หากขับรถไปตามชนบทในประเทศไทย สิ่งที่เห็นได้ตามข้างทางนั้นจะเป็น ต้นยูคาลิปตัส ที่ถูกปลูกเป็นทิวแถวตามท้องไร่ นา สวน พร้อมต้นสูงละลิ่วกับลมพริ้วไหวตามคันนา รั้ว ริมคลองเลยก็ว่าได้ เพราะคนไทยมองว่าต้นยูคาลิปตัสเป็นต้นไม้ที่เติบโตเร็ว ปลูกได้แทบทุกสภาพพื้นที่ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์มากมาย ถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่แซงหน้าพืชเศรษฐกิจอื่นๆไปเลย
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อท้องถิ่น : โกฐจุฬารส น้ำมันเขียว มันเขียว ยูคาลิป (ไทย), อันเยี๊ยะ หนานอัน (จีนกลาง).
วงศ์ : MYRTACEAE
ถิ่นกำเนิด : ทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย
ยูคาลิปตัสถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ปี พ.ศ. 2444 เป็นต้นไม้ที่ได้รับฉายาว่า “ต้นไม้ปีศาจ” เพราะเป็นต้นไม้ที่เติบโตเร็วแต่มักจะใช้ดูดความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพราะต้องนำไปเลี้ยงให้ต้นเติบโตโดยไม่ต้องดูแลหรือใส่ปุ๋ย หรือแม้แต่ปลูกในพื้นที่แห้งแล้ง แต่ก็ยังเติบโตได้มากถึง วันละ 7 ซม. เลยทีเดียว
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นยูคาลิปตัส
ถึงจะไม่ได้มีเรื่องราวความเชื่ออะไรที่ชัดเจนนัก แต่คนสมัยก่อนจะหลีกเลี่ยงการปลูกต้นยูคาลิปตัสไว้ใกล้กับพื้นที่พักอาศัย ด้วยมองว่าเป็นต้นไม้ที่จะนำพาโชคร้ายมาให้ และยังเป็นต้นไม้ที่จะนำความตายมาสู่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงด้วย เมื่อเชื่อมโยงกับข้อมูลในปัจจุบันก็พบว่ากุศโลบายนี้มีประโยชน์มาก เพราะต้นยูคาลิปตัสมีคุณสมบัติที่ทำให้ดินบริเวณที่ปลูกนั้นขาดความอุดมสมบูรณ์จริง พืชชนิดอื่นที่อยู่ในรัศมีก็มีโอกาสที่จะเหี่ยวเฉาและตายไปในท้ายที่สุด ยิ่งกว่านั้นการออกดอกตลอดทั้งปียังล่อเหล่าแมลงที่อาจจะเป็นอันตรายได้อีกด้วย
ส่วนประกอบของต้นยูคาลิปตัส
ลำต้น
ยูคาลิปตัสเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้น ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10-25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มหนาทึบค่อนข้างกลม แตกกิ่งก้านจำนวนมาก เปลือกต้นมีสีน้ำตาลอ่อนปนขาว มีสีเทาสลับสีขาวและสีน้ำตาลแดง บางเรียบเป็นมันและลอกออกง่าย หรือบางแห่ง เปลือกนอกจะแตกร่อนเป็นแผ่น ๆ และหลุดออกจากผิวของลำต้น เมื่อแห้งจะลอกได้ง่าย กิ่งก้านเล็กเป็นเหลี่ยม มีจุดตากลม
– กระพี้
กระพี้ คือ เนื้อไม้ด้านนอกซึ่งอยู่ติดกับเปลือกไม้และเป็นที่อยู่ของท่อลำเลียงน้ำ (xylem) จำนวนมาก กระพี้ก็จะเพิ่มขึ้นพร้อมกับการสร้างท่อลำเลียงน้ำใหม่เมื่อเติบโตเต็มที่
– แก่น
แก่น คือ เนื้อไม้ด้านในสุดซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยกระพี้ ยูคาลิปตัสนั้นจะมีแก่นก็ต่อเมื่ออายุเกิน 15 ปีขึ้นไป
ใบยูคาลิปตัส
ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับเป็นคู่ ใบห้อยลง ลักษณะของใบเป็นรูปหอก ปลายใบแหลม กว้างประมาณ 2-7 ซม. และยาวประมาณ 12-30 ซม. แผ่นใบหนาเป็นสีเขียวอมสีน้ำเงิน มีผงคล้ายแป้งปกคลุม เส้นใบมองเห็นได้ชัดเจน ก้านใบสั้น ก้านใบยาวประมาณ 2 ซม.
ดอกยูคาลิปตัส
ออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ มีดอกประมาณ 2-3 ดอก ดอกเป็นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 ซม. ดอกมีเกสรเพศผู้หลายก้าน ออกดอกเกือบตลอดทั้งปี
ผลยูคาลิปตัส
เป็นรูปครึ่งวงกลมหรือคล้ายรูปถ้วย ปลายผลแหลม ผลอ่อนเป็นสีเขียว จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.8-2 ซม. เปลือกผลหนา มีรอยเส้นสี่เหลี่ยม 4 เส้น เมื่อผลแก่ปลายผลจะแยกออก
สายพันธุ์ยอดนิยม
ยูคาลิปตัสเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่มีการแยกย่อยสายพันธุ์ค่อนข้างมาก เพราะมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอยู่เสมอ แต่พันธุ์ที่น่าสนใจมีดังนี้
- ยูคาลิปตัสพันธุ์ออสเตรเลียแดง ขนาดลำต้นจะสูงได้เต็มที่ประมาณ 8-9 เมตร จุดเด่นอยู่ที่ดอกเป็นสีแดงสด หรือเป็นสีโทนชมพูอมส้ม
- ยูคาลิปตัสพันธุ์สีรุ้ง นับเป็นสายพันธุ์ที่มีความสูงมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะลำต้นสามารถสูงได้มากถึง 70 เมตร จุดเด่นอยู่ที่สีสันของลำต้น เปลือกไม้จะมีหลายชั้น แต่ละชั้นก็มีสีต่างกันไป เวลาเปลือกหลุดร่อนออกจึงมองเห็นเป็นแถบสีเหมือนสายรุ้ง
- ยูคาลิปตัสพันธุ์เรดกัม เป็นสายพันธุ์ที่มีการเพาะปลูกมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากโตเร็ว ทนโรคได้ดี มีความสูงประมาณ 20-30 เมตร มีดอกเป็นช่อเล็กๆ สีขาว จุดเด่นอยู่ที่ความละเอียดของเนื้อไม้ ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
วิธีปลูกและดูแลรักษาต้นยูคาลิปตัส
การเตรียมดิน
- ควรเป็นพื้นที่ค่อนข้างราบมีการระบายน้ำได้ดี
- ลักษณะดินควรเป็นดินร่วนปนทรายมีชั้นดินลึกมีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง
การปรับปรุงสภาพพื้นที่ก่อนปลูก
- ในสภาพพื้นที่แห้งแล้ง เช่น ดินลูกรัง เป็นต้น
1. ใช้แทรกเตอร์ไถเกลี่ยพื้นดิน โดยไถปาดต้นไม้ และวัชพืชเดิมออกให้หมดก่อน
2. เมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ใช้แทรกเตอร์ผาน 3 ไถพรวน หลังจากฝนตกหนักเพื่อให้น้ำฝนซึมลงด้านล่าง
3. ใช้แทรกเตอร์ผาน 7 ไถพรวนแปรกลับอีกครั้ง หรือ ใช้การขุดหลุมถั่วทั้งแปลง - พื้นที่ไร่ร้าง หรือพื้นที่กสิกรรมเก่า
1. ใช้แทรกเตอร์ไถพรวนเพื่อกำจัดวัชพืช
2. ไถยกร่องหรือไถผาน 7 หรือขุดหลุมปลูกได้เลย
การกำหนดระยะปลูก
- ระยะ 2 x 2 เมตร ปลูกต้นไม้ 400 ต้น/ไร่ เหมาะสำหรับผู้มีพื้นที่น้อย
- ระยะ 2 x 3 เมตร ปลูกตันไม้ได้ 266 ต้น/ไร่ สะดวกในการดูแลกำจัดวัชพืช เพราะรถไถสามารถไถกลบวัชพืชระหว่างแถวได้
- ระยะ 2 x 4 เมตร ปลูกตันไม้ได้ 200 ต้น/ไร่ เหมาะสำหรับผู้ต้องการปลูกพืชไร่ ควบกับการปลูกต้นไม้
- ระยะ 3 x 3 เมตร ปลูกตันไม้ได้ 177 ต้น/ไร่ เหมาะกับสวนป่าขนาดใหญ่ สามารถใช้รถไถไถพรวน กำจัดวัชพืชได้ทั้ง 2 แนว
การวางแนวปลูก
- ควรกำหนดแถวหลักให้ขนานกับด้านใดด้านหนึ่งของแปลง
- ใช้ลวดสลิงขนาดเล็กทำเครื่องหมายระยะห่างระหว่างต้นตามที่ต้องการ
- ขึงตึงเป็นแนวตรงใช้ไม้ปักหมายตามระยะ
- พื้นที่ลาดชันควรวางแถวของต้นไม้ขวางพื้นที่ตัดทางน้ำไหล เพื่อลดการชักล้างหน้าดิน
การขุดหลุมปลูก
- นาดของหลุมที่ใช้ควรประมาณ 25x25x25 เซนติเมตร ถึง 50x50x50 เซนติเมตร
- รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก เพื่อเป็นการเพิ่มธาตุอาหารในดินให้กับกล้าไม้ที่ปลูกในระยะแรก ๆ
การปลูก
- การปลูกยูคาลิตัสชนิดเดียวล้วน ๆ การจัดการดูแลรักษาสวนป่าทำได้ง่าย สะดวก และประหยัด ส่วนปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชทำลายจะไม่ค่อยมีเนื่องจากยูคาลิปตัสมีรอบตัดฟันสั้นเพียง 4-7 ปี
- การปลูกยูคาลิปตัสร่วมกับพันธุ์ไม้อื่น โดยการปลูกควบคู่ไปกับไม้โตช้าเพื่อเป็นการกระจายรายได้ เพราะสามารถทยอยตัดไม้ยูคาลิปตัสขายเป็นระยะ ๆ
- การปลูกยูคาลิปตัสแบบวนเกษตร (การปลูกพืชเกษตรการปศุสัตว์ หรือ การประมง)
การบำรุงดูแลรักษา
- ควรการกำจัดวัชพืชบ่อยๆ เนื่องจากยูคาลิปตัสปีละครั้ง มีความต้องการแสงและมีความสามารถในการแก่งแย่งกับพวกวัชพืชในระยะแรกได้น้อย จึงต้องกำจัดเพื่อลดการแก่งแย่งแสง และธาตุอาหาร ลดเชื้อเพลิงที่จะเกิดไฟป่าที่จะเป็นอันตรายต่อต้นไม้
การใส่ปุ๋ย
- ใช้หลักการใส่น้อยแต่ใส่บ่อย โดยเน้นการใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกก็ได้ โดยใช้หลักว่าใส่ปริมาณน้อยแต่ใส่บ่อย ๆ โดยเฉพาะใน 2-3 ปีแรก
การเจริญเติบโต
- ต้นยูคาลิปตัสจะให้ผลผลิตตอบแทนในระยะเวลา 4-7 ปีแรก
- หากมีต้นที่ไม่แข็งแรง พบแมลง หรือโรค ควรตัดทิ้งทันที
ประโยชน์ของต้นยูคาลิปตัส
- ใช้ในการก่อนสร้างต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือน ทำรั้ว ทำคอกปศุสัตว์ ทำเสาหรือใช้ในการก่อสร้างต่างๆ
- ใช้ทำฟืน เผาถ่านโดยถ่านไม้ยูคาลิปตัสใช้เป็นเชื้อเพลิงติดไฟได้ดีและมีขี้เถ้าน้อย
- ยูคาลิปตัสนำไปแปรรูปและสับทำชิ้นไม้สับสามารถนำไปผลิตแผ่นชิ้นไม้อัด แผ่นใยไม้อัด แผ่นปาร์ติเกิลและแผ่นไม้อัดซีเมนต์ที่มีมูลค่าสูง
- นำไปแปรรูปทำเยื่อไม้ยูคาที่ประกอบด้วยเซลลูโลสนำไปใช้ทำเส้นใยเรยอนและทำผ้าแทนเส้นใยฝ้าย และปุยนุ่น
- นำไปทำกระดาษ จากเยื่อไม้ ซึ่งยูคาลิปตัส 1 ตัน สามารถผลิตเยื่อกระดาษได้ประมาณ 1 ตันโดยเยื่อไม้ยูคามีคุณสมบัติเด่น คือ มีความฟูสูง และมีความทึบแสงประกอบกับไฟเบอร์มีความแข็งแรงเหมาะต่อการใช้ทำกระดาษพิมพ์เขียวประเภทต่างๆ
- นำไปเพาะเลี้ยงเห็ดเพราะรากของไม้ยูคาลิปตัสจะมีเชื้อราไมคอร์ไรซาชนิดต่างๆ อาศัยอยู่เป็นตัวช่วยดูดธาตุฟอสฟอรัสให้กับต้นยูคาได้มากขึ้นช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตดี และปรับปรุงดินเสื่อมให้มีคุณภาพดีขึ้น
- ดอกยูคาลิปตัสมีน้ำหวานใช้ล่อแมลงมาผสมเกสร สามารถใช้เลี้ยงผึ้งเพื่อเก็บน้ำผึ้งได้ตลอดปี
- ใช้ผลิตไบโอออยล์หรือเชื้อเพลิงเหลว
สรรพคุณของต้นยูคาลิปตัส
- ใบและเปลือกรากมีรสขมเผ็ด กลิ่นหอม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด ลำไส้ และทางเดินปัสสาวะ ใช้ใบเป็นยาแก้ไข้ ไข้หวัดติดเชื้อ ไข้หวัดใหญ่
- ใช้เป็นยาแก้ไอ ด้วยการใช้น้ำมันที่กลั่นได้จากใบสด 0.5 มิลลิเมตร (ประมาณ 8 หยด) นำมารับประทานหรือทำเป็นยาอม
- น้ำมันยูคาลิปตัสนำมาใช้ทาคอ จะช่วยแก้ไอ หรือใช้อมแก้หวัดคัดจมูก (น้ำมันยูคาลิปตัส)
- ช่วยขับเสมหะ ด้วยการใช้น้ำมันที่กลั่นได้จากใบสด 0.5 มิลลิเมตร (ประมาณ 8 หยด) นำมารับประทานหรือทำเป็นยาอม
- ช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ
- ช่วยรักษาลำไส้อักเสบ แก้บิด
- ช่วยแก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ใช้แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน ผดผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อไวรัสบริเวณผิวหนัง
- ช่วยแก้ฝีมีหนองอักเสบ ฝีหัวช้าง
- ใช้ทาถูนวดตามอวัยวะต่าง ๆ เพื่อแก้อาการฟกช้ำ
- น้ำมันยูคาลิปตัส สามารถช่วยรักษาโรคหืด หรือผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการหายใจ ช่วยต้านการอักเสบ ละลายเสมหะ และขยายหลอดลม
ยูคาลิปตัสไร้รากแก้ว นวัตกรรมใหม่เพื่อการเพิ่มผลผลิต
หลังจากมีการนำเนื้อเยื่อของต้นยูคาลิปตัสไปผลิตเป็นกระดาษ ความต้องการในท้องตลาดก็เพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังมีการต่อยอดไปสู่สินค้าประเภทอื่นๆ อีกมากมาย ปัญหาเพียงอย่างเดียวเกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชชนิดนี้ ก็คือระบบรากแก้วที่จะทำลายความอุดมสมบูรณ์ของชั้นดินในระยะยาว ทำให้รายได้จากผลผลิตไม่คุ้มค่ากับความสูญเสียที่ต้องแลก แต่ปัจจุบันได้มีการคิดค้นและพัฒนา “ยูคาลิปตัสไร้รากแก้ว” ขึ้นมา โดยมีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ จุดเด่นคือไม่มีรากแก้วที่เป็นต้นตอของปัญหาอีกต่อไป ทั้งยังเติบโตได้รวดเร็วในทุกสภาพพื้นที่ ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเวลาจำกัด
แหล่งอ้างอิง
: https://www.dnp.go.th/EPAC/plant_economic/46yucaliptus.htm