สมอพิเภก ภาษาอังกฤษ Beleric Myrobalan
สมอพิเภก ชื่อวิทยาศาสตร์ Terminalia bellirica (Gaertn.) Roxb.
เมื่อพูดถึงสมุนไพรในตระกูลสมอแล้ว อย่างไรเสียก็ขาดสมอพิเภกไปไม่ได้ เพราะนิยมใช้ร่วมกับสมอไทยในตำรับยาโบราณอยู่เสมอ เดิมทีเราจะพบต้นสมอพิเภกได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยส่วนมากจะอยู่ในป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ ต่อมาจึงมีการนำมาเพาะในลักษณะของไม้เลี้ยงและพืชการเกษตร เพื่อต่อยอดผลผลิตให้เป็นประโยชน์ในวงการแพทย์ วงการอาหาร และอุตสาหกรรมผลิตข้าวของเครื่องใช้
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นสมอพิเภก
ในด้านความเชื่อที่เกี่ยวกับการเสริมสิริมงคล สมอพิเภกจะถูกจัดกลุ่มอยู่ในประเภทเดียวกับสมอสายพันธุ์อื่น คือเชื่อว่าหากปลูกไว้ในเขตรั้วบ้านแล้วบำรุงให้เจริญงอกงามดี ก็จะส่งเสริมให้เจ้าของบ้านได้โชคลาภตามสมควร หมายความว่าพื้นฐานเจ้าของบ้านก็ต้องมีศีลธรรมและประพฤติตัวอย่างเหมาะสมด้วย หากปลูกไว้ในพื้นที่ทำการค้าก็จะช่วยส่งเสริมให้การค้านั้นดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่จะไม่สามารถใช้เพื่อส่งเสริมงานที่เข้าข่ายไม่สุจริตได้
ตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การปลูกภายในบริเวณบ้าน
ก่อนอื่นให้มองหาตำแหน่งที่จะมีแดดส่องถึงตลอดทั้งวันเสียก่อน เพราะถ้าแดดไม่พอก็จะทำให้ต้นสมอไม่ออกผลมากเท่าที่ควรได้ และยังสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคพืชได้ง่ายอีกด้วย หากได้พื้นที่บริเวณริมรั้วด้านหน้าหรือด้านข้างที่ไม่ติดกับใครก็จะดีมาก แต่จะต้องตัดแต่งกิ่งอยู่เสมอเพื่อไม่ให้พุ่มใบรกทึบ
ลักษณะของต้นสมอพิเภก
- ลักษณะของลำต้น ความสูงของต้นสมอพิเภกโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 20-25 เมตร เป็นไม้ยืนต้นที่มีการผลัดใบตามฤดูกาล เปลือกนอกเป็นสีน้ำตาลอมเทา มีรอยแตกให้เห็นบ้างเล็กน้อย กิ่งอ่อนที่ยังเล็กมีสีเขียวเข้มและผิวเรียบลื่น โคนต้นมีขนาดใหญ่และมักจะมีส่วนที่เป็นพูพอนอยู่ด้วย
- ใบ รูปทรงใบเรียวยาวเป็นวงรี ปลายใบแหลม ผิวใบเป็นมันเงาและมีเส้นใบชัดเจน เนื้อใบหนาเป็นสีเขียวเข้ม หลังใบมีขนอ่อนกระจายตัวอยู่ทั่วตั้งแต่โคนจรดปลาย
- ดอก ดอกมีขนาดค่อนข้างเล็กและอยู่รวมกันเป็นช่อคล้ายหางกระรอก ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง มีโทนสีเหลืองอมเขียว ปลายช่อดอกจะโค้งลงด้านล่างเสมอ
- ผล ทรงผลค่อนข้างกลมและป้อมสั้น ผิวนอกแข็ง มีสันเตี้ยๆ 5 สันกระจายตัวรอบผล พร้อมกับมีขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุม ด้านในมีเมล็ดเดี่ยวให้รสฝาด เนื้อสมอจะให้รสเปรี้ยวเมื่อยังเป็นผลอ่อน และมีรสฝาดหวานผสมเมื่อผลเริ่มแก่
สายพันธุ์ยอดนิยม
สมอพิเภกนั้นมีหลายชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น เช่น สมอแหน ต้นลัน สะคู้ เป็นต้น โดยชื่อเหล่านี้ไม่ได้เป็นการแบ่งแยกสายพันธุ์แต่อย่างใด ด้วยว่าปัจจุบันยังไม่มีการพัฒนาต่อยอดหรือดัดแปลงสายพันธุ์ของสมอพิเภกดั้งเดิม มีแค่การค้นหาวิธีที่จะทำให้ต้นสมอเติบโตเร็วและให้ผลผลิตได้ตามต้องการเท่านั้น
วิธีการปลูกต้นสมอพิเภกให้เจริญงอกงาม
ฤดูกาลที่เหมาะกับการปลูกสมอพิเภกมากที่สุดคือฤดูฝน เพราะต้นกล้าจะติดง่ายและโตไว เริ่มจากนำเมล็ดที่มีสภาพสมบูรณ์มาเพาะลงในถุงเพาะกล้า รดน้ำและวางไว้ให้ได้รับแดดในช่วงเช้า หลังจากต้นกล้ามีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปจึงนำเอาลงดินในตำแหน่งที่ต้องการได้ ขนาดหลุมควรกว้างยาวและมีความลึกเท่ากันประมาณ 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกที่ผสมกับดินปลูกเรียบร้อยแล้ว นำต้นกล้าลงพร้อมกลบดินให้รอบโคนต้นให้เป็นหลังเต่า หากปลูกหน้าฝนให้รดน้ำครั้งเดียวหลังปลูกเสร็จ ที่เหลือปล่อยตามธรรมชาติได้ หลังผ่านไป 6 เดือนให้เสริมปุ๋ยคอกปีละ 1-2 ครั้ง
วิธีการดูแลรักษา
- แสง ต้องการแสงแดดตลอดทั้งวัน
- น้ำ ในฤดูฝนสามารถงดให้น้ำได้ แต่นอกนั้นให้รดน้ำอาทิตย์ละ 3-5 ครั้ง
- ดิน สมอพิเภกโตได้ในดินทุกประเภท แต่โตได้ดีที่สุดในดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี
- ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกให้กับต้นที่นำลงดินแล้วปีละ 1-2 ครั้ง
คุณประโยชน์ที่ได้จากต้นสมอพิเภก
- ลำต้น ส่วนเปลือกใช้เป็นยาต้มดื่มเพื่อขับปัสสาวะ ใช้ฟอกหนังและทำหมึกได้ ส่วนเนื้อไม้ด้านในจะนิยมนำมาทำเป็นข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ในงานเกษตร และใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างที่พักอาศัย
- ผล ผลสมอพิเภกเป็นส่วนที่ใช้ประโยชน์ได้มาก โดยผลอ่อนที่ยังมีรสเปรี้ยวจะใช้เป็นยาระบาย ขับลมในกระเพาะอาหาร ลดไข้ หรือทำเป็นยาอมลดอาการไอแบบมีเสมหะ ผลแก่จะถูกใช้เพื่อบำรุงธาตุ บรรเทาริดสีดวงทวาร ลดอาการท้องร่วง และใช้เพิ่มความชุ่มคอ นอกจากนี้ยังใช้ผลแห้งลดอาการเจ็บคอจนเสียงหายได้อีกด้วย
- ดอก ใช้เป็นส่วนผสมตัวยาเพื่อบรรเทาโรคที่เกิดขึ้นภายในดวงตา
- ใบ นิยมบดละเอียดแล้วใช้เป็นยาสมานแผล
ถึงประโยชน์จะมากแต่ก็มีโทษด้วยเหมือนกัน
อีกหนึ่งความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมุนไพรไทยที่ค่อนข้างน่ากังวลใจก็คือ หลายคนคิดว่าเมื่อเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ถูกเลือกใช้มาอย่างยาวนาน ก็มั่นใจไปเลยว่าปลอดภัยมากกว่าสารสังเคราะห์แน่นอน แต่ความจริงคือทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ สมอพิเภกที่นับว่ามีประโยชน์หลากหลาย หากใช้เกินขนาดก็ทำร้ายร่างกายได้เหมือนกัน โดยอาการจะเริ่มจากวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลายแบบไม่รู้สาเหตุ คลื่นไส้ และหากใช้ติดต่อกันก็มีผลเช่นเดียวกับสารเสพติดด้วย ตรงนี้จึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ