สายหยุด กลิ่นหอมโบราณแบไทย ๆ ปลูกยังไงให้ออกดอกตลอดปี

สายหยุด หรือ กาลัด ไม้ดอกไทยโบราณ ที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ กลิ่นหอมติดหวานนิด ๆ แต่เวลาที่ได้กลิ่นจากที่ไกล ๆ กลิ่นของดอกสายหยุดจะ หอมเย็น และไม่ฉุนมาก การปลูกต้นสายหยุดในปัจจุบัน เรามักไม่ค่อยเห็นคนเมืองปลูกต้นสายหยุดกัน ทำให้พันธุ์ไม้ประดับชนิดนี้ ไม่ค่อยเป็นที่แผร่หลายสักเท่าไร แต่วันนี้ Kaset today อยากจะทำบทความดี ๆ ให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ดอกหอมโบราณชนิดนี้กัน

สายหยุด
credit : sanwanmongkol
รู้ไหม ๆ ว่าทำไมคนโบราณ ถึงตั้งชื่อพันธุ์ไม้ดอกชนิดนี้ว่า "สายหยุด" ซึ่งเราสามารถพบการบรรยาคุณลักษณะ ของต้นสายหยุดได้จาก วรรณกรรมไทย เรื่อง "ลิลิตตะเลงพ่าย" 

สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง	
ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หาย	
ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย
วางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า
หยุดได้ ฉันใดฯ  

ดอกสายหยุดจะเริ่มส่งกลิ่นหอมแรงขึ้นเมื่อยามพลบค่ำ และจะมีกลิ่นหอมแรงที่สุดช่วงเวลาเช้ามืด แล้วกลิ่นจะค่อยๆจางลงในเวลากลางวัน จึงเรียกกันว่าสายหยุด ดังโคลงที่ยกมาขึ้นต้นด้วย “สายหยุด หยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย” นั่นเอง

ข้อมูลทั่วไปต้นสายหยุด

ชื่อภาษาไทย : สายหยุด หรือ กาลัด

ชื่ออื่น ๆ :

  • เครือเขาแกลบ (เลย)
  • กล้วยเครือ (สระบุรี)
  • สาวหยุด (ภาคกลาง, ภาคใต้)
  • เสลาเพชร (สุราษฎร์ธานี)

ชื่อภาษาอังกฤษ :

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Desmos chinensis Lour

ชื่อสกุล :

ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE


ถิ่นกำเนิด

ตามหลักฐานทางนักพฤษศาสตร์ กล่าวถึงลักษณะทางพฤกษศาสตร์ว่าเป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนตอนใต้และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงแหลมมลายู ซึ่งในประเทศไทยจะพบต้นไม้ชนิดนี้กระจายทั่วไปตามป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร


ลักษณะทั่วไปของต้นสายหยุด

ลำต้น

จัดอยู่ในประเภทไม้เลื้อยหรือไม้พุ่มรอเลื้อยที่มีความสูงราวๆ 1-5 เมตร เปลือกของต้นเป็นสีน้ำตาลเข้มจนถึงเกือบดำ ถ้าสังเกตุดี ๆ จะเห็นจุดสีขาว ๆ แล้วตามกิ่งอ่อนๆ จะมีขนสีน้ำตาลปกคลุมและมีรูสำหรับระบายอากาศ ส่วนกิ่งแก่มีลักษณะเกลี้ยงสีดำรวมถึงมีรูอากาศอยู่จำนวนมาก 

ใบ

เป็นประเภทใบเดี่ยวที่ออกแบบเรียงสลับกัน โดยใบจะมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานหรือขอบขนานแกมหอก ส่วนของปลายใบมีความเรียวแหลมประกอบกับอาจจะมีติ่งแหลม และโคนใบจะมนหรือเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กๆ ขนาดของใบมีความกว้างประมาณ 3-7 เซนติเมตร ความยาว 6-15 เซนติเมตร ด้านหลังใบจะเรียบและเกลี้ยงเป็นมัน ท้องใบออกเรียบๆ เป็นสีเขียวนวล เนื้อใบจะบางปนเหนียวและมีขนกระจายทั่ว ก้านใบมีความยาวราว 5 มิลลิเมตร ใบอ่อนมีสีแดงและมีเส้นแขนงใบอยู่ 8-10 คู่

ดอก

จะเป็นลักษณะดอกเดี่ยวซึ่งออกตรงข้ามกับใบทางด้านล่าง โดยดอกจะเป็นสีเขียวตอนเริ่มออกใหม่ๆ แล้วจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนถึงสีส้มอ่อน เส้นผ่านศูนย์กลางของดอกจะประมาณ 5-8 เซนติเมตร และกลีบดอกมี 6 กลีบ อยู่ในลักษณะแบ่งเป็น 2 ชั้น ซึ่งกลีบชั้นนอกจะอยู่แยกกันจำนวน 3 กลีบ

ลักษณะของกลีบเป็นรูปขอบขนานหรือขอบขนาดแกมรีและมีบิดงอ ความกว้างประมาณ 1.3-1.8 เซนติเมตร ส่วนความยาวราวๆ 5-13 เซนติเมตร โคนกลีบจะมีรอยคอด ปลายแหลมกับโคนตัด แล้วก็มีขนนุ่ม สำหรับกลีบชั้นในก็มี 3 กลีบ ขนาดกลีบจะเล็กกับสั้นกว่ากลีบชั้นนอก และเป็นลักษณะรูปขอบขนานหรือรูปหอกเรียงจรดแบบแยกกัน มีความกว้างประมาณ 0.5-1.3 เซนติเมตร ความยาว 2-7 เซนติเมตร ขอบจะเรียบมีขนนุ่มๆ สั้นๆ

กลีบเลี้ยงของดอกจะเป็นสีเขียวรูปทรงสามเหลี่ยมขนาดเล็กอยู่เรียงกันแบบห่างๆ จำนวน 3 กลีบ ซึ่งมีความกว้าง 5 มิลลิเมตร และความยาว 1 เซนติเมตร ทั้งนี้ตัวดอกสามารถเบ่งบานอยู่ได้นานและมีกลิ่นค่อนข้างหอมมากในช่วงเช้า จากนั้นกลิ่นจะค่อยๆ จางไปในตอนสาย ระยะเวลาการออกดอกจะอยู่ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี

ผล

จะเริ่มติดผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม โดยผลมีลักษณะเป็นกลุ่มและกลุ่มหนึ่งจะมี 5-35 ผลย่อย แต่ละผลย่อยลักษณะจะเหมือนลูกปัดคอดเป็นข้อๆ ความกว้างราว 5 เซนติเมตร ความยาว 2-4 เซนติเมตร ผลมีผิวเรียบเป็นมัน ยามผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำปนมันและห้อยลง ส่วนของก้านผลย่อยมีความยาว 8 มิลลิเมตร ก้านช่อจะยาว 2-3.5 เซนติเมตร และมีขนขึ้นกระจาย ภายในผลย่อยจะมีเมล็ดสีน้ำตาลเป็นรูปทรงกลมหรือรีกับผิวเกลี้ยงอยู่ราวๆ 2-5 เมล็ด ซึ่งเมล็ดมีความกว้าง 0.4-0.5 เซนติเมตร และความยาว 0.6-0.8 เซนติเมตร 

สายหยุด
credit : medthai
สายหยุด
credit : watprodesktop.blogspot
หลายหยุด
credit : sanwanmongkol
สายหยุด
credit : medthai

วิธีการขยายพันธุ์

สายหยุด สามารถทำได้โดย การเพาะเมล็ด และ การตอนกิ่ง แต่วิธีการเพาะเมล็ดจะเป็นวิธีที่ง่ายและนิยม เนื่องจากให้ความสะดวกกับรวดเร็ว การปลูกก็ทำได้ไม่ยากเลย


วิธีปลูกและการดูแล

วิธีปลูก

แสงแดด

ต้นสายหยุดเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย ที่อยุ่อยู่กลางแจ้ง เพราะชอบแดดตลอดทั้งวัน หรือ ถ้าได้รับแสงแดดแบบรำไรก็ได้เช่นกัน

น้ำ

ควรให้น้ำ เช้า-เย็น เป็นต้นไม้ที่ชอบความชุ่มชื้น หรือถ้าต้นไม้มากพอก็สามารถรดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้งตอนเช้า หรือรดวันเว้นวันได้ แต่ถ้าใครได้ปลุกแล้วก็จะรุ้ว่าต้นสายหยุดเป็นไม้ที่ “ฝากเทวดาเลี้ยงได้”

ดิน

ดินที่ควรใช้ คือ ร่วนซุยที่ไม่มีน้ำขัง หรือถ้าดินที่บ้านมีแนวโน้มจะเป็นดินเหนียว แนะนำในช่วงแรกเอาต้นลงปลูกให้รองก้นหลุมด้วยดินร่วนก่อน เพื่อรอให้ต้นโตได้มากกว่านี้แล้วรากของต้นไม้จะแข็งแรงพอที่รากจะหาอาหารลงในดินเนื้อแข็งได้

ปุ๋ย

ช่วงแรกสามารถใส่เป็นปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอกได้ หรือ จะใส่เป็นปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ก็ได้

การดูแล

เนื่องจากต้นสายหยุดเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย การปลุกที่จะทำให้ทรงพุ่มสวยควรปลุกใกล้รั้ว หรือ บริเวณที่มีไม้ค้ำยัน และควรเป็บบริเวณที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน หรือจะเป็นแสงแดดรำไรก็ดี


ประโยชน์ของต้นสายหยุด

ด้านคุณประโยชน์ของพรรณไม้นี้ก็มีหลากหลาย อาทิ

  • ดอก สามารถสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยและใช้บำรุงหัวใจอีกทั้งช่วยแก้อาการลมวิงเวียน
  • ต้นและราก ใช้เป็นยาอบสำหรับรักษาอาการติดยาเสพติด
  • ราก ใช้ต้มเพื่อดื่มน้ำใช้รักษาอาการปวดเมื่อย เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น สายหยุด ยังเป็นพรรณไม้ที่เหมาะแก่การนำไปเป็นไม้ประดับ ทั้งปลูกในสวนดอกไม้ ปลูกไว้ริมทางเดิน ปลูกเป็นซุ้มๆ ภายในบริเวณบ้าน หรือปลูกต้นเดี่ยวๆ พร้อมกับจัดแต่งทรงพุ่มให้เป็นเอกลักษณ์ แล้วยังสามารถปลูกให้เป็นไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมด้านบนของซุ้มนั่งร้าน เพื่อความร่มรื่นสำหรับพักผ่อนได้ด้วย


ปลูกต้นสายหยุดยังไงให้ออกดอกดก

เนื่องจากต้นสายหยุดมักจะออกดอกตลอดปี แต่ก็ออกเป็นช่วง ๆ แต่ช่วงที่ดอกออกดกมากที่จะเป็น ช่วงหน้าฝน จึงถึงปลายฤดูหนาวเลย แต่ถ้าอยากให้ต้นสายหยุดออกดอกดกตลอดปี หรือออกดอกให้มากเหมือนช่วง หน้าฝน

สิ่งที่ต้นทำคือ การตัดแต่งกิ่ง ยิ่งตัดแต่งกิ่งและ หมั่นให้ปุ๋ยหมัก 2 อาทิตย์ครั้งก็ดี และควรรดน้ำ เช้า-เย็น รถให้ชุ่ม ๆ ตั้งแต่ยอดถึงโคน หรือจะให้อาหารเสริม เช่น จุลินทรีย์ เพื่อช่วยย่อยสลายสารอาหารในดิน ก็จะทำให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี และยังทำให้ดอกออกดกอีกด้วย และยังสามารถใส่ปุ๋ยเร่งดอกก็ได้เช่นกัน


แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้