ไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็ก ที่ให้ร่มเงาและเติมพื้นที่สีเขียวให้กับสวนได้อย่างงดงาม มาพร้อมกับผลสุกสีแดงสด ที่มีคุณประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ตะขบ ถือเป็นไม้ประดับและไม้ผลอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำมาตกแต่งสวนสร้างความร่มรื่นให้บริเวณบ้าน อีกทั้งยังถือว่าเป็นไม้ให้คุณทางยาที่ดีต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ นับว่าเป็นไม้มหัศจรรย์ อีกชนิดที่ควรปลูกไว้ประจำบ้านกันเลยทีเดียว
ส่วนประกอบของต้นตะขบ
ในประเทศไทยมักพบต้นตะขบขึ้นเองตามธรรมชาติในป่าโปร่งทั่วไป และเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อน สามารถขยายพันธุ์ตามธรรมชาติจากเมล็ด โดยเชื่อว่าการแพร่กระจายของต้นตะขบเกิดจากเมล็ดในมูลของนกและสัตว์เล็กที่กินตะขบเป็นอาหารและถ่ายทิ้งไว้
ลักษณะของลำต้น
ตะขบจัดเป็นไม้พุ่มเนื้ออ่อน ประเภทไม้ยืนต้นโตเร็ว มีลำต้นเหยียดตรง เปลือกลำต้นสีเทา ลักษณะบางไม่แตกสะเก็ดแม้จะมีอายุมากแล้วก็ตาม เมื่อโตเต็มที่จะสูงประมาณ 5-10 เมตร แตกกิ่งก้านขนานกับพื้นดิน ตามกิ่งอ่อนจะมีขนนุ่มขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณ
ราก
ระบบรากของตะขบ เป็นระบบรากแก้ว ลึกในพื้นดินประมาณ 1 เมตร มีรากแขนงแตกออกด้านข้างซึ่งมีความยาวได้มากกว่าพุ่มของต้น อาจยาวได้ถึง 10 เมตร โดยรากแขนงนี้หากแทงขึ้นพ้นพื้นดินและสัมผัสกับอากาศจะสามารถแตกยอดเป็นต้นใหม่ได้
ใบ
ตะขบเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ใบจะแทงออกจากกิ่งและเรียงสลับวนกันไปตามกิ่งแขนง มีก้านใบสั้น ๆ สีเขียว รูปใบจะเป็นรูปไข่ ขอบหยักมีปุ่ม ๆ เหมือนฟันเลื่อย ปลายใบแหลม มีขนปกคลุม เห็นเส้นใบชัดเจน ขนาดความกว้างประมาณ 2-4 ซม. และยาวประมาณ 5-10 ซม.
ดอก
ตามบริเวณซอกใบจะเป็นพื้นที่สำหรับดอกตะขบแทงออก โดยดอกตะขบที่พบจะเป็นดอกเดี่ยวหรือดอกคู่ ดอกมีสีขาวอยู่บนกลีบเลี้ยงสีเขียวและมีก้านดอกยาวประมาณ 1-5 ซม. ประกอบด้วยกลีบดอกประมาณ 5-6 กลีบ ตรงกลางจะพบเกสรตัวผู้สีเหลืองนวลจำนวนมาก ห้อมล้อมรังไข่ที่ต่อไปจะเจริญเติบโตเป็นผลตะขบ
ผล
เมื่อรังไข่ถูกผสมจะกลายเป็นผลเล็ก ๆ สีเขียว ค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้น เป็นผลตะขบทรงกลม ขนาดประมาณ 1 ซม. เมื่อผลเริ่มแก่จะค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากสีเขียว เป็นสีเขียวอมเหลือง สีชมพู และกลายเป็นสีแดงสด เมื่อแก่จัด ผลสุกจะให้รสหวาน แต่เมื่อยังดิบจะให้รสฝาด
เมล็ด
ภายในผลตะขบจะพบเมล็ดตะขบเล็ก ๆ สีเหลืองนวลออกน้ำตาลจำนวนมากผสมปะปนอยู่กับเนื้อตะขบ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ตะขบสามารถแพร่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ด้วยการกินและถ่ายมูลทิ้งของนกนานาพันธุ์นั่นเอง
สายพันธุ์ยอดนิยม
ตามหัวไร่ปลายนาของแต่ละท้องถิ่น เราจะพบต้นตะขบ ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ทั่วไปที่เราเรียกกันว่าต้นตะขบป่า จะเป็นพันธุ์ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติจากเมล็ด ผลสุกจะมีเปลือกสีแดงอมม่วงและมีเนื้อสุกสีเหลืองทอง ให้ผลที่เล็กประมาณเท่านิ้วโป้ง ลำต้นมีหนามยาว มีสรรพคุณทางยาสูง ในเชิงการค้า ตะขบยักษ์ไร้หนาม เป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยม เนื่องด้วยลักษณะพิเศษของลำต้นและกิ่งก้านที่ไม่มีหนาม ให้ผลขนาดใหญ่กว่าซึ่งอาจใหญ่เท่ากับเหรียญ 10 บาทหรือเท่ากับลูกปิงปองได้เมืองโตเต็มที่ มีเมล็ดน้อยประมาณ 5-6 เมล็ด รสชาติหวานจัดเมื่อสุก และให้ผลผลิตที่คุ้มค่าได้ราคา ซึ่งมักจะติดผลมากถึง 2 รุ่นต่อปีเลยทีเดียว
วิธีการปลูกต้นตะขบให้เจริญงอกงาม
ตามลักษณะทางกายภาพแล้ว ตะขบสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและเจริญเติบโตง่ายบนพื้นที่เขตร้อน ด้วยเมล็ดพันธุ์และรากแขนง โดยสังเกตุได้ว่าหากตะขบที่เติบโตบริเวณแหล่งน้ำหรือขอบสระ เราจะเห็นต้นลูกตะขบขึ้นเป็นแนวยาวบริเวณนั้นด้วย แม้ว่าตะขบจะเป็นไม้ผลที่ทนต่อศัตรูพืช แต่ทั้งนี้ในด้านการค้าและหวังผลเชิงพาณิชย์แล้วการดูแลรักษาและการบำรุงก็เป็นสิ่งจำเป็นในอันดับต้น ๆ เช่นกัน
วิธีการดูแลรักษา
แสง
กิ่งที่ได้รับแสงแดดที่เพียงพอจะสมบูรณ์และสามารถให้ดอกตะขบได้มาก ดังนั้น ควรตัดแต่งกิ่งให้ดูโปร่งเพื่อแสงแดดสามารถสอดส่องได้ทั่วถึงทุกกิ่งก้านจะเป็นผลดี
น้ำ
ต้นกล้าจำเป็นต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรก เพื่อให้ลำต้นตั้งตัวได้เร็ว และเมื่อโตเต็มที่ลดปริมาณน้ำลงได้ เพราะเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี
ดิน
ตะขบเติบโตได้ทุกสภาพดินแต่เติบโตได้ดีบนดินร่วน ที่ระบายน้ำได้ดี
ปุ๋ย
สามารถบำรุงได้ด้วยปุ๋ยอินทรีย์และเคมี แต่เนื่องด้วยเป็นไม้ผลที่ไม่ค่อยมีปัญหาด้านโรคมากนัก จึงให้ปุ๋ยนาน ๆ ครั้งได้
คุณประโยชน์ที่ได้จากต้นตะขบ
นอกจากต้นตะขบ ที่นิยมปลูกกันไว้เพื่อสร้างร่มเงาและช่วยฟอกอากาศแล้ว ตะขบยังมีคุณประโยชน์และสรรพคุณทางยาซึ่งได้จากส่วนต่าง ๆ ของต้น ได้แก่ ผลสุก ให้พลังงานช่วยเจริญอาหาร มีแคลเซียมสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ รสฝาดของใบทีใช้ตากแห้งสามารถชงเป็นชาดื่มช่วยระบาย ระงับอาการไอและเจ็บคอได้ดี ดอกตะขบ มีฤทธิ์บำรุงตับ บรรเทาอาการไข้หวัด แก้อาการท้องเสียอาหารเป็นพิษ และบรรเทาอาการปวดไมเกรน ส่วนรากและลำต้น (เปลือก) นิยมนำมาต้มดื่มเพื่อช่วยบรรเทาอาการไข้ ขับระดู ช่วยย่อยอาหารและแก้อาการท้องผูกได้ นอกจากนั้นยังสามารถนำมาบดทารักษาอาการผื่นคันได้อีกด้วย
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
ราคาโดยประมาณสำหรับต้นกล้าเริ่มต้นที่ 10 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ความสูงของลำต้นและความแข็งแรงของต้นกล้า