ว่านกาบหอย ไม้ประดับที่แฝงไปด้วยสรรพคุณเป็นยารักษาโรค

ว่านกาบหอย ชื่ออังกฤษ : Oyster plant, White flowered tradescantia

ว่านกาบหอย ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tradescantia spathacea หรือ Rhoeo spathacea (Swartz)

วงศ์ : วงศ์ผักปลาบ (Commelinaceae)

ชื่อเรียกอื่น ๆ : กาบหอยแครง, ว่านหอยแครง ฯลฯ

ว่านกาบหอย เป็นไม้ล้มลุก มีอายุได้หลายปี มักขึ้นเป็นกอ ๆ โดยมีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเม็กซิโก คิวบา และอเมริกากลาง นอกจากนี้ยังมีเขตกระจายพันธุ์ไปยังประเทศต่าง ๆ รวมถึงทวีปเอเชียด้วย สำหรับในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาค ถือเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่มีสรรพคุณเป็นยา แต่ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการปลูกเป็นไม้ประดับสวนมากกว่า เพราะเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย สำหรับการใช้ประโยชน์ทางยาในประเทศไทยนั้นจะไม่ค่อยนิยมมากนัก หากมีการนำมาใช้ส่วนใหญ่ก็จะนำไปต้มเป็นยาแก้ร้อนใน

ว่านกาบหอย ชื่ออังกฤษ
www.myhomemygardening.com

ความเชื่อเกี่ยวกับต้นว่านกาบหอย

ว่านกาบหอยเป็นพืชที่คนไทยสมัยโบราณคุ้นเคยและได้รับอิทธิพลความเชื่อเกี่ยวกับว่านมาจากชาวเขมรและชาวมอญ โดยนักรบในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นเชื่อกันว่า หากนักรบได้อาบน้ำที่เคี่ยวด้วยว่านจะทำให้หนังเหนียวอยู่ยงคงกระพัน มีอิทธิฤทธิ์ในการป้องกันภูตผีปีศาจ ปกป้องคุ้มครองให้คลาดแคล้วจากอันตราย ถอนพิษร้าย ดับพิษร้อน มีมนต์เสน่ห์เมตตามหานิยม ช่วยให้ค้าขายดี มีโชคลาภ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรค พืชที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจึงถูกจัดให้เป็นพืชประเภทว่าน

ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน

ว่านกาบหอยเป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงครึ่งวัน ดังนั้นหากจะนำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้านควรเลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงครึ่งวัน สำหรับการปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงเต็มวันนั้นก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ความเข้มของสีใบจะลดลง ส่วนระยะการปลูกที่ใช้ในการประดับและตกแต่ง พันธุ์ปกติระยะ 16×16 นิ้ว ส่วนพันธุ์แคระระยะ 10×10 นิ้ว

ลักษณะของต้นว่านกาบหอย

  • ลักษณะของลำต้น ว่านกาบหอยจัดเป็นไม้ล้มลุกที่มีอายุได้นานหลายปี มักจะแตกพุ่มเป็นกอแน่น ลำต้นมีลักษณะอวบใหญ่ โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร ต้นมีความสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร
  • ใบ ว่านกาบหอยเป็นใบเดี่ยว ใบจะออกจากลำต้น ออกเรียงเป็นวงซ้อนกันหลายชั้น ใบมีลักษณะเป็นรูปหอกยาวหรือรูปแกมขอบขนานปลายแหลม โดยมีความกว้างประมาณ 2-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเป็นกาบหุ้มลำต้น ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา และตั้งตรง ใบด้านบนสีเขียว ด้านล่างสีม่วงอมแดง เส้นใบขนาน มองเห็นไม่ชัด และไม่มีก้านใบ
  • ดอก ว่านกาบหอยจะออกดอกเป็นช่อบริเวณโคนใบหรือตามซอกใบ โดยช่อดอกจะมีทั้งช่อเดี่ยวและหลายช่อ ซึ่งในแต่ละช่อจะประกอบไปด้วยใบประดับที่มีลักษณะเป็นกาบ 2 กาบ มีสีม่วงแซมเขียว ลักษณะเป็นรูปหัวใจโค้ง มีความกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร โคนกาบทั้งสองประกบเกยซ้อนและโอบหุ้มดอกขนาดเล็กสีขาวที่อยู่รวมกันเป็นกระจุก ก้านช่อดอกยาวประมาณ 1-5 เซนติเมตร บริเวณโคนก้านช่อดอกมีใบประดับจำนวน 1 ใบ มีสีม่วงแซมเขียว ลักษณะเป็นรูปไข่กลีบ มีก้านดอกยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร โคนก้านดอกมีใบประดับสีม่วงอ่อนเป็นเยื่อบาง ๆ มีลักษณะเป็นรูปไข่ ซึ่งยาวได้ประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกมีกลีบเลี้ยงสีขาว 3 กลีบ มีลักษณะเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ยาวได้ประมาณ 3-6 มิลลิเมตร มีลักษณะบางและใส ส่วนกลีบดอกนั้นมีอยู่ 3 กลีบ กลีบเป็นสีขาว ลักษณะเป็นรูปไข่ มีความกว้างประมาณ 4-6 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 5-8 มิลลิเมตร แผ่นกลีบดอกหนา ตรงใจกลางดอกมีเกสรเพศผู้เป็นขนฝอย 6 อัน ก้านชูอับเรณูเป็นสีขาว รูปเรียว มีขนยาว ส่วนปลายก้านจะแผ่แบนเป็นสีเหลือง อับเรณูเป็นสีแดง รังไข่ผนังเรียบ ภายในมีช่องอยู่ 3 ช่อง โดยในแต่ละช่องนั้นจะมีออวุล 1 เม็ด ซึ่งว่านกาบหอยจะออกดอกในช่วงฤดูร้อน
  • ผล ต้นว่านกาบหอยจะมีลักษณะเป็นผลแห้ง เมื่อแก่แล้วจะแตกแยกเป็นแฉก 2-3 แฉก ผลมีลักษณะเป็นรูปกระสวย โดยมีความกว้างประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 3.5 มิลลิเมตร มีขนเล็กน้อย ภายในผลของว่านกาบหอยจะมีเมล็ดขนาดเล็ก
ลักษณะว่านกาบหอย
m.mgronline.com

สายพันธุ์

กาบหอยแครงแคระ (Tradescantia spathacea Stearn.)

มีถิ่นกำเนิดในประเทศเม็กซิโก คิวบา และอเมริกากลาง โดยเป็นไม้ล้มลุก ทรงพุ่มเตี้ย แตกกอแน่นบริเวณโคนต้น ซึ่งกาบหอยแครงพันธุ์แคระนี้จะสูงจากพื้นดินไม่เกิน 20-30 เซนติเมตร ต่างจากพันธุ์ปกติที่สูงไม่เกิน 50-70 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว โดยจะมี 2 สีในใบเดียว ได้แก่ สีเขียวและสีม่วง มีความกว้าง 2 เซนติเมตร และยาว 8 เซนติเมตร รูปร่างของแผ่นใบเป็นรูปใบหอก สำหรับการออกดอกของพันธุ์แคระนั้นยังไม่พบการออกดอก

กาบหอยแครงแคระ

วิธีการปลูกว่านกาบหอย

– ขั้นตอนแรกนำเนื้อดิน 1 ส่วน กากมะพร้าวสับกับขุยมะพร้าวรวมกัน 1 ส่วน มูลวัว 1/4 และแกลบดิบ 1/4 นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ใส่ในกระถาง
– ตัดยอดมาปักชำ หรือแยกกอของว่านกาบหอยมาปลูกลงในกระถาง
– หลังจากปลูกเสร็จรดน้ำให้ชุ่ม และนำไปวางไว้ในบริเวณที่โดนแสงแดดครึ่งวัน เมื่อครบ 1 สัปดาห์ก็สามารถนำออกแดดได้เลย

วิธีการดูแล

  • แสงแดด ว่านกาบหอยเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงครึ่งวัน ดังนั้นควรปลูกในบริเวณที่แสงแดดสามารถส่องถึง จะช่วยให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี
  • น้ำ ว่านกาบหอยชอบน้ำปานกลาง หลังจากปลูกช่วงแรก ๆ ควรรดน้ำให้ชุ่ม และนำไปไว้ในบริเวณที่แสงแดดส่องถึงแบบครึ่งวัน
  • ดิน ว่านกาบหอยเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ดังนั้นควรใช้ดินร่วนในการปลูก หรือจะผสมกับวัสดุอื่น ๆ ด้วยก็ได้เช่นกัน โดยทั่วไปแล้วว่านกาบหอยเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย หลังจากการปลูกไม่จำเป็นต้องทำอะไรกับดิน เพราะว่านกาบหอยขึ้นชื่อว่าเป็นพืชคลุมดินอยู่แล้ว
  • ปุ๋ย สำหรับการให้ปุ๋ยกับต้นว่านกาบหอยสามารถใช้ปุ๋ยคอกในการดูแลเพื่อการเจริญเติบโตได้ ซึ่งว่านกาบหอยเป็นพืชที่ดูแลง่ายอยู่แล้ว
การปลูกว่านกาบหอย
www.postsod.com

ประโยชน์และสรรพคุณต่าง ๆ

  1. ว่านกาบหอยถือว่าเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี สามารถใช้เป็นไม้ประดับหรือปลูกเป็นพืชคลุมดินได้
  2. บางพื้นที่ใช้ว่านกาบหอยร่วมกับผลมะเกลือมาย้อมผ้า ซึ่งจะทำให้สีติดทนดี
  3. ในประเทศอินเดียจะใช้น้ำคั้นจากต้นว่านกาบหอยมาผสมในหมึกสัก
  4. สามารถนำว่านกาบหอยมาเป็นยารักษาสัตว์ หากสัตว์เลี้ยงมีบาดแผลเลือดออก และฟกช้ำ ให้ใช้ต้นสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็น หรือหากวัวปัสสาวะเป็นเลือด ให้ใช้ต้นแห้งร่วมกับผักกาดน้ำ อย่างละประมาณ 60-120 กรัม ต้มกับน้ำให้วัวกิน หรือถ้าวัวถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ก็ให้ใช้ต้นว่านกาบหอยสด ๆ รวมกับพลูคาวสด และก้านบัวหลวงแห้ง อย่างละประมาณ 120-240 กรัม ผสมกับน้ำตาลทรายลงไปต้มให้วัวกิน
  5. ในประเทศอินเดียและชวาจะใช้ใบอ่อนมาปรุงเป็นอาหาร
  6. ใบของว่านกาบหอยสามารถนำมาทำน้ำดื่มหรือไวน์ได้
  7. สามารถนำใบของว่านกาบหอยมาปิ้งให้แห้ง แล้วบดให้เป็นผงผสมกับน้ำมัน หรือใช้น้ำคั้นจากต้นที่เคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา นำมาทาศีรษะจะช่วยทำให้ผมดกดำ และช่วยแก้ผมหงอกก่อนวัยได้ด้วย
  8. ในอินโดจีนจะใช้ต้นว่านกาบหอยมาต้มเอาไอรมเพื่อแก้ริดสีดวงทวาร
  9. ในประเทศมาเลเซียใช้ใบเป็นยาแก้คุดทะราด และในชวาจะใช้เป็นยาแก้กลาก
  10. ในประเทศอินเดียจะใช้ใบว่านกาบหอยผสมกับน้ำมันงา ใช้เป็นยาพอกแก้ต่อมน้ำเหลืองบวม รักษาโรคผิวหนัง และโรคเท้าช้าง
  11. ตำรายาไทยใช้ใบสดเป็นยาแก้เจ็บคอ แก้ไอ โดยใช้ใบสด 3 ใบ นำมาต้มผสมกับน้ำตาลกรวดเล็กน้อยและดื่มเป็นยา
  12. ตำรายาแก้ไอร้อนในปอด แก้อาการไอเป็นเลือด ให้ใช้ใบว่านกาบหอย 10 กรัม นำมาต้มกับฟัก ใส่น้ำตาลกรวดเล็กน้อย ใช้รับประทาน
  13. ตำรายาแก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน อันเกิดจากการทำนา ให้ใช้น้ำคั้นจากใบว่านกาบหอยมาทาบริเวณมือและเท้า จากนั้นปล่อยให้แห้งแล้วค่อยลงไปทำนา โดยการทาน้ำคั้นจากใบว่านกาบหอย 1 ครั้ง ก่อนลงและหลังลงไปทำนา จะช่วยป้องกันมือและเท้าเน่าเปื่อยได้ แต่ถ้าหากมือและเท้าเน่าเปื่อยแล้วก็สามารถทาเพื่อรักษาได้เช่นกัน ซึ่งจากการทดสอบ 2,000 ราย พบว่าได้ผลดี
  14. แก้อาเจียนเป็นเลือด โดยใช้ใบสด 3 ใบ นำมาต้มผสมกับน้ำตาลกรวดเล็กน้อยและดื่มเป็นยา
  15. ช่วยแก้อาการฟกช้ำ แก้ฟกช้ำภายใน เนื่องจากการพลัดตกจากที่สูง หรือเกิดจากการหกล้มฟาดถูกของแข็ง โดยใช้ใบสด 3 ใบ นำมาต้มกับน้ำตาลกรวดเล็กน้อย ใช้ดื่มเป็นยา
  16. ใช้แก้กรดไหลย้อน โดยใช้ใบว่านกาบหอยและใบเตยสดอย่างละเท่ากัน นำมาต้มกับน้ำจนเดือด ใช้ดื่มต่างน้ำทั้งวัน วันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และเกลือป่นอีกเล็กน้อย แล้วอาการของกรดไหลย้อนจะค่อย ๆ ดีขึ้น หากต้องการให้หายขาดก็ให้ดื่มติดต่อกันเป็นเวลา 3-6 เดือน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามกินแล้วนอนอย่างเด็ดขาด และหลังกินอาหารต้องออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยทุกครั้ง
  17. หากมีไข้ตัวร้อน สามารถใช้ใบแก่ประมาณ 10-15 ใบ นำมาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วตักใบออก เติมน้ำตาลกรวด ใช้ดื่มกินเป็นประจำเป็นยาแก้ไข้
  18. ใบและดอกมีรสจืดชุ่ม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อตับและปอด ใบใช้เป็นยาทำให้เลือดเย็น แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ โดยนำใบสด 3 ใบ มาต้มผสมกับน้ำตาลกรวดเล็กน้อย สามารถนำมาดื่มเป็นยาได้
  19. ใบและดอกมีสรรพคุณที่ช่วยแก้ปัสสาวะเป็นเลือด
  20. ใบและราก หากใช้ในปริมาณมากจะมีสรรพคุณเป็นยาถ่าย
  21. ในไต้หวันจะใช้ดอกเป็นยาพอกแผล มีดบาด และแก้บวม
  22. ตำรายาจีนจะใช้ดอกของว่านกาบหอยเป็นยาแก้อาการตกเลือดในลำไส้
  23. ใช้แก้เลือดกำเดาไหล โดยการใช้ดอกว่านกาบหอย 10 กรัม หรือดอกประมาณ 20-30 ดอก นำมาต้มกับน้ำรับประทาน
  24. ใช้แก้หวัด แก้ไอ แก้ไอเนื่องจากหวัด แก้เสมหะมีเลือด โดยใช้ดอกว่านกาบหอยประมาณ 20-30 ดอก นำมาต้มกับน้ำรับประทาน นอกจากนี้ดอกสดยังสามารถใช้เป็นยาห้ามเลือดได้อีกด้วย
  25. ดอกมีรสชุ่มเย็น ใช้ต้มกับเนื้อหมูรับประทานเป็นยาช่วยขับเสมหะ แก้ไอแห้ง ๆ
  26. ช่วยแก้บิดจากแบคทีเรีย โดยใช้ดอกแห้ง 20-30 ดอก นำมาต้มกับน้ำดื่ม
  27. รากนำมาใช้เป็นยาบำรุงตับและม้ามพิการได้ดี

ราคาต่อต้นโดยประมาณ

ว่านกาบหอยที่ปลูกในกระถางขนาด 4 นิ้ว ราคาเริ่มต้นกระถางละ 15 บาท ส่วนกระถางขนาด 6 นิ้ว ราคาเริ่มต้นกระถางละ 50 บาท โดยราคานั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของต้นและภาชนะที่ใช้ปลูก

ประโยชน์ว่านกาบหอย

แหล่งที่มา

http://clgc.agri.kps.ku.ac.th

http://www.rspg.or.th

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้