มะม่วงป่า ผลไม้รสเปรี้ยวปาก ปลูกยังไงให้ออกลูก กินได้ตลอดปี

มะม่วงป่า (Mamaungpaa) มะม่วงป่า  มะม่วงเบา มะม่วงกะล่อน  ที่ได้ยินชื่อแล้วชวนเข็ดฟัน มะม่วงพันธุ์ดั้งเดิมที่พบแพร่กระจายในป่าต่างๆทั่วประเทศ ผลมีขนาดเล็ก ค่อนข้างกลม เปลือกผล และเนื้อผลบาง แต่มีกลิ่นหอม ทั้งในผลดิบ และผลสุก นิยมรับประทานสดจิ้มพริกเกลือหรือทำน้ำพริก รวมถึงนำมาดอง ส่วนผลสุกมีกลิ่นหอมแรง เนื้อมีรสหวาน ใช้รับประทานเป็นผลไม้ รวมถึงแปรรูปเป็นไวน์ น้ำผลไม้ หรือไอศกรีม เป็นต้น มะม่วงป่า ต้นไม้ที่มีคุณประโยชน์ตั้งแต่ผลจนถึงต้น และวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับต้นไม้ที่มีชื่อว่า มะม่วงป่า กัน พร้อมแล้วมาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า

มะม่วงป่า
credit : สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
มะม่วงป่า นอกจจากเราจะมาพูดกันถึงเรื่องผลไม้ที่สามารถนำมารัปประทานได้แล้วนั้น มะม่วงป่ายังมีประโยชน์ในเรื่องการ "ย้อมสี" อีกด้วย ซึ่งกระบวนการนำวัตถุดิบของมะม่วงป่ามาย้อมสีนั้น เราก็ต้องติดตามต่อไป หรือถ้าใครอยากอยู่เกี่ยวกับลักษณะของมะม่วงป่า ว่ามันต่างจากมะม่วงปกติยังไง มีวิธีการปลูกยังไงให้ออกลูกดกตลอดปี ก็ต้องตามมา เพราะ Kaset today จะมาคุณไปล้วงลึกความลับนี้กัน 

ข้อมูลทั่วไปของมะม่วงป่า

ชื่อภาษาไทย : มะม่วงป่า

ชื่อท้องถิ่น :

  • มะม่วงกะล่อน (ภาคกลาง)
  • มะม่วงเทียน (ประจวบคีรีขันธ์)
  • มะม่วงขี้ใต้ (ภาคใต้)
  • มะม่วงเทพรส (ราชบุรี)

ชื่อภาษาอังกฤษ : Mamaungpaa

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera caloneura Kurz, Mangifera pentandra

ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE

ชื่อสกุล : Mangifera


แหล่งถิ่นกำเนิด

มะม่วงป่า หรือในชื่อที่บางคนเรียกว่า มะม่วงเบา หรือมะม่วงกะล่อน เป็นพันธุ์มะม่วงดั้งเดิมที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ในพม่า จีนตอนใต้ ลาว กัมพูชา รวมถึงประเทศไทย พบแพร่กระจายตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้นหรือป่าพรุ ซึ่งลักษณะลำต้น ใบ และผลจะแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่


ลักษณะทั่วไปของมะม่วงป่า

  • ลำต้น

มะม่วงป่า เป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบขนาดกลาง ลำต้นสูงประมาณ 20-25 เมตร ลำต้นกลม และตั้งตรง เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา เปลือกแตกเป็นร่องสี่เหลี่ยมตามแนวยาว เปลือกลำต้นด้านในมีสีเหลือง แต่เมื่อถากทิ้งให้สัมผัสอากาศจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมดำ ส่วนเนื้อไม้เป็นไม้เนื้อแข็ง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานก่อสร้างได้

มะม่วงป่า
credit : โครงการพามะม่วงป่ากลับคืนสู่ผืนป่า
  • ใบ

ใบมีรูปหอก ฐานใบมน ปลายใบแหลม แผ่นใบเหนียว มีสีเขียวเข้ม และเป็นมัน ขอบใบเรียบ ขนาดใบกว้างประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4.5-20 เซนติเมตร ยอดอ่อนหรือใบอ่อนมีสีม่วงอมแดงออกเป็นใบเดี่ยว เรียงออกสลับกันตามกิ่งใบมีก้านใบสีเขียว ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร

มะม่วงป่า
credit : โครงการพามะม่วงป่ากลับคืนสู่ผืนป่า
  • ดอก

ดอกออกเป็นช่อแขนง แทงออกบริเวณยอดกิ่ง แต่ละช่อดอกประกอบด้วยช่อดอกย่อย และแต่ละช่อดอกย่อยมีดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกย่อยมีลักษณะกลม มีสีเหลืองอ่อนหรือสีครีม เมื่อดอกบานจะส่งกลิ่นหอมอบอวน ทั้งนี้ ดอกย่อยมีทั้งดอกสมบูรณ์เพศ และไม่สมบูรณ์เพศ

มะม่วงป่า
credit : โครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น
  • ผล

ผลจะมีรูปทรงกลม ขนาดไม่ใหญ่มากที่ประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.5-3.2 เซนติเมตร สีของผลนั้นจะเป็นีสีเขียว และมีสุกก็จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง และสุกจัดเป็นสีเหลืองทั่วผลเหมือนมะม่วงที่เราเคยเห็นทั่วไปและยังมีพร้อมส่งกลิ่นหอม  ส่วนเมล็ดมีขนาดใหญ่ มีลักษณะกลม และค่อนข้างแบน เปลือกเมล็ดแข็ง และเป็นร่องตามแนวตั้งทั่วเปลือก

มะม่วงป่า
credit : โครงการพามะม่วงป่ากลับคืนสู่ผืนป่า
มะม่วงป่า
credit : โครงการพามะม่วงป่ากลับคืนสู่ผืนป่า

การขยายพันธุ์

การขยายพันธุ์มะม่วงป่าทำได้หลายวิธีเช่นการเพาะเมล็ดการตอนกิ่งการเสียบยอดหรือการทาบกิ่งซึ่งในปัจจุบันนิยม ใช้วิธีการขยายพันธุ์โดยการเสียบและการทาบกิ่งเพราะมะม่วงป่าที่ได้จะมีลำต้นที่แข็งแรงและมีรากแก้วและติดดอกออกผลได้เร็วกว่าการขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

การปลูกมะม่วงป่าสามารถปลูกได้เหมือนกับมะม่วงทั่วไป โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • ควรทิ้งระยะห่างพอประมาณและหลุมควรมีประมาณคนลึกอยู่ที่ 50 * 50 cm  
  • ขุดหลุมเสร็จแล้วตากหลุมไว้ประมาณ 3-5 วันจากนั้นได้ให้ทำการใส่ปุ๋ยคอกลงไว้ก้นหลุม แล้วนำต้นกล้าที่ได้มาวางกลางหลุมกลบดินให้สูงกว่าคนเล็กน้อย
  • แล้วนำน้ำยาป้องกันเชื้อราป้องกันแมลงผสมกับน้ำเทราดที่โคนต้นมะม่วงป่าไว้เพื่อป้องกันศัตรูพืชรบกวน

การปลูกและการดูแล

การปลูก

  • แสงแดด

ชอบแดดเต็มวัน เป็นพันธุ์ไม้ที่ควรปลูกกลางแจ้ง หรืออย่างน้อยควรได้รับแสงแดดครึ่งวัน

  • น้ำ

ในระยะแรกควรให้น้ำทุกวันหรือวันเว้นวันไปก่อน แต่พอต้นมีขนาดใหญ่ขึ้นถ้าปลูกในกระถางก็สามารถรดน้ำเมื่อดินแห้ง หรือถ้าเราปลูกลงดินแล้ว เราก็สามารถรดน้ำในช่วงหน้าร้อนได้ ส่วนหน้าฝนก็เว้นการรดน้ำไปก็ไม่เป็นไร

  • ดิน

สามารถปลูกในดินได้เกือบทุกประเภท ดินร่วนซุย ดินเหนี่ยวดินนาก็สามารถปลูกได้ แต่ถ้าเป็นดินที่ระบายน้ำดี มีอินทรีย์วัตถุมาก ก็จะทำให้การเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น

  • ปุ๋ย

การรใส่ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ย 1-3 ปีต่อครั้งคือช่วงต้นฤดูฝนและช่วงปลายฤดูฝน

การดูแล

  • โรคและแมงศัตรูพืช

โรคที่พบมากคือโรคแอนแทรกซ์โนส โรคที่เกิดกับทุกส่วนของต้นมะม่วงป่าอาการคือการที่มีใบเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ

  • วิธีป้องกัน

วิธีการป้องกันควรตัดแต่งกิ่งให้ได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึงรวมถึงตัดกิ่งที่เป็นโรคทิ้งซึ่งการทำลายจะทำลายด้วยการเผาหรือ จะส่งที่ควรต้นเพื่อให้ควันไล่แมลงด้วยก็ได้

เกร็ดความรู้ ! ปลูกยังไงให้ลูกดก

ขั้นตอนการกระตุ้นติดผล เพื่อจัดการผลผลิต

1. ตัวแต่งกิ่ง ให้แตกยอดใหม่
2. โน้มกิ่งเพื่อกระตุ้น แตกใบและออกดอก
3. ใส่ปุ๋ย เพื่อสะสมอาหาร (บำรุง) แนะนำเป็นการใช้สูตร 18:46:0 และ 16:16:16 เพื่อกระตุ้นการออกดอก ใส่ทุก 20 วัน
4. ไม่ควรขุดในหลุมลึกเกินไป เพราะไม้ผลจะให้รากฝอยหาอาหารที่ผิวดิน
5. ไม่ต้องลองก้นหลุม
6.ใช้ปุ๋ยขี้วัวแทนการใช้ปุ๋ยขี้ไก่ขี้หมู

การใส่โดโลไมด์...

เป็นสารที่มีประโยชน์และควรใส่หลังจากการใส่ปุ๋ยขี้วัวเลย มีลักษณะและประโยชน์ดังนี้
1. เม็ดกลมสีขาว
2. ใส่ปุ๋ยขี้วัวเสร็จก็ใส่โคโลไมค์ต่ออีก 2 กรัม
3.ใส่เผื่อปรับความเป็นกรดเป็นด่าง ฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรียได้ดี
4. ใส่ทุก 3 เดือน
5.กระตุ้นระบบรากได้ดี เป็นตัวทำปฏิกิริยาสารอาหารในดินในต้นไม้ดูดซึมได้ง่ายยิ่งขึ้น

ประโยชน์และสรรพคุณ

ประโยชน์

  • ผลสุกมะม่วงป่ามีสีเขียวอมเหลืองหรือสีเหลืองทั้งผล เปลือกผล และเนื้อผลค่อนข้างบาง แต่มีรสหวาน และมีกลิ่นหอมมาก จึงใช้รับประทานเป็นผลไม้
  • ผลดิบมะม่วงป่า นิยมรับประทานจิ้มกับพริกเกลือ เพราะมีกลิ่นหอม มีรสเปรี้ยวพอเหมาะ และมีความกรอบ นอกจากนั้น ชาวอีสานยังนิยมนำผลดิบมาทำน้ำพริก หรือตำใส่กะปอมหรือแย้ที่เรียกว่า ก้อยแย้หรือก้อยกะปอม เพราะให้กลิ่นหอมต่างจากมะม่วงชนิดอื่น
  • ผลดิบมะม่วงป่าที่เปลือกเมล็ดยังไม่เข้าแกนหรือแข็ง นิยมใช้ดองเกลือเป็นมะม่วงดอง ซึ่งมีรสอร่อยมากกว่ามะม่วงดองชนิดอื่นๆ
  • ผลสุกมะม่วงป่านำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ไวน์ ไอศกรีม และมะม่วงกวน เป็นต้น
  • ยอดอ่อนหรือใบอ่อนใช้รับประทานสดหรือรับประทานจิ้มน้ำพริก มีรสเปรี้ยวอมเฝื่อนเล็กน้อย
  • เนื้อไม้เป็นไม้เนื้อแข็ง เนื้อไม้วงนอกมีสีเหลืองอมน้ำตาลเล็กน้อย เนื้อไม้วงในสุดมีด่างสีน้ำตาลอมดำ สามารถใช้แปรรูปเป็นฝาบ้าน วงกบ ไม้ฝ้า เป็นต้น รวมถึงแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ
  • เนื้อไม้ท่อนใหญ่ใช้เผาถ่าน หรือผ่าเป็นฝืน ส่วนกิ่งใช้เป็นฝืนหุงหาอาหารเช่นกัน

สรรพคุณมะม่วงป่า

มะม่วงป่านั้นมีประโยชน์หลายด้านด้วยกันไม่ว่าจะเป็น

  • ผลมะม่วงป่า

ผลมะม่วงป่านั้นสามารถที่จะต้านอนุมูลอิสระได้จึงช่วยให้สามารถเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกายรวมถึงสามารถที่จะช่วยต้านโรคมะเร็งและยังช่วยชลอความแก่ได้อีกด้วย

  • เปลือกลำต้น (ต้มดื่ม)

เปลือกของต้นมะม่วงป่านั้นมีสรรพ แก้อาการท้องเสีย และช่วยในเรื่องของการขับปัสสาวะ


มะม่วงป่า…ทำสีย้อมผ้า

ส่วนที่ใช้ : เปลือกต้น

สีที่ได้: สีน้ำตาลอ่อน หรือ สีเหลืองอ่อน

เทคนิควิธีการย้อมสี: ส่วนที่ใช้ในการย้อมเส้นใยคือ เปลือกต้นด้านใน โดยลอกเอาเฉพาะเปลือกต้น นำมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อสกัดเอาสีด้วยวิธีการต้มในน้ำ อัตราส่วน 1:2 นาน 1 ชั่วโมง จึงกรองเอาน้ำสีที่ได้ไปย้อมเส้นใย เปลือกสด 15 กิโลกรัม สามารถย้อมเส้นใยได้ 1 กิโลกรัม สีของเส้นใยที่ผ่านการย้อมจะได้สีน้ำตาลอ่อน จากนั้นนำเส้นใยที่ผ่านการย้อมแช่ในสารละลายสารส้ม จะได้สีเหลืองอ่อน

แหล่งอ้างอิง

งานข้อมูลท้องถิ่น สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ชาวสวน ยุคใหม่

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้