลูกเพื่อจำหน่ายผลสด เพราะได้ผลใหญ่ ราคาดี ให้หน่อเยอะ และไว้หน่อให้ออกผลสืบแทนต้นแม่ได้หลายรุ่น แต่มีข้อเสียคือต่อไร่ให้ผลผลิตต่ำ ใช้เนื้อที่เยอะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและการกำจัดศัตรูพืชสูง
2. การปลูกแบบแถวคู่ ใช้ระยะปลูกระหว่างดินประมาณ 30 ซม. และระหว่างแถวประมาณ 50 ซม. ระยะกลับฟันปลาระหว่างแถวของคู่ 1 เมตร หนึ่งไร่สามารถปลูกได้ประมาณ 6,500-8,000 ต้น แต่บางแห่งอาจปลูกได้มากถึง 10,000 ต้น ทั้งนี้ แล้วแต่ความต้องการของโรงงานว่าจะต้องการผลขนาดไหน การปลูกแบบนี้เหมาะกับการปลูกเพื่อส่งโรงงาน เพราะสามารถกำหนดขนาดผลได้ตามที่โรงงานต้องการ ผลผลิตต่อไร่สูง ค่าใช้จ่ายในการดูแลและด้านแรงงานไม่สูงเท่าแบบแถวเดียว การทรงตัวของลำต้นดี เพราะต้นสับปะรดจะเจริญเติบโตเบียดเสียดกันไว้ไม่ให้ล้ม
ในการปลูกสับปะรดควรจะปลูกใหม่ทุก ๆ 3 ปีและไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิมเพราะการปลูกซ้ำที่เดิมอาจทำให้เกิดโรคระบาดในไร่สับปะรดได้ง่าย ควรมีการปลูกสลับกับพืชชนิดอื่นเช่น พืชตระกูลถั่ว และควรเริ่มปลูกตอนต้นฤดูฝนเพื่อจะได้รับน้ำและความชุ่มชื้นที่เพียงพอ
สายพันธุ์สับปะรดที่เป็นที่นิยมในไทย
1. พันธุ์ปัตตาเวียหรือที่เรียกคุ้นหูกันว่าพันธุ์ศรีราชา
เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุด มีขนาดที่ใหญ่กว่าสายพันธุ์อื่น ๆ เนื้อหวานฉ่ำเป็นพิเศษ ใบจะมีลักษณะเขียวเข้ม ตรงกลางมีร่องเป็นสีน้ำตาลแดง
มีขนาดที่ใหญ่รสชาติอร่อยจึงมักนิยมปลูกเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลไม้กระป๋อง
2. สับปะรดพันธุ์ภูแล
เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีรสชาติหวาน มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของสายพันธุ์นี้คือขนาดของผลที่เล็กและสามารถทานได้ทั้งผล
3. สับปะรดพันธุ์อินทรชิต
แหล่งปลูกสำคัญของพันธุ์นี้ได้แก่จังหวัดฉะเชิงเทรา พันธุ์นี้ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ลักษณใบของพันธุ์นี้จะมีสีเขียวอ่อนเป็นมัน ใต้ใบสีเขียวออกขาว มีมันวาวออกมาเป็นสีน้ำเงิน ขอบใบตามแนวยาวจะมีแถบสีแดงอมน้ำตาลทั้ง 2 ข้าง ที่ก้านของผลจะมีตะเกียงติดอยู่ พันธุ์อินทรชิตจะมีขนาดที่เล็กกว่าพันธุ์ปัตตาเวียมีรสหวานอ่อน ๆ แต่เปลือกจะเหนียวแน่น เหมาะสำหรับการขนส่ง
4. สับปะรดพันธุ์ภูเก็ตหรือที่เรียกว่าพันธุ์สวี
เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากในภาคใต้ ใบจะมีลักษณะยาวสีเขียวอ่อน ใบค่อนข้างแคบและมีแถบที่เป็นสีแดงอยู่ตรงกลางของใบ ผลของพันธุ์นี้จะย้อยนูน ตาสับปะรดค่อนข้างลึกขนาดผลเล็ก ส่วนของเนื้อจะเหลืองและมีความหอมและรสชาติที่หวานกรอบ นิยมปลูกกันที่ภาคใต้
5. สับปะรดพันธุ์ขาว
ลักษณะของลำต้นจะเป็นต้นทรงพุ่มเตี้ย มีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกับพันธุ์อินทรชิตมากซึ่งเชื่อกันว่าอาจจะกลายพันธุ์มาจากพันธุ์อินทรชิตดังกล่าวก็เป็นได้
ด้านบนมีหลายจุก ใบสั้นแคบและชิดกันมีสีเขียวอ่อนอมเหลือง เนื้อสับปะรสมีรสชาติหวานไม่มากนัก
6. สับปะรดพันธุ์ตราดสีทอง
สับปะรดพันธุ์นี้จะแตกต่างจากสับปะรดพันธุ์อื่นตรงที่รสชาติที่มีความหวานกรอบตลอดทั้งผล โดยเฉพาะผิวที่เป็นตาสีเหลือง ดูเย็นฉ่ำน่ารับประทาน จุดสังเกตของพันธุ์นี้คือลักษณะของผลที่มีสีเหลืองคล้ายสีทองสวยงามน่ากินมาก
7. สับปะรดพันธุ์บางแลหรือพันธุ์น้ำผึ้ง
สำหรับสายพันธุ์นี้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับพันธุ์ปัตตาเวียมาก จึงอาจจะเป็นสายพันธุ์ย่อยหรือเป็นการกลายพันธุ์มาจากพันธุ์ปัตตาเวีย แหล่งที่มีการปลูกมากก็คือ ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย แต่เนื่องจากมีรสหวานจัด ซึ่งเป็นที่นิยมมากของจังหวัดตราด ปัจจุบันจึงมีการปลูกเพิ่มขึ้นในพื้นที่ของจังหวัดตราด
คุณค่าทางอาหารของสับปะรด
ในบ้านเราสับปะรดถือเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงมาก สามารถทานได้ทั้งสดหรือนำไปประกอบอาหารคาวหรือหวานก็ได้ ทั้งยังนิยมนำไปแปรรูป เรียกได้ว่าพืชชนิดเดียวสามารถทำได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ส่วนรสชาติก็ไม่ต้องพูดถึง เปรี้ยว หวานฉ่ำ กรอบ สดชื่นทุกครั้งที่ได้ทาน
ด้วยความที่สับปะรดหาทานง่าย ราคาดี ทำให้เราสามารถเห็นสับปะรดปรากฏตัวได้ทุกที่ ตั้งแต่ร้านแบบสตรีทฟูด อาหารกระป๋อง ห้องอาหารในโรงแรม ไปจนถึงส่งออกต่างประเทศ จึงเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก
นอกจากประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่สามารถนำออกมาสร้างเม็ดเงินได้ตั้งแต่สตรีทฟูดจนถึงการส่งออกแล้ว สรรพคุณของสับปะรดยังมีอีกมากมายที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็น พลังงานที่ไม่สูงมาก เพียงแค่ 50 กิโลแคลอรี่ต่อ 100 กรัม เท่านั้น ทำให้จัดว่าเป็นหนึ่งในผลไม้ลดน้ำหนักที่คนที่กำลังลดน้ำหนักสามารถทานได้
ตัวของสับปะรดอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายสูงมากไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 9 กรดโฟลิกแคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี เป็นต้น ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้จัดว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพเป็นอย่างมาก
ประโยชน์ของสับปะรด
- ช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
- ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัดได้
- ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีมากขึ้น
- ช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง ป้องกันไม่ให้เกิดโรคเหงือก
- ช่วยบรรเทาอาการร้อนกระสับกระส่าย หิวน้ำ
- ช่วยแก้อาการท้องผูก ขับถ่ายไม่สะดวก
- ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีน
- ช่วยลดเสมหะในลำคอได้
- ช่วยในการขับปัสสาวะ ปัสสาวะไม่ออก
- ช่วยรักษาโรคนิ่ว
- ช่วยรักษาโรคไตอักเสบ
- ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคบิด
- ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคนิ้วล็อก (Trigger Finger)
- ช่วยรักษาอาการบวมน้ำ
- ช่วยรักษาอาการแผลเป็นหนอง
- ช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตก
- ช่วยลดการอักเสบจากบาดแผล
- เป็นยารักษาโรคผิวหนัง
- ใบสด นำมาใช้เป็นยาถ่าย หรือยาฆ่าพยาธิ ได้
- ผลดิบสามารถนำมาใช้ห้ามเลือดได้
- ผลดิบสับปะรด ช่วยขับประจำเดือน
- ส่วนของรากสับปะรด นำมาใช้เป็นยาแก้กระษัย บำรุงไตได้
- หนามของสับปะรด ช่วยแก้พิษฝีต่าง ๆ ได้
ข้อมูลเหล่านี้เป็นการศึกษาจากกระทรวงเกษตร ของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า สับปะรดนอกจากจะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ทั้งในด้านกายภาพและด้านเศรษฐกิจแล้ว ก็ยังเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ให้ประโยชน์ด้านสุขภาพมากมายอีกด้วย และทั้งหมดนี้คือเหตุผลว่าทำไม สับปะรดถึงสามารถครองใจคุณและผม รวมถึงผู้คนทั้งโลกมาได้มากขนาดนี้.