พริกไทย ราชาเครื่องเทศ พืชเศรษกิจสร้างรายได้ให้คนไทย

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อท้องถิ่น : พริกขี้นก, พริกไทยดำ, พริกไทยขาว, พริกไทยล่อน, พริกน้อย (ภาคเหนือ), พริก (ใต้) เป็นต้น

ชื่ออังกฤษ : Pepper

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Piper nigrum L.

วงศ์ : PIPERACEAE

พริกไทย เครื่องเทศเก่าแก่ชั้นเลิศที่เคยได้รับขนานามว่่าเป็นเครื่องเทศสำหรับชนชั้นสูงในสมัยกรีกโรมัน เพราะถือเป็นของหายาก และราคาแพง จนแทนเงินตราได้ หรือเรียกว่า “ทองคำดำ” ใช้สำหรับแต่งกลิ่น รส อาหารให้เป็นเอกลักษณ์

พริกไทยเป็นเครื่องเทศรสเผ็ดที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยมาช้านาน มีตำรับอาหารมากมายที่ต้องมีพริกไทย เช่น แกงเลียง คั่วกลิ้ง เป็นต้น และยังสามารถใช้เป็นยาสมุนไพรซึ่งปรากฏในตำรายาหลากหลายชนิด ปัจจุบันพริกไทยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย โดยในไทยนิยมปลูกพริกไทยในจันทบุรี ตราด และระยอง

ต้นพริกไทย

 ส่วนประกอบของต้นพริกไทย

ต้น

ลักษณะของต้นพริกไทย สูงประมาณ 5 เมตร ลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลักษณะลำต้นจะเป็นข้อๆโป่งนูนใช้สำหรับยึดเกาะ

ใบ

มีสีเขียวสดคล้ายใบโพ เป็นใบเดี่ยวออกสลับ ใบออกตามข้อเป็นรูปไข่ กว้าง 5-8 ซม. ยาว 8-11 ซม. ก้านใบยาว 2-3 ซม.โคนมนหรือเบี้ยวไม่เท่ากัน ปลายแหลม ขอบใบเรียบ ผิวเรียบมัน เนื้อใบหนา ท้องใบอาจพบสารเคลือบใบสีขาวปกคลุม เส้นใบนูน หลังใบสีเขียวเข้ม

ดอก

ดอกขนาดเล็ก ออกช่อตรงข้อของลำต้น แต่ละช่อมี 5-150 ดอก ดอกย่อยสมบูรณ์เพศ มีเกสรตัวผู้ 2 อัน ดอกกลม ไม่มีกลีบรองดอกและกลีบดอก เริ่มบานจากโคนไปปลายช่อ ช่อดอกมีสีเหลืองอมเขียว เมื่อแก่จะมีสีเขียวและปลายช่อดอกห้อยลงดิน ดอกจะบานหมดทั้งช่อ 5-7 วัน

ผล

ลักษณะเป็นพวงมีเมล็ดกลมๆ ติดกัน ขนาด 0.3-0.5 ซม. ออกเป็นพวงผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกจะมีสีแดง เมื่อแห้งจะมีสีดำและมีผิวย่น ภายในผลจะมี 1 เมล็ด

เมล็ด

มีสีขาวนวล แข็ง ค่อนข้างกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-4 มม. เมล็ดมีกลิ่นฉุนและมีรสเผ็ด หากนำผลสุกมาแช่น้ำ เพื่อล่อนเปลือกชั้นนอกออกและนำมาผึ่งให้แห้ง จะได้

สายพันธุ์ของต้นพริกไทย

  • พันธุ์ซาราวัคหรือพันธุ์คุชซิ่ง (พันธุ์มาเล)
    เป็นพันธุ์ที่ชาวจันทบุรีนิยมปลูก เพราะทนรากเน่า และเติบโตได้ดีกว่าพันธุ์จันทบุรี(ที่เคยปลูกเดิม) ทำให้ได้ผลผลิตที่สูง เหมาะกับการใช้สำหรับพริกไทยแก่
  • พันธุ์ซีลอนยอดแดง
    เป็นพันธุ์นำเข้าจากศรีลังกา ปลูกเพื่อขายเป็นพริกไทยสด มากกว่าการนำไปทำพริกไทยดำหรือขาว ลักษณะยอดเป็นสีแดงจึงถูกเรียกว่าเป็น “ซีลอนยอดแดง”
  • พันธุ์ซีลอนยอดขาว (PANIYUR-1)
    ลักษณะเป็นเถาอ่อน สีเขียวอ่อนเกือบขาวโดยเฉพาะยอด ช่อผลจะยาวกว่าพันธุ์ศรีลังกาเล็กน้อย เจริญเติบโตเร็วกว่าพันธุ์มาเล ผลสดจะมีลักษณะโตกว่าพันธุ์มาเล ปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นพริกไทยสด
พริกไทย ราคา

วิธีการปลูกของต้นพริกไทย

การปลูกพริกไทย สภาพแวดล้อมของต้นพริกไทยต้องไม่เป็นพื้นที่ไม่มีน้ำท่วมขัง สูงจากน้ำทะเล 0-1,200 เมตร มีความลาดเอียง 0-25 องศา หากมากกว่า 15 องศาควรทำแปลงเป็นขั้นบันไดเพื่อป้องกันการทลายของหน้าดิน

การเตรียมดิน

  1. ไถพรวนดิน และขุดหลุมลึก 40-60 ซม.
  2. เตรียมดินด้วยการใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก 2-3 ตันต่อไร่
  3. ใส่ Dolomite หรือปูนขาว
  4. ผสมดินกับปุ๋ยอินทรีย์ อัตรา 1:1 นำไปใส่ในหลุมครึ่งหลุม
  5. ตากดินทิ้งไว้ 15 วัน

การเตรียมพันธุ์

ใช้ลำต้น (เถา) ของส่วนยอดที่มีอายุ 1-2 ปี ตัดเป็นท่อนๆ ให้มี 5-7 ข้อ เพื่อใช้สำหรับการปักชำ

การเตรียมค้าง

  1. ใช้ค้างไม้แก่นหรือปูนซีเมนต์ ขนาด 4 เมตร
  2. ฝึงลึก 50-60 ซม. กลบดินให้แน่น

การปลูก

  1. ขุดหลุมปลูกกว้าง 40 ซม. ห่างกัน 15 ซม. ต่อ 1 ค้าง
  2. ระยะปลูก 2*2 เมตร
  3. ใช้วัสดุพรางแสงไม่ให้โดนแดดจัด
  4. ขุดหลุมบริเวณรอบๆค้าง ค้างละ 2-3 หลุม
  5. นำกิ่งชำของพริกไทยมาปักลงในหลุมรอบค้าง ให้ปลายยอดเอนเข้าหาค้าง หันด้านที่มีรากออก กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม
  6. รดน้ำทุกวันจนกว่าพริกไทยจะตั้งต้นได้ จึงจะให้น้ำ 2-3 วันครั้ง
  7. เมื่อเริ่มแตกยอด ให้จัดยอดให้เรียงขนาดขึ้นรอบค้าง และใช้เชือกฟางผู้จนกระทั่งยอดท่วมค้าง
  8. หลังจากพริกไทยออกดอกให้ปลิดช่อดอกทิ้งทั้งหมด
  9. หลังจากปีที่ 3 ให้ทิ้งช่อดอกไว้
  10. หากต้องการยอดไปทำพันธุ์ให้ตัดเถาให้เหลือ 50 ซม. เมื่อแตกยอดใหม่ให้เริ่มจัดเถาให้ขนานกับค้างใหม่อีกครั้ง
ปลูกพริกไทย

วิธีการดูแลของต้นพริกไทย

ดิน

  • ต้นพริกไทยจะชอบดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนเหนียว มีความอุดมสมบูรณ์สูง ระบายน้ำได้ดี
  • ความลึกของหน้าดินต้องมากกว่า 50 ซม. และความเป็นกรดด่าง 5.5-6.5

ปุ๋ย

  • ใส่ dolomite หรือปูนขาว ปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 400–500 กรัม/ค้าง ก่อนใส่ปุ๋ยเคมี 2–4 สัปดาห์ โดยเฉพาะในกรณีที่ดินมีสภาพเป็นกรด
  • ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อัตรา 2–5 กิโลกรัม/ค้าง หรือแบ่งใส่ปีละ 2–3 ครั้ง
  • ปีที่ 1 สูตร 15–15–15 หรือ 12–12–17+2Mg อัตรา 400–500 กรัม/ค้าง
  • ปีที่ 2 สูตร 15–15–15 หรือ 12–12–17+2Mg อัตรา 800–1,000 กรัม/ค้าง แบ่งใส่ 3–4 ครั้ง
  • ปีต่อไป
    ครั้งที่ 1 ใช้สูตร 15–15–15 อัตรา 400–500 กรัม/ค้าง ใส่หลังเก็บเกี่ยว
    ครั้งที่ 2 สูตร 8–24–24 อัตรา 400–500 กรัม/ค้าง ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
    ครั้งที่ 3 สูตร 12–12–17+2 Mg อัตรา 400–500 กรัม/ค้าง ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม

น้ำ

  • ควรให้น้ำในรูปแบบ mini sprinkler
  • ระยะเวลาการให้น้ำ หลังปลูกควรรดน้ำทุกวันหรือวันเว้นวัน เมื่อพริกไทยตั้งตัวได้ ลดเหลือ 2–3 วัน/ครั้ง พริกไทยที่ให้ผลผลิตแล้วควรให้ 3–4 วัน/ครั้งตามสภาพดินฟ้าอากาศ

ประโยชน์ต้นพริกไทย

● ใช้เป็นเครื่องเทศปรุงรสได้ทั้งอ่อนและแก่ เช่น แกงเผ็ด ฉู่ฉี่ แกงกะหรี่ แกงเลียง ทอดมัน ผัด โจ๊ก ข้าวผัด เป็นต้น

สรรพคุณต้นพริกไทย

  • ขับลมในลำไส้  ขับลมในท้อง
  • แก้ปวดท้อง
  • ช่วยขับไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย
  • ใช้เป็นสมุนไพรลดน้ำหนัก นิยมใช้เป็นส่วนผสมของยาลดน้ำหนัก หรืออาหารเสริม
  • แก้ลมวิงเวียน
  • ช่วยย่อยอาหาร
  • แก้ลมพรรดึก (ก้อนอุจจาระที่แข็งกลม)
  • แก้อติสาร (โรคลงแดง)
  • แก้ลมจุกเสียด แก้แน่น ปวดมวนในท้อง
  • แก้เสมหะ แก้ไอ
  • บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ขับผายลม
  • ช่วยให้เจริญอาหาร
  • ขับเหงื่อ ลดความร้อนในร่างกาย
  • ช่วยขับปัสสาวะ
  • เป็นยาอายุวัฒนะ
พริกไทย ลักษณะ

ราคาต้นพริกไทย

พริกไทยซีลอน

  • กิ่งตอนหรือกิ่งตุ้มพริกไทย ราคากิ่งละ 20-30 บาท
  • ถุงชำหรือต้น ราคาถุงละ 30-50 บาท

พริกไทยมาเล

  • กิ่งตอนหรือกิ่งตุ้มพริกไทย ราคากิ่งละ 18-30 บาท
  • ถุงชำหรือต้น ราคาถุงละ 25-40 บาท

แหล่งอ้างอิง

http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_06_5.htm

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้