ต้นสะเดาเทียม เป็นไม้โตเร็วชนิดหนึ่ง มักพบเห็นจำนวนมากทางตอนใต้ของประเทศไทย อีกทั้งยังมีเนื้อไม้ที่คุณภาพดี ทนทานต่อมอดและปลวก ซึ่งไม่สามารถทำลายเนื้อไม้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถนำไม้สะเดาเทียมมาแปรรูปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย สะเดาเทียมมีชื่อเรียกด้วยกันหลายชื่อ เช่น สะเดาช้าง สะเดาใบใหญ่ เป็นต้น นอกจากจะนิยมนำเนื้อไม้มาใช้ประโยชน์แล้ว สะเดาเทียมยังจัดเป็นไม้สมุนไพร ที่มีฤทธิ์เป็นยาสามารถรักษาโรคได้หลายอาการ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับต้นสะเดาเทียมกันให้มากขึ้น
ข้อมูลทั่วไปของต้นสะเดาเทียม
สะเดาเทียม ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Azadirachta excelsa (Jack) Jacobs ชื่อสามัญ Shorea, White meranti ซึ่งอยู่ในวงศ์ DIPTEROCARPACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นสะเดาเทียม
ต้น
มีลักษณะเปลาตรง สูงใหญ่ เปลือกเรียบ สีเทาปนน้ำตาล หรือสีเทาอมขาว เปลือกในสีขาว มีรูระบายอากาศทั่วไป มักมีรอยตาของกิ่งที่หลุดร่วงไปแล้ว เนื้อไม้สีเหลืองหรือน้ำตาลอ่อน เรือนยอดเป็นพุ่มกลมหรือรูปกรวยคว่ำ
ใบ
ในส่วนของใบต้นสะเดาเทียมมีลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนก ใบขึ้นรวมกันเป็นกระจุกที่บริเวณปลายกิ่ง เรียงเยื้องสลับกันเป็นคู่ ใบมีความหนา ขอบใบหยักเลื่อยเป็นฟัน ก้านใบยาวประมาณ 20-60 เซนติเมตร ผิวใบจะเกลี้ยงสีเขียวเป็นมัน และที่กิ่งมักจะเห็นร่อยรอยการหลุดร่วงของก้านใบ
ดอก
ต้นสะเดาเทียมออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ก้านดอกมีความยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร มีขนสั้นๆ ปกคลุมอยู่ ส่วนกลีบดอกมีทั้งหมด 5 กลีบ ยาว 5 มิลลิเมตร กว้าง 1.5-2.2 มิลลิเมตร ดอกมีสีขาวอมสีเขียวอ่อน กลิ่นหอม ช่วงเวลาของการออกดอกคือช่วงเดือนต้นเดือนมีนาคม
ผล
ผลของต้นสะเดาเทียมมีรูปไข่หรือรูปทรงรี เมื่อผลอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนผลแก่จะมีสีเหลือง ขนาดความกว้างของผลประมาณ 2.4-3.2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.3-1.6 เซนติเมตร เปลือกนอกค่อนข้างหนา ส่วนเนื้อภายในผลมีความนุ่มสามารถนำมารับประทานได้ เปลือกหุ้มเมล็ดจะแข็ง ผลแก่เต็มที่ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายม
ประโยชน์ของต้นสะเดาเทียม
- ดอกอ่อน สามารถใช้รับประทานได้ และเนื้อไม้ สามารถใช้ในการ ก่อสร้างและประดิษฐกรรมไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าทำลายของเชื้อราสีน้ำเงินจึงเป็นคุณสมบัติที่เหมาะในการทำเฟอร์นิเจอร์ บานหน้าต่าง วงกบ และไม้แกะสลักดีมาก
สรรพคุณทางด้านยาสมุนไพรของต้นสะเดาเทียม
- รากของต้นสะเดาเทียมที่มีรสฝาดขม ใช้เป็นยาแก้ขับเสมหะ เสมหะจุกคอ
- เปลือกของลำต้น ใช้เป็นยาเจริญอาหาร แก้ไข้ แก้ท้องร่วง โรคบิดมูกเลือด และยาแก้โรคกษัย
- กระพี้สะเดา ใช้เป็นยาแก้น้ำดีพิการ หรือใช้เป็นยาบำรุงถุงน้ำดี
- แก่นไม้ ใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่น คลื่นใส้อาเจียน แก้โรคลมพิษ บำรุงธาตุไฟ
- ใบสะเดาเทียม มีรสฝาดขมใช้เป็นยาขับน้ำย่อยอาหาร บำรุงโลหิต แก้โรคพยาธิ และใบอ่อนสามารถนำมาใช้แก้โรคผิวหนังได้ โดยเฉพาะโรคน้ำเหลืองเสีย
- ดอก ใช้เป็นยาแก้พิษโลหิตกำเดา แก้โรคริดสีดวง บำรุงธาตุ ฆ่าพยาธิ และใช้เป็นยาบำรุงอาหาร
- ผลสะเดาเทียม เป็นยาระบาย แก้โรคท้องผูกหรือใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ
- ยางสะเดาเทียม ช่วยดับพิษไข้ ถอนพิษไข้หรือดับพิษร้อน
- น้ำมันสะเดาที่สกัดมาจากเมล็ดของสะเดา ช่วยแก้โรคผิวหนัง
นอกจากสรรพคุณในด้านยาสมุนไพรแล้ว อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่าไม้สะเดาเทียมมีความแข็งแรงในระดับหนึ่ง สามารถนำมาแกะสลักเป็นเครื่องเรือน หรือใช้แปรรูปทำเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ได้มากมาย และด้วยความที่สีของเนื้อไม้มีสีน้ำตาลสวยงาม หากนำมาขัดหรือชักเงาจะยิ่งสวยงามมากยิ่งขึ้น ข้อดีของการใช้ประโยชน์จากไม้สะเดา คือ ปลวกไม่ค่อยทำลาย เนื่องจากไม้สะเดามีความแข็งแรง ทนทาน นอกจากนั้นยังสามารถนำมาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง ทำฟืนก่อไฟสำหรับการหุงหาอาหารได้อีกด้วย
รู้หรือไม่ว่าต้นสะเดาเทียมเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้พระราชทานที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงได้พระราชทาน ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
ต้นสะเดาเทียมกับความเชื่อของคนไทย
คนไทยสมัยก่อนมีความเชื่อว่าต้นสะเดาเทียม คือ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะต้นสะเดาเทียมยักษ์ ที่พบในอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ชาวบ้านมีการนำผ้าเจ็ดสีไปผูกไว้บริเวณรอบๆ โคนต้น เพื่อกราบไหว้บูชา ขอพรเทวดาอารักษ์ที่สิงสถิตอยู่ในต้นไม้ ให้สมปรารถนาในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเสี่ยงโชค
การปลูกต้น การขยายพันธุ์ และการดูแลรักษาต้นสะเดาเทียม
การปลูกสะเดาเทียม นิยมการเพาะเมล็ด โดยใช้ผลสุกนำในส่วนของเนื้อที่หุ้มเมล็ดออก จากนั้นนำเมล็ดไปแช่น้ำแล้วขยำให้ได้เฉพาะเมล็ด ก่อนนำไปตากแดดผึ่งลม อย่างไรก็ตาม เมล็ดสะเดาเทียม ที่ได้มานั้นจะต้องทำการเพาะโดยเร็วภายใน 2-3 สัปดาห์ เพราะหากช้าอัตราการงอกจะน้อยลง การเพาะไม่ยุ่งยาก เพียงนำเมล็ดไปหว่านลงในแปลงที่เตรียมไว้ เมื่อเมล็ดงอกประมาณ 7 วัน ให้ย้ายลงถุงเพาะ ดินที่ใช้ในการเพาะควรเป็นดินร่วนปนดินทราย ซึ่งมีการระบายน้ำและอากาศได้ดี ต้นสะเดาเทียมสามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในพื้นที่ราบและที่ลาดชัน สำหรับพื้นที่ราบควรมีการไถพรนดินและยกร่องก่อนปลูก
- ขุดหลุมปลูก โดยมีขนาดหลุมประมาณ 30 x 30 x 30 เซนติเมตร
- ใช้ไม้เสี้ยมปลายแหลมในการนำร่องปลูก โดยให้ร่องมีความลึกพอสมควรกับคอรากของกล้าไม้ วิธีนี้จะเหมาะกับกล้าเปลือยราก โดยใช้ระยะปลูกคือ 2 x 2 , 2 x 4, หรือ 4 x 4 เมตร
อย่างไรก็ตาม การปลูกต้นสะเดาเทียม มีวัตถุประสงค์ในการปลูก 3 รูปแบบ ดังนี้
- ปลูกเชิงพาณิชย์ ระยะการปลูกที่แนะนำ คือ 2 x 4 เมตร ช่วง 2 ปีแรกให้ปลูกพืชเกษตรแทรก เช่น ถั่วเหลือง
- ปลูกเป็นไม้ร่วมต่างระดับ การปลูกโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นไม้ประดับ แนะนำให้ปลูกร่วมกับไม้ยืนต้น หรือไม้ผลต่างๆ โดยให้ต้นสะเดาเทียมเป็นไม้เสริม
- ปลูกในลักษณะอื่น ปลูกในลักษณะอื่น เช่น ปลูกเพื่อเป็นแนวกำแพง แนวกั้นลม หรือปลูกตามริมถนนสองฝั่งข้างทาง สร้างร่มเงา เป็นต้น
ต้นสะเดาเทียม มีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 8-10 เซนติเมตร ในช่วง 10 ปี แรก จะมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วมาก การดูแลรักษาต้นสะเดาเทียม ให้คอยระวังเรื่องของโรคและแมลงในช่วงที่เป็นระยะต้นกล้า โดยเฉพาะแมลงกินูนที่มักจะคอยกัดกินทั้งใบอ่อนและใบแก่ สร้างความเสียหายให้ใบและทำให้ต้นตาย หรือเจริญเติบโตช้า อาจใช้สารเคมีเฉพาะสูตรในการกำจัดศัตรูพืช
หากใครที่สนใจอยากปลูกต้นสะเดาเทียม แต่ไม่สะดวกที่จะเพาะเมล็ดด้วยเอง ก็สามารถหาซื้อกล้าพันธุ์ต้นสะเดาเทียมได้จากร้านจำหน่ายขายพันธุ์ไม้ทั่วไป ปัจจุบันราคาต้นกล้าสะเดาเทียมมีราคาประมาณ 15-20 บาทต่อต้นที่ความสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตร แต่สำหรับราคาของไม้สะเดาเทียม ส่วนใหญ่จะรับซื้อต่อต้นราคาประมาณ 1,000 บาท ขึ้นไป ราคาของไม้สะเดาเทียมแตกต่างกันออกไปตามขนาดและเส้นผ่าศูนย์กลาง
ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องราวที่น่าสนใจของต้นสะเดาเทียม ต้นสะเดาเทียมจัดเป็นไม้โตเร็วชนิดหนึ่ง ต้นสะเดาเทียม ประโยชน์มีเนื้อไม้คุณภาพดี สามารถนำมาแปรรูปเป็นสิ่งของเครื่องใช้ได้หลากหลาย เมื่อไม้เทียมอายุประมาณ 7-8 ปี สามารถนำมาแปรรูปได้ สำหรับไม้สะเดาเทียมที่สวยงามต้นต้องสูง ขนาด 9-10 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 100 ซม. ราคาไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท/ต้น แต่หากนำมาแปรรูปขายจะได้ราคาประมาณกว่า 4,000 บาท / ต้น หรือจะนำไปแกะสลักสร้างมูลค่าเพิ่มก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ และด้วยความที่เนื้อไม้สะเดาเทียมเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากในปัจจุบัน ถึงส่งผลให้มีราคาสูงตามไปด้วย หากท่านใดสนใจหรือกำลังมองหาต้นไม้ที่สร้างมูลค่าแนะนำ ต้นสะเดาเทียม ไว้เป็นทางเลือก นอกจะต้นสะเดาเทียมจะเป็นไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ยังจัดเป็นต้นไม้สมุนไพรไทยสามารถรักษาโรคได้หลายอาการ ซึ่งมีการใช้ประโยชน์ในด้านการรักษาโรคหรือแพทย์แผนไทยมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสะเดาเทียมจึงเป็นที่ต้องการของตลาดเหมือนอย่างที่เราพบเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้.
ที่มา
สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้
https://www.dnp.go.th/