ต้นแดง
ต้นแดง คือ ต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ มีอัตราการเติบโตที่ช้า จึงไม่นิยมปลูกมากเท่าที่ควร โดยจัดเป็นพันธุ์ไม้ที่อยู่ในวงศ์ถั่ว และวงศ์ย่อยเสียดสี ต้นแดงมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย สามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณแล้งและป่าเต็งรัง รวมไปถึงป่าละเมาะในเขตแห้งแล้ง ต้นแดงเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับต้นแดงกันให้มากขึ้น
ข้อมูลทั่วไปของต้นแดง
- ชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ Xylia xylocarpa (Roxb.) Taub.
- ชื่อภาษาอังกฤษ คือ Iron Wood
- ชื่อวงศ์ Leguminosae-Mimosoideae
ไม้แดงจะมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่
- Xylia kerrii Craib & Hutch : ไม้แดงชนิดนี้เป็นไม้ขนาดย่อม สามารถพบเจอได้ทั่วไปในป่าเต็งรัง และพบได้มากตามป่าสัก ลักษณะที่โดดเด่นของไม้แดงชนิดนี้คือบริเวณท้องใบจะมีขน ในส่วนปลายของเกสรตัวผู้จะไม่มีต่อม
- Xylia xylocarpa (Roxb.) Taub : ไม้แดงชนิดนี้มีขนาดใหญ่ มักเกิดขึ้นในป่าเบญจพรรณ ลักษณะที่โดดเด่นของไม้แดงชนิดนี้คือใบจะเกลี้ยง ในส่วนปลายของเกสรตัวผู้จะมีต่อม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นแดง
ต้น
ต้นไม้แดง จัดเป็นไม้ยืนต้นที่มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยมีความสูงประมาณ 25 เซนติเมตร หรืออาจสูงถึง 30-40 เซนติเมตร ลำต้นของไม้แดงกลม ตรง เปลา ลักษณะของต้นจะเป็นทรงเรือนยอด เปลือกของลำต้นมีสีเทาอมแดง เวลาตกสะเก็ดจะแตกออกเป็นแบ่นกลมบางๆ รอบบริเวณลำต้น
ใบ
ลักษณะใบของต้นไม้แดงจะเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ใบมีช่อยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ก้านใบยาว 2-7 เซนติเมตร โดยในแต่ละช่อจะมีใบประกอบประมาณ 4-5 คู่ ใบย่อยรูปทรงไข่หรือรูปทรงรี แผ่นใบมีความกว้างประมาณ 7-20 เซนติเมตร ฐานใบมักเบี้ยว ปลายใบแหลม ใบอ่อนจะมีขนปกคลุมอยู่ประปราย ส่วนใบแก่จะไม่มีขน ใบมีสีเขียว
ดอก
ดอกมีสีเหลืองขนาดเล็ก ออกดอกเป็นช่อทรงกลมแบบเดี่ยว กลิ่นดอกมีความหอมอ่อนๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของดอกมีประมาณ 1.4 เซนติเมตร ดอกมีขนสีเหลืองปกคลุมอยู่ทั่วทั้งดอก กลีบดอก มี 5 กลีบ ซึ่งกลีบดอกและกลีบรองจะเชื่อมติดกันเป็นรูปทรงระฆัง เกสรตัวผู้มี 10 ก้าน แยกออกจากกันแบบอิสระ โดยดอกของต้นไม้แดงจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ ถึงเดือนมีนาคม
ผล
ต้นไม้แดงมีลักษณะผลเป็นฝัก ฝักแบนแข็ง รูปขอบขนานเรียวและมีความโค้งงอบริเวณส่วนปลาย ฝักไม้แดงยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร ผิวฝักเรียบ มีสีน้ำตาลอมเทา เมื่อฝักแก่จะแตกออกเป็น 2 ซีก เปลือกฝักเมื่อแตกออกจากกันแล้วจะบิดงอ ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 60-10 เมล็ด ฝักต้นไม้แดงจะแก่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม
ประโยชน์ของต้นไม้แดง
- ไม้แดงมีเนื้อไม้แข็งแรง ทนทาน สามารถทนทานต่อแรงกระแทกได้สูง อีกทั้งยังทนต่อปลวกหรือแมลงกัดกิน จึงนำมาแปรรูปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน เช่น ทำเสาบ้าน รอด ตง ใช้ทำกระดานพื้นบ้าน ฝาบ้าน เป็นต้น นอกจากนั้นยังสามารถนำไปทำเป็นเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น ใช้ทำด้าม ทำหมอนรางรถไฟ ทำคันไถ ครง สาก ฯลฯ
- การปลูกไม้แดงมีประโยชน์เชิงระบบนิเวศน์ ช่วยรักษาความสมดุลของดินและสร้างความชุ่มชื้น ปรับปรุงคุณภาพเชิงสิ่งแวดล้อม ช่วยชะลอการพังทลายของหน้าดิน ใช้ในระบบวนเกษตร เนื่องจากไม้แดงมีการแผ่รากในวงกว้าง จึงสามารถช่วยยึดหน้าดินได้ดี
- ปลูกเพื่อตกแต่งสวน ช่วยสร้างร่มเงา ทำให้เกิดความร่มรื่น นิยมปลูกบริเวณบ้านเรือน ข้างถนน หรือในสวนสาธารณะ
- ใช้ประโยชน์จากกิ่งไม้แดง ที่แห้งหรือหล่นลงจากต้น นำมาทำเป็นเชื้อเพลิง ก่อไฟ หรือตัดต้นมาแปรรูปเป็นถ่าน โดยไม้แดงสามารถให้ความร้อนได้ดี และมีค่าความร้อนสูงถึง 7,384 แคลอรีต่อกรัม
- ต้นไม้แดง มีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร สามารถรักษาโรคได้หลายอาการ เช่น เปลือกที่มีรสฝาด ช่วยแก้อาการท้องร่วง ช่วยสมานธาตุ ส่วนแก่น ช่วยแก้อาการท้องเสีย เป็นยาบำรุงโลหิต ช่วยลดไข้ และช่วยลดอาการอักเสบต่างๆ เป็นต้น
การปลูก การขยายพันธุ์ และการดูแลรักษาต้นแดง
การปลูกต้นแดง หรือต้นไม้แดง แนะนำให้ปลูกในช่วงต้นของฤดูฝน ช่วยให้กล้าพันธุ์สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมีอัตราการรอดตายสูง ช่วยระยะเวลาที่ย้ายลงแปลงปลูกควรเป็นช่วงเดือนพฤษภาคาถึงเดือนกรกฎาคม สิ่งสำคัญต้องเลือกกล้าพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ แข็งแรง หรือเลือกจากระดับความสูงเป็นปัจจัยแรก ก่อนการนำกล้าพันธุ์ลงไปปลูกประมาณ 1 อาทิตย์ ควรรดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้ง จากเดิมที่ต้องรดน้ำทั้งเช้าและเย็น แต่ให้ลดลงมาเหลือเพียงแค่ตอนเช้าหรือตอนเย็น รดน้ำเพียงครั้งเดียวต่อวันเท่านั้น การปลูกไม้แดงควรปลูกในที่กลางแจ้ง มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อให้ต้นไม้แดงสามารถรับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ ก่อนนำไปปลูกควรรดน้ำให้ชุ่ม ระยะการปลูกที่เหมาะสมคือ 2 x 3 เมตร หลังจาก 2-3 เดือนผ่านไป หากพบว่ามีต้นไม้แดงบางต้นตายหรือไม่เจริญเติบโต ให้ซ่อมหรือนำต้นอื่นไปปลูกทดแทน การปลูกต้นไม้แดงจะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่เหมาะสมแนะนำเป็นดินร่วนซุย ต้นไม้แดงมีอัตราการเจริญเติบโต คือ ต้นไม้แดงอายุ 5 ปี จะมีความสูงประมาณ 25 ฟุต มีเส้นรอบวงกลม 10 นิ้ว และต้นไม้แดงอายุ 10 ปี จะมีความสูงประมาณ 60 ฟุต มีเส้นรอบวงกลม 22 นิ้ว
สำหรับการขยายพันธุ์ต้นแดง นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด เมล็ดที่ใช้ควรเป็นเมล็ดที่มีความสมบูรณ์ การเก็บเมล็ดสามารถเก็บได้ทั้งจากพื้นดิน หรือบนต้น โดยการนำฝักแก่มาแกะเมล็ดออก ก่อนนำเมล็ดไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วัน เมล็ดสามารถเก็บไว้ได้นานสุด 4 เดือน หลังจากที่เพาะเมล็ดลงหลุมแล้ว ควรรดน้ำทุกกวัน วันละ 2 ครั้ง ดินที่ใช้เพาะควรเป็นดินเหนียวผสมดินร่วน ตามด้วยการผสมปุ๋ยขี้วัว ในอัตราส่วน 4 : 2 : 1
การดูแลรักษาต้นไม้แดงในช่วง 3 ปีแรก ต้องกำจัดวัชพืช โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนเพราะวัชพืชอาจแย่งสารอาหารทำให้ต้นไม้แดงเจริญเติบโตช้า การกำจัดวัชพืชสามารถทำได้โดยการถางด้วยคน หรือใช้เครื่องจักร โดยถางวัชพืชบริเวณรอบโคนต้น การลิดหรือแต่งกิ่งสามารถทำได้ตามความเหมาะสม แต่ข้อควรระวังคือหากแต่งกิ่งมากจนเกินไป อาจทำให้ต้นไม้แดงมีอัตราการเจริญเติบโตช้า จึงนิยมแต่งกิ่งเมื่อต้นไม้แดงมีอายุน้อย เมื่อต้นไม้แดงมีอายุประมาณ 5 ปี ความสูงในการแต่งกิ่งไม่ควรเกิน 10 เมตร อย่างไรก็ตาม ต้นไม้แดงเป็นต้นไม้ที่สามารถทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี โดยเฉพาะอากาศที่ร้อนจัด ในขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมปลูกมากนัก เนื่องจากที่อัตราการเจริญเติบโตที่ช้า เมื่อเทียบกับต้นไม้ชนิดอื่น
ต้นไม้แดงสามารถกระจายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติในประเทศไทยของเราพบได้ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ โดยเฉพาะบนที่ราบหรือบนภูเขา แต่ที่ราบต้นไม้แดงจะสามารถเจริญเติบโตได้ดีกว่า แม้ในปัจจุบันต้นไม้แดงจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการปลูกมากนัก แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบหรือนิยมปลูกต้นไม้ชนิดนี้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการนำไม้แดงไปแปรรูปใช้ในการก่อสร้าง ทำเสา ทำฝ้า บันได ผนัง ฯลฯ ที่สำคัญต้นไม้แดงยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรสามารถรักษาโรคได้หลายอาการ ซึ่งคนโบราณมีการใช้ประโยชน์จากต้นไม้แดงมายาวนาน รวมถึงใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง ทำถ่านก่อไฟ เนื่องจากไม้แดงให้ความร้อนค่อนข้างสูง
ทั้งหมดนี้ คือ เรื่องความที่น่าสนใจของต้นไม้แดง ไม้ยืนต้นขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ทั้งข้อมูลที่สำคัญ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์ การปลูก การขยายพันธุ์และการดูแลรักษา สำหรับใครที่กำลังสนใจหรืออยากทดลองปลูกต้นไม้ชนิดนี้สามารถศึกษาหาความรู้ได้จากบทความนี้ และอย่าลืมนำเอาเทคนิคการปลูกไปใช้ รวมถึงการดูแลรักษา หากทำตามเทคนิคที่เราได้แนะนำในข้างต้น รับรองว่าต้นไม้แดงจะต้องมีการเจริญโตรวดเร็วและสมบูรณ์อย่างแน่นอน
การแปรรูปไม้แดงไม้เนื้อแข็งที่มีทั้งความสวยงามและทนทานเป็นอันดับต้น ๆ
จากข้อมูลการวิจัยของกรมป่าไม้เกี่ยวกับการทดลองความทนทานตามธรรมชาติของไม้เนื้อแข็งชนิดต่าง ๆ โดยทดลองจากการปักดิน ได้ระบุว่า ไม้แดงเป็นไม้ที่มีความทนทานตามธรรมชาติโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15.9 ปี (ตั้งแต่ 10–15 ปี) ซึ่งจัดเป็นไม้ที่มีความทนทานมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ฉะนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าไม้แดง ราคาค่อนข้างดี เพราะสามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะไม้แดงเก่าที่ยังคงมีสภาพดีอยู่ เมื่อนำมาแปรรูปแล้วจะยิ่งทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น
ลักษณะของไม้แดงที่สามารถนำมาแปรรูปได้
ไม้แดง ราคาค่อนข้างสูง เมื่อปลูกจนมีอายุครบ 7 ปี สามารถตัดมาใช้งานหรือจำหน่ายได้แล้ว อย่างไรก็ตามไม้แดงที่มีอายุ 15 ปี หรือมีอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป
จะเหมาะกับการนำมาแปรรูปหรือใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มากกว่า เนื่องจากลักษณะของเนื้อไม้จะมีส่วนของแก่นมากกว่ากระพี้ ซึ่งการันตีได้ว่าไม้ดังกล่าวมีอายุมากพอสมควรแล้ว เมื่อนำมาแปรรูปก็จะได้ไม้ที่แข็งแรงและมีคุณภาพมากขึ้น
ไม้แดงเก่า แปรรูปเป็นอะไรได้บ้าง ?
ไม้แดงเก่า เป็นไม้ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วหลายปี จึงทำให้ไม้จำนวนมากมีตำหนิ ส่วนใหญ่จะได้จากบ้านไม้เก่าหรือไม้แดงเหลือทิ้งที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว หากเป็นไม้แดงเก่าที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น ไม้พื้น ไม้ฝา ไม้เสา เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือทางการเกษตร เป็นต้น
ประเภทและขนาดของไม้ที่ทางร้านจำหน่าย
• ไม้พื้น เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงทนทานและสามารถรับน้ำหนักได้ดีเหมาะกับการนำไปใช้เป็นไม้พื้นตามบริเวณต่างๆขนาดจำหน่ายมีตั้งแต่ 1“, 1.5” และ 2“
• ไม้ฝา เป็นไม้เทียมที่มีลักษณะคล้ายไม้จริง แต่สามารถทนต่อสภาพอากาศและการใช้งานได้เป็นอย่างดี จึงสามารถใช้ตกแต่งได้ทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของผนัง ฝ้า เพดาน รวมถึงรั้วบ้าน ขนาดจำหน่ายมีตั้งแต่ 1“, 1.5” และ 2“
• ไม้เสา เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีอายุมากหรือไม้เก่าที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ทำให้เนื้อไม้มีความแข็งแรงและทนทานมากเป็นพิเศษ สามารถแบกรับน้ำหนักส่วนต่าง ๆ
ของบ้านได้เป็นอย่างดี ขนาดจำหน่ายมีตั้งแต่ 1“, 1.5” และ 2“
ไม้แดงเก่าแปรรูป และขนาดมาตรฐาน
ขนาดมาตรฐานของไม้แดงเก่าแปรรูปจะขึ้นอยู่กับลักษณะของการใช้งาน รวมถึงสภาพโดยรวมของไม้ ซึ่งสามารถแบ่งไม้แดงเก่าแปรรูปออกเป็นหลายประเภทด้วยกัน ดังนี้
• ไม้กระดาน หากเป็นไม้กระดานสำหรับใช้ทำพื้นจะมีขนาดตั้งแต่ 1×4, 1×6 และ 1×8 นิ้ว ส่วนไม้กระดานสำหรับใช้ทำฝาหรือเชิงชายจะมีขนาดเริ่มต้นที่ 1/2×6 นิ้ว และ 3/4×8 นิ้ว
• ไม้คานหรือตง ขนาดมาตรฐานของไม้คาน คือ 2×6 นิ้ว, 2/2×6 นิ้ว, 2×8 นิ้ว และ 2×10 นิ้ว ส่วนขนาดมาตรฐานของตง คือ 1 1/2×5 นิ้ว และ 2×6 นิ้ว @0.50 เมตร
• ไม้อเส ขื่อ อกไก่และจันทัน ขนาดมาตรฐานของอเส ขื่อและอกไก่ คือ 2×6 นิ้ว และ 2×8 นิ้ว ส่วนขนาดมาตรฐานของจันทัน คือ1 1/2×5 นิ้ว, 2×6 นิ้ว @1 เมตร
• ไม้เสา ขนาดมาตรฐานของเสาไม้ต้องมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่านั้น เช่น 4×4 นิ้ว, 6×6 นิ้ว และ 8×8 นิ้ว หรือเสากลม
• ไม้วงกบประตูและหน้าต่าง ขนาดมาตรฐานหรือขนาดทั่วไปของไม้วงกบประตูและหน้าต่างจะอยู่ที่ 2×4 นิ้ว ทั้งนี้ขนาดของไม้จะขึ้นอยู่กับรูปแบบของประตูหรือหน้าต่าง
ไม้แดง ราคาจำหน่ายทั่วไป
ไม้แดง ราคา เนื้อไม้ที่จำหน่ายทั่วไปจะอยู่ที่เมตรละ 2,000 – 5,000 บาท ทั้งนี้ราคาจำหน่ายจะขึ้นอยู่กับลักษณะของการแปรรูปไม้แดง หากเป็นไม้แดงเก่าที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์อาจมีราคาแพงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะไม้แดงที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป หากผ่านการแปรรูปแล้วจะยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้น
ที่มา
https://www.phargarden.com