อโลคาเซีย ไม้ประดับมงคลสวยแปลกตาที่จะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้าย

อโลคาเซีย ภาษาอังกฤษ : Alocasia, Ear Elephant

อโลคาเซีย ชื่อวิทยาศาสตร์ : Alocasia indica Schott

วงศ์ : Araceae

ชื่อเรียกอื่น ๆ : บอนกระดาด, แก้วหน้าม้า, นางกวัก

อโลคาเซีย คืออีกหนึ่งไม้ประดับที่คนนิยมปลูกกันมากในปัจจุบัน เป็นไม้ล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีอายุนานหลายปี โดยรูปร่างของใบและรูปทรงของดอกนั้นมีความคล้ายกันกับบอนสี หน้าวัวใบ อโกลนีมา และฟิโลเดนดรอน ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในธรรมชาติหรือรู้จักกันในนามของบอนกระดาด โดยเฉพาะในแถบออสเตรเลียและเอเชียมักจะพบเห็นพืชชนิดนี้ ซึ่งมักจะขึ้นตามริมแหล่งน้ำหรือในป่าดิบชื้น อโลคาเซียเป็นไม้ประดับที่คนนิยมนำมาปลูกประดับในสวน ตกแต่งบ้าน อาคาร สำนักงาน ฯลฯ

อโลคาเซีย คือ
home.kapook.com

ความเชื่อเกี่ยวกับต้นอโลคาเซีย

อโลคาเซียถือเป็นต้นไม้ที่มาแรงของคนรักไม้ใบ เพราะเสน่ห์ของอโลคาเซียก็คือลักษณะของใบที่สวยงามแปลกตานั่นเอง ซึ่งมีความคล้ายกับรูปหัวใจดวงใหญ่ บ้างก็ว่าคล้ายกับหูช้าง โดยต่างชาติได้ขนานนามว่าเป็นหน้ากากแอฟริกันหรือหน้ากากฟาโรห์ ส่วนในด้านความเชื่อนั้นเชื่อว่าอโลคาเซียเป็นพืชที่ป้องกันภูตผีปีศาจไม่ให้เข้าบ้าน ตลอดจนสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ผู้ที่มีความเชื่อถือหรือศรัทธาจึงนิยมปลูกไว้เพื่อประดับตกแต่งบ้าน และถือเป็นพืชมงคลที่ช่วยขับไล่สิ่งไม่ดีอีกด้วย

ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน

อโลคาเซียเป็นพืชที่เลี้ยงดูง่ายและโตเร็ว หากจะปลูกไว้ในบริเวณบ้านควรปลูกไว้ในที่ที่มีร่มและแสงแดดรำไร ซึ่งอโลคาเซียนั้นจะชอบแสงแดดที่สว่างหรือแสงแดดในยามเช้า หากจะปลูกไว้ภายนอกตัวบ้านก็ควรปลูกไว้ในบริเวณที่เป็นร่มเงาแต่มีแสงแดดรำไร หรือหากจะปลูกไว้ภายในบ้านก็ต้องมีอากาศที่สามารถถ่ายเทได้อย่างสะดวกหรือมีแสงสว่างส่องถึงอย่างเพียงพอ

ลักษณะของต้นอโลคาเซีย

ลักษณะของลำต้น อโลคาเซียเป็นไม้ล้มลุกที่มีอายุหลายปี มีหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน เป็นเหง้ายาว โดยสร้างลำต้นใต้ดินแบบไรโซมหรือทูเบอร์ ลำต้นอยู่เหนือดินเกิดจากกาบใบซ้อนกัน ซึ่งลำต้นจะมีขนาดเล็ก ตั้งตรง โดยมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร

ใบ ใบของอโลคาเซียเป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจหรือลูกศร ขนาดของใบไม่ใหญ่มากนัก ปลายใบแหลมโคนเว้าลึก แผ่นใบเรียบเป็นมัน ขอบใบจะมีทั้งแบบเรียบและหยักเป็นคลื่น ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ มองเห็นเส้นใบได้ชัดเจน ก้านใบใหญ่และยาวได้ถึง 1-1.5 เมตร สีของใบจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์นั้น ๆ แต่ละสายพันธุ์จะมีความแตกต่างกัน ซึ่งมีหลายชนิดที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ให้มีใบที่โดดเด่น สวยงามแปลกตา โดยแต่ละสายพันธุ์นั้นก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะใบที่มีลักษณะโดดเด่นสวยงามแตกต่างกันอย่างชัดเจน

ดอก ต้นอโลคาเซียจะออกดอกตามปลายยอด โดยดอกนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับดอกหน้าวัว รูปทรงยาว

ผล ผลของอโลคาเซียจะมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมสีเขียว โดยมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง

อโลคาเซีย ภาษาอังกฤษ
packgy-hanghanghang.blogspot.com

สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม

อโลคาเซีย หูช้าง (Alocasia gageana aurea variegata)

อโลคาเซีย หูช้าง เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ใบมีลักษณะคล้ายกับหูช้าง ใบมีสีเขียวด่างเหลือง ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างโดดเด่นและชัดเจน โดยเฉพาะอโลคาเซียหูด่างช้างเหลือง และอโลคาเซียหูช้างด่างขาว ที่ได้รับความนิยมสูงมาก เมื่อต้นโตสามารถสูงได้ 45-90 เซนติเมตร พันธุ์นี้จะชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี มีความชื้นสูง เหมาะที่จะปลูกในบริเวณที่โดนแสงแดดช่วงเช้า และแสงแดดรำไร นอกจากนี้ก็ควรระวังเกี่ยวกับโรครากเน่าที่มักจะเกิดขึ้นบ่อย

อโลคาเซีย หูช้าง

อโลคาเซีย นาคราช (Alocasia lauterbachiana)

เป็นสายพันธุ์ที่คนไทยนิยมปลูกมากเนื่องจากชื่อมีความเป็นมงคล ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อของคนไทยที่มีต่อนาคราชหรือพญางู ขนาดลำต้นสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร หากมีใบสมบูรณ์สวยงาม เมื่อโตเต็มที่ลำต้นจะสูงประมาณ 3-4 เมตร ในส่วนของใบนั้นจะมีลักษณะยาว เรียว และหยัก เป็นใบทรงหอกและดูคล้ายดาบ ปลายใบแหลม ผิวใบด้านบนมีสีเขียวเข้ม ส่วนใต้ใบเป็นสีม่วง ใบค่อนข้างไปทางสีดำ จึงถูกเรียกว่านาคราชดำ หรือในภาษาไทยจะเรียกว่า “แก้วสารพัดนึกใบหยัก” ซึ่งนิยมปลูกไว้ในกระถางเพื่อประดับตกแต่งบ้านหรือสวน โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป และส่งเสริมให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง

อโลคาเซีย นาคราช

อโลคาเซีย ม้าลาย (Alocasia Zebrina)

ต้นอโลคาเซีย ม้าลาย เป็นสายพันธุ์ที่มีใบและก้านใบที่แข็งแรง โดยมีเสน่ห์อยู่ที่รูปทรงของใบที่มีรูปทรงคล้ายกับหัวใจ ลำต้นมีความสูงประมาณ 45-50 เซนติเมตร ใบสวยงามสมบูรณ์ ซึ่งเป็นใบทรงหอกสีเขียวเข้ม มีความหนาแต่บางกว่าสายพันธุ์อื่น ก้านใบยาวเป็นลายสีดำสลับเหลือง โดยจะไม่มีเส้นกลางใบสีขาวและโคนใบเว้าลึกเกือบถึงกลางใบ สำหรับชื่อ “อโลคาเซีย ม้าลาย” นั้นมาจากใบที่มีลายคล้ายกับม้าลาย โดยสายพันธุ์นี้จะเหมาะสำหรับการปลูกเพื่อประดับตกแต่งเพิ่มความสวยงาม

อโลคาเซีย ม้าลาย

อโลคาเซีย ดรากอนสเกล (Alocasia dragon scale)

เป็นสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในป่าเขตร้อนของเกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีลักษณะโดดเด่นคือมีใบหนาและเงางาม ต้นมีความสูงประมาณ 12-18 เซนติเมตร มีใบสีเขียวหรือเขียวเงิน เส้นกลางใบเป็นสีเขียวเข้ม ขอบใบเรียบเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนใต้ใบจะเป็นสีเขียวอ่อนตัดด้วยเส้นกลางใบสีน้ำตาลอมแดง โดยมีเส้นใบและลายใบที่ชัดเจน ซึ่งดูคล้ายกับหินที่แกะสลัก เมื่อโตเต็มที่ใบอ่อนจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มและลวดลายของใบจะเด่นชัด ดูมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน จึงได้รับสมญานามว่าอโลคาเซียดรากอนสเกล หรือเกล็ดมังกรนั่นเอง สายพันธุ์นี้ดูแลง่าย เหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในบ้าน

อโลคาเซีย ดรากอนสเกล

อโลคาเซีย เมโล (Alocasia melo)

เป็นสายพันธุ์ที่ชาวต่างชาติหรือชาวยุโรปนำไปเปรียบเทียบกับหน้ากากแอฟริกัน เพราะมีรูปทรงของใบและผิวใบที่ขรุขระตะปุ่มตะป่ำซึ่งคล้ายกับหน้ากากของชาวแอฟริกันที่มีลวดลายการแกะสลักบนหน้ากาก พันธุ์นี้มีลำต้นขนาดเล็ก ส่วนใบนั้นมีขนาดใหญ่ไม่มากนัก ใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบสากเล็กน้อย ก้านใบมีความอวบน้ำ เส้นใบเป็นสีดำเด่นชัด ถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่น่าสะสมและเป็นที่ต้องการของนักสะสมไม้ใบอย่างมาก เหมาะสำหรับปลูกไว้ในกระถางและวางประดับภายในบ้าน

อโลคาเซีย เมโล

อโลคาเซีย เนบิวลา (Alocasia nebula)

เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่คนรักต้นไม้หรือนักสะสมไม้ใบนิยมปลูกกันมาก ซึ่งจะนิยมปลูกไว้ในกระถางเพื่อประดับบ้านและสวน ใบมีสีสันสวยงามแปลกตา ใบเป็นสีเขียวเข้ม เส้นใบเป็นสีขาวเด่นชัด โดยเฉพาะบริเวณใต้ใบจะมีสีแดง ใบหนาคล้ายกับหนังช้าง มีความเงางาม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ดูแลรักษาได้ง่าย

อโลคาเซีย เนบิวลา

อโลคาเซีย สติงเรย์ (Alocasia stingray)

หลายคนจะเรียกว่า “อโลคาเซียปลากระเบน” เพราะมีลักษณะคล้ายกับปลากระเบน ซึ่งถือเป็นสายพันธุ์ยอดนิยมที่มีใบแตกต่างจากอโลคาเซียสายพันธุ์อื่น ลักษณะของก้านจะยาวมีลายสลับสีดำ ส่วนใบเป็นรูปทรงกลมและมีปลายแหลมยาว ผิวใบมันสีเขียวเข้ม ส่วนก้านใบมีสีขาวสลับดำ เมื่อต้นโตเต็มที่จะสูงประมาณ 1-1.2 เมตร เป็นสายพันธุ์ที่ดูแลง่ายและขึ้นชื่อว่าเป็นไม้ฟอกอากาศและไม้ดูดสารพิษอีกด้วย ซึ่งเหมาะที่จะปลูกเพื่อประดับตกแต่งบ้าน สวน สำนักงาน และสถานที่ต่าง ๆ

อโลคาเซีย สติงเรย์

อโลคาเซีย เรดซีเคร็ท (Alocasia red secret)

อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงและขายดีมาก ๆ ถือเป็นสายพันธุ์นำเข้าแต่สามารถปลูกได้ในประเทศไทย ลำต้นมีขนาดกลางความสูงประมาณ 1 เมตร ลักษณะของใบมีความคล้ายกับรูปหัวใจ ด้านหน้าของใบมีสีแดงเข้มหรือออกไปทาง Red Wine เหลือบสีบรอนซ์และม่วงเข้ม ซึ่งใบแก่จะมีสีที่เข้มกว่าใบอ่อน ผิวใบมันเงางาม เส้นกลางใบมีสีแดงเข้ม ในส่วนของลายเส้นใบนั้นจะมีความชัดเจน มีความนูนและย่นขึ้นมาทำให้ดูมีมิติเหมือนใบไม้ปลอม สำหรับการดูแลนั้นก็ไม่ยุ่งยากเลย

อโลคาเซีย เรดซีเคร็ท
walnutsth.com

อโลคาเซีย ลองกิโลบา (Alocasia Longiloba)

เป็นสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่น มีทรงต้นและทรงใบที่สวยงาม โดยเฉพาะก้านใบที่สวยงามมาก ๆ ใบมีลักษณะคล้ายกับทรงลูกศรที่มีขนาดใหญ่ ในส่วนของเส้นใบนั้นจะเป็นสีเขียวอ่อนหรือออกไปทางสีขาวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนใบจะมีสีเขียวอ่อนไปจนถึงสีเขียวเข้ม

อโลคาเซีย ลองกิโลบา

วิธีการปลูก

  • การปลูกต้นอโลคาเซียจะนิยมปลูกลงกระถาง ขั้นตอนแรกให้เตรียมวัสดุที่จะใช้ปลูก โดยวัสดุที่ใช้ปลูกนั้นควรจะเป็นวัสดุที่สามารถเก็บความชื้นไว้ได้ มีอินทรียวัตถุและระบายน้ำได้ดี
  • ใส่ดินที่มีส่วนผสมของเศษใบไม้ผุหรือดินร่วนลงในกระถางที่ใช้ปลูก และนำต้นอโลคาเซียลงไปปลูกในกระถาง
  • เมื่อปลูกเสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ และนำไปตั้งไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดรำไรประมาณ 50% หรือถ้าจะตั้งไว้ภายในบ้านก็ควรมีอากาศที่สามารถถ่ายเทได้อย่างสะดวกหรือมีแสงสว่างส่องถึงอย่างเพียงพอ

วิธีการดูแล

  • แสงแดด อโลคาเซียเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดรำไร ไม่ควรให้โดนแสงแดดจัดโดยตรง เพราะจะทำให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นควรไว้ในที่ร่ม แสงแดดรำไร ซึ่งแสงแดดที่อโลคาเซียชอบนั้นจะเป็นแสงแดดที่สว่างหรือแสงแดดในยามเช้า หากปลูกไว้ในบ้าน อาคาร สำนักงาน หรือสถานที่อื่น ๆ ควรมีอากาศที่สามารถถ่ายเทได้สะดวกหรือมีแสงสว่างเพียงพอ
  • น้ำ อโลคาเซียชอบความชื้นแต่ไม่แฉะ วัสดุที่ปลูกควรเป็นวัสดุที่สามารถเก็บความชื้นไว้ได้ มีอินทรียวัตถุและระบายน้ำได้ดี พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีน้ำขังในจานรองกระถางเพื่อป้องกันโรคเชื้อราหรือโรครากเน่า ควรรดน้ำประมาณ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ไม่ควรรดน้ำถี่หรือบ่อยมากจนเกินไป และหมั่นสำรวจและกำจัดหนอนผีเสื้อที่มักมากัดกินก้านใบและอาจลามไปกินถึงเหง้าด้วย
  • ดิน การปลูกอโลคาเซียในปัจจุบันจะนิยมปลูกลงในกระถาง ควรใช้วัสดุแห้งแต่มีความชื้นในตัวและสามารถระบายน้ำได้ดี เช่น ดินที่มีส่วนผสมของเศษใบไม้ผุหรือดินร่วน หรือจะเป็นวัสดุปลูกที่มีส่วนผสมของหินภูเขาไฟและดิน เพราะจะช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี ส่งผลให้ใบมีความสมบูรณ์และสวยงาม และสิ่งที่สำคัญก็คือไม่ควรปล่อยให้ดินแห้ง
  • ปุ๋ย สำหรับการให้ปุ๋ยกับต้นอโลคาเซียนั้นสามารถใช้ปุ๋ยอินทรีย์ได้เดือนละครั้ง หรือปุ๋ยสูตรละลายช้า 3 เดือน/ครั้ง ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว หรือจะใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยขี้วัว ตามสะดวกในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยในฤดูแล้ง

ประโยชน์และสรรพคุณ

  1. สามารถปลูกต้นอโลคาเซียเป็นไม้ประดับบ้าน อาคาร สำนักงาน และสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามได้
  2. ต้นอโลคาเซียบางสายพันธุ์สามารถฟอกอากาศและดูดสารพิษได้ หากปลูกไว้ในบ้านก็จะช่วยให้มีอากาศที่บริสุทธิ์มากขึ้น
  3. ส่วนต่าง ๆ ของต้นอโลคาเซีย ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ไหล และใบ ต่างก็มีประโยชน์ทางยา ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็ยาระบาย ช่วยแก้ท้องผูก ห้ามเลือด และขับพยาธิได้อีกด้วย

ราคาต่อต้นโดยประมาณ

สำหรับราคาของไม้ใบอย่างอโลคาเซียนั้นจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์นั้น ๆ แต่โดยทั่วไปแล้วต้นอโลคาเซียขนาดเล็กจะมีราคาประมาณ 150 บาทขึ้นไป ส่วนต้นที่โตและมีความสูง 30 เซนติเมตรขึ้นไป จะขายในราคา 1,000 บาทขึ้นไป ซึ่งแต่ละสายพันธุ์นั้นจะมีราคาไม่เท่ากัน หากเป็นพันธุ์ที่ขายดีก็จะยิ่งมีราคาสูงขึ้น

ข้อควรระวัง

ถึงแม้ว่าอโลคาเซียจะเป็นพืชที่สวยงาม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในสถานที่ต่าง ๆ แต่ใบของอโลคาเซียนั้นก็อาบไว้ด้วยยาพิษหรือสารออกซาเลต หากเผลอกินหรือได้รับเข้าสู่ร่างกายสารชนิดนี้ก็จะจับตัวกับแคลเซียมในร่างกาย ส่งผลให้เกิดการระคายเคือง หายใจไม่ออกหรือปากบวมได้ และหากสัมผัสกับผิวหนังก็จะเป็นผื่นแดงและคัน ดังนั้นควรปลูกให้ห่างจากเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยงจะดีที่สุด

แหล่งที่มา

https://kukr.lib.ku.ac.th

https://ka.mahidol.ac.th

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้