ยูคาลิปตัส กับ 9 ขั้นตอนการปลูกและดูแล

ชื่อภาษาอังกฤษ

Eucalyptu

ชื่อวิทยาศาสตร์

Eucalyptus globulus Labill. หรือ Eucalyptus camaldulensis Dehnh.

ความหมาย

ต้นยูคาลิปตัส เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นตั้งตรง

ความเชื่อ

หากขับรถไปตามชนบทในประเทศไทย สิ่งที่เห็นได้ตามข้างทางนั้นจะเป็น ต้นยูคาลิปตัส ที่ถูกปลูกเป็นทิวแถวตามท้องไร่ นา สวน พร้อมต้นสูงละลิ่วกับลมพริ้วไหวตามคันนา รั้ว ริมคลองเลยก็ว่าได้ เพราะคนไทยมองว่าต้นยูคาลิปตัสเป็นต้นไม้ที่เติบโตเร็ว ปลูกได้แทบทุกสภาพพื้นที่ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์มากมาย ถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่แซงหน้าพืชเศรษฐกิจอื่นๆไปเลย

ต้นยูคาลิปตัส ราคา

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อท้องถิ่น : โกฐจุฬารส น้ำมันเขียว มันเขียว ยูคาลิป (ไทย), อันเยี๊ยะ หนานอัน (จีนกลาง).

วงศ์ : MYRTACEAE

ถิ่นกำเนิด : ทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย

ยูคาลิปตัสถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ปี พ.ศ. 2444 เป็นต้นไม้ที่ได้รับฉายาว่า “ต้นไม้ปีศาจ” เพราะเป็นต้นไม้ที่เติบโตเร็วแต่มักจะใช้ดูดความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพราะต้องนำไปเลี้ยงให้ต้นเติบโตโดยไม่ต้องดูแลหรือใส่ปุ๋ย หรือแม้แต่ปลูกในพื้นที่แห้งแล้ง แต่ก็ยังเติบโตได้มากถึง วันละ 7 ซม. เลยทีเดียว

ความเชื่อเกี่ยวกับต้นยูคาลิปตัส

ถึงจะไม่ได้มีเรื่องราวความเชื่ออะไรที่ชัดเจนนัก แต่คนสมัยก่อนจะหลีกเลี่ยงการปลูกต้นยูคาลิปตัสไว้ใกล้กับพื้นที่พักอาศัย ด้วยมองว่าเป็นต้นไม้ที่จะนำพาโชคร้ายมาให้ และยังเป็นต้นไม้ที่จะนำความตายมาสู่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงด้วย เมื่อเชื่อมโยงกับข้อมูลในปัจจุบันก็พบว่ากุศโลบายนี้มีประโยชน์มาก เพราะต้นยูคาลิปตัสมีคุณสมบัติที่ทำให้ดินบริเวณที่ปลูกนั้นขาดความอุดมสมบูรณ์จริง พืชชนิดอื่นที่อยู่ในรัศมีก็มีโอกาสที่จะเหี่ยวเฉาและตายไปในท้ายที่สุด ยิ่งกว่านั้นการออกดอกตลอดทั้งปียังล่อเหล่าแมลงที่อาจจะเป็นอันตรายได้อีกด้วย

ส่วนประกอบของต้นยูคาลิปตัส

ลำต้น

ยูคาลิปตัสเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้น ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10-25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มหนาทึบค่อนข้างกลม แตกกิ่งก้านจำนวนมาก เปลือกต้นมีสีน้ำตาลอ่อนปนขาว มีสีเทาสลับสีขาวและสีน้ำตาลแดง บางเรียบเป็นมันและลอกออกง่าย หรือบางแห่ง เปลือกนอกจะแตกร่อนเป็นแผ่น ๆ และหลุดออกจากผิวของลำต้น เมื่อแห้งจะลอกได้ง่าย กิ่งก้านเล็กเป็นเหลี่ยม มีจุดตากลม

– กระพี้

กระพี้ คือ เนื้อไม้ด้านนอกซึ่งอยู่ติดกับเปลือกไม้และเป็นที่อยู่ของท่อลำเลียงน้ำ (xylem) จำนวนมาก กระพี้ก็จะเพิ่มขึ้นพร้อมกับการสร้างท่อลำเลียงน้ำใหม่เมื่อเติบโตเต็มที่

– แก่น

แก่น คือ เนื้อไม้ด้านในสุดซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยกระพี้ ยูคาลิปตัสนั้นจะมีแก่นก็ต่อเมื่ออายุเกิน 15 ปีขึ้นไป

ใบยูคาลิปตัส

ยูคาลิปตัส ภาษาอังกฤษ

ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับเป็นคู่ ใบห้อยลง ลักษณะของใบเป็นรูปหอก ปลายใบแหลม กว้างประมาณ 2-7 ซม. และยาวประมาณ 12-30 ซม. แผ่นใบหนาเป็นสีเขียวอมสีน้ำเงิน มีผงคล้ายแป้งปกคลุม เส้นใบมองเห็นได้ชัดเจน ก้านใบสั้น ก้านใบยาวประมาณ 2 ซม.

ดอกยูคาลิปตัส

ออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ มีดอกประมาณ 2-3 ดอก ดอกเป็นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 ซม. ดอกมีเกสรเพศผู้หลายก้าน ออกดอกเกือบตลอดทั้งปี

ผลยูคาลิปตัส

เป็นรูปครึ่งวงกลมหรือคล้ายรูปถ้วย ปลายผลแหลม ผลอ่อนเป็นสีเขียว จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.8-2 ซม. เปลือกผลหนา มีรอยเส้นสี่เหลี่ยม 4 เส้น เมื่อผลแก่ปลายผลจะแยกออก

ยูคาลิปตัส ปลูก

สายพันธุ์ยอดนิยม

ยูคาลิปตัสเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่มีการแยกย่อยสายพันธุ์ค่อนข้างมาก เพราะมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอยู่เสมอ แต่พันธุ์ที่น่าสนใจมีดังนี้

  1. ยูคาลิปตัสพันธุ์ออสเตรเลียแดง ขนาดลำต้นจะสูงได้เต็มที่ประมาณ 8-9 เมตร จุดเด่นอยู่ที่ดอกเป็นสีแดงสด หรือเป็นสีโทนชมพูอมส้ม
  2. ยูคาลิปตัสพันธุ์สีรุ้ง นับเป็นสายพันธุ์ที่มีความสูงมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะลำต้นสามารถสูงได้มากถึง 70 เมตร จุดเด่นอยู่ที่สีสันของลำต้น เปลือกไม้จะมีหลายชั้น แต่ละชั้นก็มีสีต่างกันไป เวลาเปลือกหลุดร่อนออกจึงมองเห็นเป็นแถบสีเหมือนสายรุ้ง
  3. ยูคาลิปตัสพันธุ์เรดกัม เป็นสายพันธุ์ที่มีการเพาะปลูกมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากโตเร็ว ทนโรคได้ดี มีความสูงประมาณ 20-30 เมตร มีดอกเป็นช่อเล็กๆ สีขาว จุดเด่นอยู่ที่ความละเอียดของเนื้อไม้ ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย

วิธีปลูกและดูแลรักษาต้นยูคาลิปตัส

การเตรียมดิน

  • ควรเป็นพื้นที่ค่อนข้างราบมีการระบายน้ำได้ดี
  • ลักษณะดินควรเป็นดินร่วนปนทรายมีชั้นดินลึกมีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง

การปรับปรุงสภาพพื้นที่ก่อนปลูก

  • ในสภาพพื้นที่แห้งแล้ง เช่น ดินลูกรัง เป็นต้น
    1. ใช้แทรกเตอร์ไถเกลี่ยพื้นดิน โดยไถปาดต้นไม้ และวัชพืชเดิมออกให้หมดก่อน
    2. เมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ใช้แทรกเตอร์ผาน 3 ไถพรวน หลังจากฝนตกหนักเพื่อให้น้ำฝนซึมลงด้านล่าง
    3. ใช้แทรกเตอร์ผาน 7 ไถพรวนแปรกลับอีกครั้ง หรือ ใช้การขุดหลุมถั่วทั้งแปลง
  • พื้นที่ไร่ร้าง หรือพื้นที่กสิกรรมเก่า
    1. ใช้แทรกเตอร์ไถพรวนเพื่อกำจัดวัชพืช
    2. ไถยกร่องหรือไถผาน 7 หรือขุดหลุมปลูกได้เลย

การกำหนดระยะปลูก

  • ระยะ 2 x 2 เมตร ปลูกต้นไม้ 400 ต้น/ไร่ เหมาะสำหรับผู้มีพื้นที่น้อย
  • ระยะ 2 x 3 เมตร ปลูกตันไม้ได้ 266 ต้น/ไร่ สะดวกในการดูแลกำจัดวัชพืช เพราะรถไถสามารถไถกลบวัชพืชระหว่างแถวได้
  • ระยะ 2 x 4 เมตร ปลูกตันไม้ได้ 200 ต้น/ไร่ เหมาะสำหรับผู้ต้องการปลูกพืชไร่ ควบกับการปลูกต้นไม้
  • ระยะ 3 x 3 เมตร ปลูกตันไม้ได้ 177 ต้น/ไร่   เหมาะกับสวนป่าขนาดใหญ่ สามารถใช้รถไถไถพรวน กำจัดวัชพืชได้ทั้ง 2 แนว

การวางแนวปลูก

  • ควรกำหนดแถวหลักให้ขนานกับด้านใดด้านหนึ่งของแปลง
  • ใช้ลวดสลิงขนาดเล็กทำเครื่องหมายระยะห่างระหว่างต้นตามที่ต้องการ
  • ขึงตึงเป็นแนวตรงใช้ไม้ปักหมายตามระยะ
  • พื้นที่ลาดชันควรวางแถวของต้นไม้ขวางพื้นที่ตัดทางน้ำไหล เพื่อลดการชักล้างหน้าดิน

การขุดหลุมปลูก

  • นาดของหลุมที่ใช้ควรประมาณ 25x25x25 เซนติเมตร ถึง 50x50x50 เซนติเมตร
  • รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก เพื่อเป็นการเพิ่มธาตุอาหารในดินให้กับกล้าไม้ที่ปลูกในระยะแรก ๆ

การปลูก

  • การปลูกยูคาลิตัสชนิดเดียวล้วน ๆ การจัดการดูแลรักษาสวนป่าทำได้ง่าย สะดวก และประหยัด ส่วนปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชทำลายจะไม่ค่อยมีเนื่องจากยูคาลิปตัสมีรอบตัดฟันสั้นเพียง 4-7 ปี
  • การปลูกยูคาลิปตัสร่วมกับพันธุ์ไม้อื่น  โดยการปลูกควบคู่ไปกับไม้โตช้าเพื่อเป็นการกระจายรายได้ เพราะสามารถทยอยตัดไม้ยูคาลิปตัสขายเป็นระยะ ๆ
  • การปลูกยูคาลิปตัสแบบวนเกษตร  (การปลูกพืชเกษตรการปศุสัตว์ หรือ การประมง)

การบำรุงดูแลรักษา

  • ควรการกำจัดวัชพืชบ่อยๆ เนื่องจากยูคาลิปตัสปีละครั้ง มีความต้องการแสงและมีความสามารถในการแก่งแย่งกับพวกวัชพืชในระยะแรกได้น้อย จึงต้องกำจัดเพื่อลดการแก่งแย่งแสง และธาตุอาหาร ลดเชื้อเพลิงที่จะเกิดไฟป่าที่จะเป็นอันตรายต่อต้นไม้

การใส่ปุ๋ย

  • ใช้หลักการใส่น้อยแต่ใส่บ่อย โดยเน้นการใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกก็ได้ โดยใช้หลักว่าใส่ปริมาณน้อยแต่ใส่บ่อย ๆ โดยเฉพาะใน 2-3 ปีแรก

การเจริญเติบโต

  • ต้นยูคาลิปตัสจะให้ผลผลิตตอบแทนในระยะเวลา 4-7 ปีแรก
  • หากมีต้นที่ไม่แข็งแรง พบแมลง หรือโรค ควรตัดทิ้งทันที
ยูคาลิปตัส ประโยชน์

ประโยชน์ของต้นยูคาลิปตัส

  1. ใช้ในการก่อนสร้างต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือน ทำรั้ว ทำคอกปศุสัตว์ ทำเสาหรือใช้ในการก่อสร้างต่างๆ
  2. ใช้ทำฟืน เผาถ่านโดยถ่านไม้ยูคาลิปตัสใช้เป็นเชื้อเพลิงติดไฟได้ดีและมีขี้เถ้าน้อย
  3. ยูคาลิปตัสนำไปแปรรูปและสับทำชิ้นไม้สับสามารถนำไปผลิตแผ่นชิ้นไม้อัด แผ่นใยไม้อัด แผ่นปาร์ติเกิลและแผ่นไม้อัดซีเมนต์ที่มีมูลค่าสูง
  4. นำไปแปรรูปทำเยื่อไม้ยูคาที่ประกอบด้วยเซลลูโลสนำไปใช้ทำเส้นใยเรยอนและทำผ้าแทนเส้นใยฝ้าย และปุยนุ่น
  5. นำไปทำกระดาษ จากเยื่อไม้ ซึ่งยูคาลิปตัส 1 ตัน สามารถผลิตเยื่อกระดาษได้ประมาณ 1 ตันโดยเยื่อไม้ยูคามีคุณสมบัติเด่น คือ มีความฟูสูง และมีความทึบแสงประกอบกับไฟเบอร์มีความแข็งแรงเหมาะต่อการใช้ทำกระดาษพิมพ์เขียวประเภทต่างๆ
  6. นำไปเพาะเลี้ยงเห็ดเพราะรากของไม้ยูคาลิปตัสจะมีเชื้อราไมคอร์ไรซาชนิดต่างๆ อาศัยอยู่เป็นตัวช่วยดูดธาตุฟอสฟอรัสให้กับต้นยูคาได้มากขึ้นช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตดี และปรับปรุงดินเสื่อมให้มีคุณภาพดีขึ้น
  7. ดอกยูคาลิปตัสมีน้ำหวานใช้ล่อแมลงมาผสมเกสร สามารถใช้เลี้ยงผึ้งเพื่อเก็บน้ำผึ้งได้ตลอดปี
  8. ใช้ผลิตไบโอออยล์หรือเชื้อเพลิงเหลว

สรรพคุณของต้นยูคาลิปตัส

  1. ใบและเปลือกรากมีรสขมเผ็ด กลิ่นหอม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด ลำไส้ และทางเดินปัสสาวะ ใช้ใบเป็นยาแก้ไข้ ไข้หวัดติดเชื้อ ไข้หวัดใหญ่
  2. ใช้เป็นยาแก้ไอ ด้วยการใช้น้ำมันที่กลั่นได้จากใบสด 0.5 มิลลิเมตร (ประมาณ 8 หยด) นำมารับประทานหรือทำเป็นยาอม
  3. น้ำมันยูคาลิปตัสนำมาใช้ทาคอ จะช่วยแก้ไอ หรือใช้อมแก้หวัดคัดจมูก (น้ำมันยูคาลิปตัส)
  4. ช่วยขับเสมหะ ด้วยการใช้น้ำมันที่กลั่นได้จากใบสด 0.5 มิลลิเมตร (ประมาณ 8 หยด) นำมารับประทานหรือทำเป็นยาอม
  5. ช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ
  6. ช่วยรักษาลำไส้อักเสบ แก้บิด
  7. ช่วยแก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  8. ใช้แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน ผดผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อไวรัสบริเวณผิวหนัง
  9. ช่วยแก้ฝีมีหนองอักเสบ ฝีหัวช้าง
  10. ใช้ทาถูนวดตามอวัยวะต่าง ๆ เพื่อแก้อาการฟกช้ำ
  11. น้ำมันยูคาลิปตัส สามารถช่วยรักษาโรคหืด หรือผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการหายใจ ช่วยต้านการอักเสบ ละลายเสมหะ และขยายหลอดลม
ยูคาลิปตัส ทําอะไรได้บ้าง
www.aiofresh.com

ยูคาลิปตัสไร้รากแก้ว นวัตกรรมใหม่เพื่อการเพิ่มผลผลิต

หลังจากมีการนำเนื้อเยื่อของต้นยูคาลิปตัสไปผลิตเป็นกระดาษ ความต้องการในท้องตลาดก็เพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังมีการต่อยอดไปสู่สินค้าประเภทอื่นๆ อีกมากมาย ปัญหาเพียงอย่างเดียวเกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชชนิดนี้ ก็คือระบบรากแก้วที่จะทำลายความอุดมสมบูรณ์ของชั้นดินในระยะยาว ทำให้รายได้จากผลผลิตไม่คุ้มค่ากับความสูญเสียที่ต้องแลก แต่ปัจจุบันได้มีการคิดค้นและพัฒนา “ยูคาลิปตัสไร้รากแก้ว” ขึ้นมา โดยมีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ จุดเด่นคือไม่มีรากแก้วที่เป็นต้นตอของปัญหาอีกต่อไป ทั้งยังเติบโตได้รวดเร็วในทุกสภาพพื้นที่ ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเวลาจำกัด

แหล่งอ้างอิง

: https://www.dnp.go.th/EPAC/plant_economic/46yucaliptus.htm

อยากให้มีเนื้อหาเรื่องอะไรเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นอย่างไร เชิญคอมเม้นท์ไว้ได้เลยครับ