ต้นอะโวคาโด
อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่หลายคนชอบรับประทาน และบางครั้งก็ถูกเรียกว่า “ลูกเนย” เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีรสชาติมันคล้ายกับเนยนั่นเอง เชื่อว่าหลายๆ คนชื่นชอบการรับประทานอะโวคาโดเป็นชีวิตจิตใจเพราะนอกจากจะมีรสชาติที่มันอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ทั้งในด้านสุขภาพร่างกาย รวมถึงประโยชน์ในด้านความสวยความงาม ในขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่าหลายคนน่าจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้นอะโวคาโดนั้นมีประวัติความเป็นมาหรือมีที่ไปที่มาอย่างไร โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวสาระสำคัญเกี่ยวกับต้นอะโวคาโด ทั้งมูลทั่วไป ความหมาย วิธีการปลูกและการขยายพันธุ์ ชนิดที่ว่าคุณอาจจะยังไม่เคยรู้จากที่ไหนมาก่อน
- ต้นอะโวคาโด มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า “Persea americana Mill”
- อะโวคาโด้ ชื่อเรียกภาษาอังกฤษทางการค้าหรือชื่อสามัญคือ “Avocado”
- ต้นอะโวคาโดจัดอยู่ในวงศ์ของ “Lauraceae”
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของอะโวคาโด
ต้น
ต้นอะโวคาโดเป็นไม้ผลยืนต้น หากต้นโตเต็มที่จะสูงราวๆ 6-18 เมตร โดยเป็นเนื้อไม้อ่อน กิ่งเปราะ สำหรับขนาดของลำต้นจะมีด้วยกันหลากหลายขนาด โดยมีทั้งลำต้นอวบใหญ่หรือลำต้นเล็ก และเปลือกไม้จะมีสีน้ำตาลอ่อน ผิวขรุขระ
ใบ
ใบของต้นอะโวคาโดจะมีลักษณะเป็นใบเรียงสลับบนกิ่ง โดยก้านใบจะสั้น ส่วนรูปใบจะยาว ปลายใบเรียวแหลม โดยใบจะมีสีเขียวสด ยาวประมาณ 8-40 เซนติเมตร กว้าง 5-18 เซนติเมตร ซึ่งใบจะค่อนข้างหนาแน่นในบริเวณส่วนปลายของกิ่งฝอย
ดอก
ดอกจะออกเป็นช่อที่บริเวณปลายกิ่ง จะมีดอกจำนวนมากแต่มีขนาดเล็ก สีของดอกเขียวอมเหลืองสำหรับดอกจะประกอบไปด้วยกลีบรองดอก และกลีบดอก
ผล
ต้นอะโวคาโดออกผลแบบผลเดี่ยว โดยมีรูปร่างหน้าตาต่างกัน เช่น ผลรูปไข่ ผลทรงกลม ผลแบบฝรั่ง หรือผลยาวคล้ายมะเขือยาว เป็นต้น ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์แต่ที่นิยมส่วนใหญ่จะมีผลรูปไข่หรือทรงกลม สีของผลจะเป็นสีเขียวปนสีเหลืองหรือสีม่วง ผิวอาจขรุขระหรือเรียบ ส่วนเปลือกจะหนาและเหนียว บางสายพันธุ์ก็เปราะบาง สำหรับเนื้อด้านในจะเป็นสีเหลืองอ่อนหรือเหลืองเข้ม โดยมีเมล็ดขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายกับลูกข่างหรือกลมแป้น มีปลอกหุ้มเมล็ด 2 ชั้น
ประวัติความเป็นมาของอะโวคาโด
ต้นอะโวคาโด มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและหมู่เกาะเวนต์อินดีส ย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 โดยชาวสเปนได้มีการนำไปปลูกที่ประเทศเปรู ต่อมาเมื่อในศตวรรษที่ 18 ก็ได้แพร่กระจายหรือเป็นที่นิยมในการปลูกอยู่ที่รัฐฟลอริดา และรัฐแคลิฟอร์เนีย สำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 200 ปีที่แล้ว ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศแรกที่ได้มีการปลูกต้นอะโวคาโด และหลังจากนั้น จึงได้มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย โดยเริ่มปลูกครั้งแรกที่จังหวัดน่าน
ประโยชน์ของผลอะโวคาโด
อะโวคาโด นิยมรับประทานก็ต่อเมื่อผลสุกเท่านั้น หากรับประทานผลดิบจะมีรสชาติที่ขมมากๆอีกทั้งยังมีสารเทนนินที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ อย่างไรก็ตามชาวเม็กซิโกนิยมใช้เนื้อของอะโวคาโดปรุงอาหารแทนการใช้เนยเนื่องจากอะโวคาโดจะมีรสชาติที่มัน อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีจึงมีส่วนช่วยในการป้องกันไข้หวัดและป้องกันเลือดออกตามไรฟันอีกทั้งยังมีวิตามินเอวิตามินบีโพแทสเซียมโปรตีนและใยอาหารต่างๆอีกมากมายที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสุขภาพและร่างกายโดยเฉพาะช่วยป้องกันโรคหัวใจป้องกันโรคมะเร็ง นอกจากนั้นการนำอะโวคาโดมาสกัดเป็นน้ำมันยังสามารถช่วยบำรุงผมหรือทำเป็นเครื่องสำอางต่างๆในด้านความสวยความงามได้อีกด้วย
อะโวคาโดจำแนกออกเป็น 3 สายพันธุ์ ดังต่อไปนี้
- อาโวคาโดสายพันธุ์เม็กซิโก
โดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะเปลือกที่บาง และผลเล็กมีผิวเรียบ เมื่อแก่จัดแล้วผลจะมีสีม่วง เปลือกหุ้มเมล็ดบางแต่เมล็ดจะใหญ่อยู่ในผลอย่างหลวมๆ โดยสายพันธุ์นี้จะมีไขมันในปริมาณมากที่สุด เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆนอกจากนั้นยังสามารถทนต่ออากาศหนาวเย็นได้ดีอีกด้วย
- อาโวคาโดสายพันธุ์อินดีสตะวันตก
ลักษณะผลจะมีผิวเรียบ สีเขียวอมเหลืองและเปลือกค่อนข้างหนา โดยเมล็ดจะอยู่ในผลอย่างหลวมๆ รสชาติจะมีความมันและออกหวานนิดๆ ส่วนไขมันจะน้อย สามารถเจริญเติบโตได้ในอากาศที่ร้อน
- อาโวคาโดสายพันธุ์กัวเตมาลา
ลักษณะของผลจะมีสีเขียว โดยผลขรุขระส่วนเมล็ดจะกลมเล็ก มีเนื้อหนา แต่ก็มีไขมันสูงเช่นเดียวกัน โดยสายพันธุ์นี้จะชื่นชอบอากาศที่หนาวเย็นจนถึงปานกลาง
วิธีการปลูกอะโวคาโด
สืบเนื่องมาจากเทรนด์การรักษาสุขภาพนั้นมาแรงมากๆ อีกทั้งผลของอะโวคาโดยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพและความงาม ซึ่งได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย จึงทำให้ต้นอะโวคาโดกลายเป็นที่นิยมในการปลูกอย่างมากในปัจจุบันสำหรับวิธีการปลูกต้นอะโวคาโดจะมีทั้งหมด 3 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 : เริ่มต้นด้วยการขุดหลุมพรวนดิน หลังจากนั้นให้ใส่ขุยมะพร้าวลงไป ก่อนนำเมล็ดของอะโวคาโด กดลงไปให้จมดินเพียงครึ่งนึงเท่านั้น โดยไม่ต้องกลบดินปิดทั้งหมด และปล่อยให้เมล็ดเปลือยไว้เช่นนั้นตามด้วยการรดน้ำให้ชุ่มทุกวันๆ ทั้งเช้าและเย็น
วิธีที่ 2 : ใช้ไม้จิ้มฟันเสียบบริเวณรอบๆ เมล็ดของอะโวคาโด จากนั้นให้ใช้ไม้จิ้มฟันทำเป็นคานประคองเมล็ดไว้เมื่อนำไปแช่น้ำบนปากขวดหรือปากแก้ว โดยให้แช่น้ำทิ้งไว้รอจนกว่ารากจะงอกออกมา
วิธีที่ 3 : ห่อเมล็ดด้วยกระดาษชำระ ควรเลือกกระดาษชำระที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน วิธีการห่อคือ ให้นำกระดาษชำระนำมาห่อเมล็ดเพียงครึ่งลูกเท่านั้น แล้วจุ่มน้ำจนชุ่มเพื่อรอให้รากงอก
สำหรับวิธีที่ 2 และวิธีที่ 3 แนะนำให้นำเมล็ดของอะโวคาโดไปใส่ขวด เพื่อรักษาความชุ่มชื้น หลังจากนั้นปิดปากขวดรอจนกว่ารากจะงอกหรือแทงยอดออกมาจากเมล็ดของอะโวคาโด จึงค่อยเปิดฝาและควรเติมน้ำบ่อยๆ อย่าให้ขาด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน รอจนกว่ารากจะยาวและแข็งแรงหรือมีใบอ่อนประมาณ 5-6 ใบ จึงค่อยย้ายไปปลูกลงดินหรือลงกระถางที่เตรียมไว้
วิธีขยายพันธุ์ต้นอะโวคาโด
การขยายพันธุ์ของต้นอะโวคาโด มีหลากหลายวิธี เช่น การติดตา การเพาะเมล็ด และการต่อกิ่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดนั้นจะไม่ค่อยนิยมใช้ เนื่องจากจะทำให้ได้ผลผลิตช้า ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 6-7 ปี หรือ 15 ปี เพราะโดยทั่วไปแล้วอะโวคาโดนั้นจะออกผลประมาณ 3-4 ปีเท่านั้น
สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกต้นอะโวคาโด แต่ไม่อยากต้องเสียเวลามาเพาะพันธุ์เอง หรือต้องมานั่งลุ้นว่า รากจะงอกหรือไม่นั้นสามารถหาซื้อต้นอะโวคาโด ได้จากสถานที่จำหน่ายต้นกล้าทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีและการขนส่งที่รวดเร็วเข้าถึง ก็สามารถสั่งซื้อต้นอะโวคาโดได้ รวมถึงต้นกล้าชนิดอื่นๆ ได้ผ่านช่องทางออนไลน์หรือถ้าหากใครไม่แน่ใจกลัวว่าจะได้ต้นอะโวคาโดที่ไม่มีคุณภาพ อย่างที่บอกว่าสามารถหาซื้อได้จากร้านจำหน่ายต้นกล้าทั่วไป หรือในงานเทศกาลจำหน่ายสินค้าเกษตร และพันธุ์ไม้ โดยปกติแล้วในแต่ละจังหวัดมักจะจัดขึ้นทุกๆ ปีเป็นประจำ
ทั้งหมดนี้คือ เรื่องราวสาระสำคัญและความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับต้นอะโวคาโด ที่นิยมปลูกไว้เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต เนื่องจากผลของอะโวคาโดนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมากในปัจจุบันเพราะมีรสชาติที่มันอร่อย ค้ลายเนย หรือบางสายพันธุ์ก็มีรสชาติที่หวานนิดๆ ด้วย โดยอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ทั้งในด้านของสุขภาพร่างกาย รวมถึงด้านความสวยความงาม ซึ่งนอกจากการรับประทานผลอะโวคาโดสดแล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ หรือเป็นอาหารตลอดจนน้ำผลไม้ดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย
ที่มา
https://sites.google.com/site/xawokhado/info