ไม้มะริดถือเป็นต้นไม้หายาก บางพื้นที่ก็สูญพันธุ์ไปแล้วเรียบร้อย ทั้งที่เป็นพันธุ์ไม้ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ผลมีรสชาติอร่อย เนื้อไม้ก็สวยโดดเด่นและใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย แต่อาจเป็นเพราะไม่มีการอนุรักษ์ไว้ จึงค่อยๆ หายไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม ในบ้านเราตอนนี้ก็ยังพอหาต้นกล้าได้อยู่ แม้จะราคาสูงไปสักหน่อย แต่ก็เหมาะจะนำมาปลูกในพื้นที่บ้าน แค่ไม่กี่ปีก็จะได้ผลไว้ทาน แถมยังเป็นมงคลกับคนในบ้านอีกด้วย
ความเชื่อเกี่ยวกับไม้มงคล
มีความเชื่อหลายอย่างเกี่ยวกับต้นมะริด คาดว่าเป็นเพราะชื่อต้นไม้ที่สอดคล้องกับคำว่า “ฤทธิ์” ก็จะเหมือนกับเป็นพันธุ์ไม้ที่มีอิทธิฤทธิ์พิเศษนั่นเอง ในสมัยโบราณ หากได้เนื้อไม้มะริดที่มีอายุมากพอและเติบโตอยู่ในตำแหน่งที่เป็นมงคล จะถูกนำไปใช้ผลิตเป็นเครื่องรางของขลังที่สามารถพกติดตัวได้ นำไปสลักเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ที่หวังจะได้สรรพคุณในแง่ของความเป็นสิริมงคลก็นิยมเหมือนกัน เช่น ไม้เท้า ด้ามมีด ด้ามปืน เป็นต้น และผลผลิตจากไม้มะริดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ เครื่องดนตรี เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีครู จึงเชื่อกันว่าการใช้ไม้มะริดทำเครื่องดนตรีจะได้คุณในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ด้วย ขณะเดียวกันเครื่องดนตรีจากไม้มะริดก็ให้เสียงไพเราะจริงๆ จากข้อมูลทั้งหมดนี้ จึงยืนยันได้ว่า การปลูกต้นมะริดไว้ในเขตรั้วบ้านต้องสร้างความเป็นมงคลได้อย่างไม่ต้องสงสัย ตามความเชื่อว่ากันว่า ต้นมะริดจะช่วยคุ้มกันคนในบ้านให้ปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ยิ่งคนที่ถือศีลหรือปฏิบัติธรรม ก็จะยิ่งได้รับความเกื้อกูล
ตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การปลูกภายในบริเวณบ้าน
เนื่องจากต้นมะริดมีพุ่มใบหนามาก จึงต้องปลูกแยกจากต้นไม้ชนิดอื่นไปเลย และควรเว้นระยะห่างจากบ้านพอสมควร สามารถปลูกบริเวณข้างบ้านหรือหลังบ้านก็ได้ แต่ไม่ค่อยนิยมปลูกบริเวณหน้าบ้านกันเท่าไร แม้ว่าจะเป็นหน้าบ้านที่เยื้องไปทางด้านข้างก็ตาม เพราะพุ่มใบที่หนาเกินไป จะมาบดบังทัศนวิสัยที่ดีของคนในบ้าน ใครผ่านไปผ่านมาก็มองเห็นไม่ชัด เป็นผลเสียต่อการระแวดระวังภัย เว้นเสียแต่ว่ามีพื้นที่หน้าบ้านค่อนข้างมาก ส่วนทิศที่ปลูกแล้วเป็นมงคลนั้น ไม่เคยมีระบุเอาไว้แบบเจาะจง เพียงแค่ปลูกแล้วต้นไม้เจริญเติบโตได้ดี จนสามารถออกผลตามกำหนดที่ควรจะเป็นได้ก็พอแล้ว
ส่วนประกอบของต้นมะริด
ลักษณะของลำต้น
ต้นมะริดที่โตเต็มที่จะสูงได้ถึง 20 เมตร เนื้อไม้เหนียวมาก แต่มีลวดลายสวยมาก เปลือกไม้เป็นสีน้ำตาลปนดำ แต่ส่วนของเนื้อด้านในจะดำผสมชมพู
ใบ
ผิวหน้าใบมีความมันเงา เป็นสีเขียวอมเหลืองเล็กน้อย รูปร่างใบเรียวยาวคล้ายทรงหอกและมีขนสั้นๆ ปกคลุมอยู่
ดอก
ดอกมะริดจะเป็นสีขาว มีกลีบดอกประมาณ 4-5 กลีบ ส่งกลิ่นหอมชื่นใจ ก้านดอกสั้นและออกดอกเป็นดอกเดี่ยวตามปลายกิ่ง
ผล
ลักษณะของผลจะเป็นทรงกลม มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และมีขนสั้นๆ ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งผล
สายพันธุ์ยอดนิยม
มะริดนับเป็นผลไม้ที่หายากมากแล้วในปัจจุบัน เราจะเห็นเพียงแค่ 2 สายพันธุ์เท่านั้นในประเทศไทย คือสายพันธุ์ดั้งเดิมที่มีผลมะริดเป็นสีแดง กับสายพันธุ์นำเข้าที่มีผลเป็นสีเหลือง ความแตกต่างของ 2 สายพันธุ์นี้ก็คือ พันธุ์สีเหลืองจะมีขนาดของผลที่ใหญ่กว่า เนื้อฉ่ำน้ำมากกว่า แต่ก็แน่นอนว่าจะดูแลยากกว่าสายพันธุ์ท้องถิ่นพอสมควร
วิธีการปลูกต้นมะริดให้เจริญงอกงาม
ปกติแล้วต้นกล้ามะริดจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นช่องทางเดียวที่จะได้พันธุ์มะริดมา ครั้งแรกจึงจำเป็นต้องลงต้นกล้า เลือกดูต้นที่มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีสัญญาณของโรคให้เห็น เพาะลงในหลุมขนาดพอเหมาะ โดยรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกผสมแกลบ ครั้งต่อๆ ไปค่อยใช้เมล็ดมะริดในการเพาะ โดยนำเมล็ดมาแช่น้ำให้เปลือกนิ่มสัก 1 คืน จากนั้นเก็บไว้ในกล่องปิดฝามิดชิด ใช้กระดาษทิชชู่หรือผ้าคลุมเมล็ดเอาไว้ หมั่นรดน้ำประมาณ 2 อาทิตย์ก็จะมีรากงอกออกมา เราค่อยนำไปเพาะต้นกล้าต่อไป
วิธีการดูแลรักษา
แสง
ต้องการแสงมากเพราะมีพุ่มใบหนา ควรปลูกกลางแจ้งที่ได้รับแดดทั้งวัน
น้ำ
ต้มะริดองการน้ำปริมาณมาก แต่ไม่ท่วมขัง ระบบสปริงเกลอร์ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับการปลูกมะริดมากที่สุด แต่ถ้าไม่สะดวกก็ต้องหมั่นรดน้ำทุกวัน ช่วงไหนร้อนมากให้เพิ่มเป็นรดน้ำทั้งเช้าและเย็น
ดิน
ดินร่วนซุยจะช่วยให้ต้นมะริดเติบโตได้ดีที่สุด
ปุ๋ย
ควรใส่ปุ๋ยคอกปีละ 1-2 ครั้ง
คุณประโยชน์ที่ได้จากต้นมะริด
เนื้อไม้
ไม้มะริดมีลวดลายสวยงามเฉพาะตัว จึงนิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ และที่โดดเด่นที่สุดก็คือการทำเครื่องดนตรี นอกจากได้ลายสวยแล้วก็ยังให้เสียงที่ไพเราะอีกด้วย
เมล็ด
ใช้เป็นยาแก้ไอ บรรเทาอาการท้องร่วง
เปลือกไม้
นำมาฝนกับน้ำจนได้เป็นเนื้อครีม แล้วทาบริเวณที่เป็นฝีเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
ราคาของต้นมะริดขึ้นอยู่กับความสูงของต้นกล้า โดยมีราคาเริ่มต้นประมาณ 250 บาท