ต้นสน ไม้มงคลแห่งความมั่นคงและกล้าหาญ

ถ้าจะมองหาต้นไม้ที่แข็งแรงทนทานจนเราแทบไม่ต้องดูแลอะไรเลย ต้นสนจะเป็นพันธุ์ไม้ที่ติดอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ต้นสนก็สามารถเจริญเติบโตได้ดีเสมอ แถมยังมีรูปทรงของพุ่มใบที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ขนาดมองอยู่ไกลๆ ก็ยังรู้ได้ว่าเป็นต้นสน ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ พร้อมกับใช้เสริมความเป็นสิริมงคลในแง่ของความกล้าหาญอีกด้วย

ความเชื่อเกี่ยวกับไม้มงคล

จุดเริ่มต้นเกี่ยวกับความเชื่อของต้นสนมาจากประเทศจีน เพราะสนเป็นไม้เมืองหนาวที่มีความอดทนสูง ทนสภาพอากาศอันเลวร้ายได้ ทนความแห้งแล้งก็ได้เช่นกัน ขนาดมีพายุหิมะพัดผ่านมา จนต้นไม้หลายชนิดล้มตายไป ต้นสนก็ยังคงยืดหยันจนผ่านช่วงเวลาย่ำแย่ขนาดนั้นมาได้ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและสง่างาม หากนำต้นสนที่เหมาะสมมาปลูกไว้ภายในรั้วบ้าน ก็จะช่วยให้คนในบ้านมีจิตใจที่เข้มแข็ง อายุยืนยาว ไม่ว่าเจออุปสรรคยากเย็นสักแค่ไหน ก็จะสามารถฟันฝ่าและก้าวข้ามไปได้อย่างสวยงาม คนที่ประกอบอาชีพในเครื่องแบบนิยมปลูกไว้เพื่อเสริมบารมี พร้อมกับใช้เป็นเครื่องเตือนใจให้ยึดมั่นในความเด็ดเดี่ยวและความซื่อสัตย์กับงานของตัวเองด้วย

ตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การปลูกภายในบริเวณบ้าน

มีต้นสนเพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นที่นิยมปลูกไว้ภายในรั้วบ้าน เนื่องจากขนาดของลำต้นที่ใหญ่ขึ้นทุกปี บางสายพันธุ์สามารถโตเต็มที่ได้เป็นร้อยเมตร ดังนั้นก่อนตัดสินใจว่าจะปลูกต้นสนบริเวณไหน ให้เลือกก่อนว่าจะปลูกพันธุ์อะไรได้บ้าง จากนั้นมองหาตำแหน่งที่ต้นไม้จะได้รับแสงแดดต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ถ้าได้ตามแนวรั้วหรือขอบเขตที่ดินก็จะดีมาก

ส่วนประกอบของต้นสน

ลักษณะของลำต้น

ต้นสนส่วนมากมีขนาดใหญ่ ลำต้นตั้งตรงสูงชะลูดขึ้นด้านบน เนื้อไม้มีตั้งแต่โทนสีน้ำตาลไปจนถึงเทาดำ ผิวขระขระและมีรอยแตก กิ่งก้านแตกออกเป็นชั้นๆ คล้ายทรงฉัตร

ใบ

ใบสนนั้นมีหลากหลายแบบ ต่างกันไปตามสายพันธุ์ บ้างเป็นเส้นยาว บ้างเป็นใบหนาเป็นเกล็ด แต่โดยรวมแล้วจะมีสีเขียวเข้มเหมือนกันหมด

ดอก

ดอกมักจะออกเป็นพูเล็กๆ ตามยอด มีทั้งดอกที่เป็นสีขาวครีมและสีน้ำตาล

ลูกสน

รูปร่างค่อนข้างหลากหลาย มีเปลือกแข็งและหนา แต่น้ำหนักเบา เพื่อให้สามารถพัดพาไปตามแรงลมได้

สายพันธุ์ยอดนิยม

ต้นสนที่นิยมปลูกในบ้านเรามีทั้งแบบที่เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม และแบบที่นำเข้าจากต่างประเทศ หากไล่เรียงดูแล้วอาจพบเป็นร้อยสายพันธุ์ ดังนั้น ครั้งนี้เราจะหยิบยกมาเฉพาะสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อย และเป็นพันธุ์ที่ทุกคนน่าจะหาไปปลูกเองได้ง่าย

สนสองใบ

เป็นไม้ขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ พบได้มากทางภาคใต้และตะวันออก ลักษณะของใบจะเป็นเส้นยาวสีเขียว อยู่รวมกันเป็นพุ่มคล้ายแปรงล้างขวด ให้ยางสนปริมาณมากในแต่ละปี

สนประดิพันธ์

ลักษณะโดยรวมจะคล้ายคลึงกับสนทะเล แต่ว่าจะแตกกิ่งก้านเป็นระเบียบมากกว่า ส่วนใหญ่แล้วนิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ

สนญี่ปุ่น

โดดเด่นที่ลักษณะของลำต้น ได้กลิ่นไอความเป็นญี่ปุ่นชัดเจน แต่ก็ยังแตกแขนงสายพันธุ์ย่อยไปเป็นขนาดใหญ่และขนาดเล็กอีก นิยมใช้เป็นไม้ประดับเช่นเดียวกัน

วิธีการปลูกต้นสนให้เจริญงอกงาม

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า ต้นสนที่เราเลือกเป็นสายพันธุ์ไหน ความต้องการพื้นฐานเป็นอย่างไร เพราะถึงแม้ต้นสนจะมีความแข็งแรงทนทานโดยธรรมชาติ แต่ก็มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดอยู่ดี เช่น สนทะเล ก็จะเหมาะกับดินทรายและอากาศที่ค่อนข้างร้อนชื้นแบบริมทะเล เป็นต้น เมื่อได้พื้นที่ที่สอดคล้องกับสายพันธุ์แล้ว เราก็จัดการขุดหลุมให้ลึกประมาณครึ่งเมตร ไม่จำเป็นต้องรองก้นหลุม นำต้นกล้าลงปลูกได้ทันที ช่วงแรกควรหมั่นรดน้ำเป็นประจำ จะรดทุกวันหรือวันเว้นวันก็ได้ รอจนกว่าต้นสนจะโตขึ้นและมีลำต้นแข็งแรงมากพอ ค่อยลดปริมาณน้ำลง นอกจากนี้ ต้นสนแต่ละต้นควรเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อให้ต้นสนมีพื้นที่พอสำหรับการเติบโต

วิธีการดูแลรักษา

แสง

ต้องการแสงแดดจัด จำเป็นต้องปลูกไว้กลางแจ้งเท่านั้น

น้ำ

ปริมาณน้ำที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำประมาณ 4-5 ครั้งต่ออาทิตย์

ดิน

สามารถเติบโตได้ดีในดินร่วน ดินร่วนปนทราย และดินทราย

ปุ๋ย

อันที่จริงไม่มีความจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเลย แต่ถ้าต้องการใส่ ก็เลือกใช้เป็นปุ๋ยคอกบำรุงดินทั่วไป

คุณประโยชน์ที่ได้จากต้นสน

เปลือกไม้

ต้นสนบางสายพันธุ์ สามารถใช้เปลือกไม้มาต้มทำยา บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้อง และรักษาโรคเหน็บชาได้

เนื้อไม้

เหมาะสำหรับใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ทำข้าวของเครื่องใช้ และผลิตเป็นกระดาษ

น้ำยาง

ใช้กลั่นเป็นน้ำมันสน และใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตของใช้บางประเภท

ลำต้น

เนื่องจากลำต้นมีทั้งความแข็งแรงและยืดหยุ่น จึงเหมาะกับการปลูกไว้เป็นแนวกันลม หรือปลูกเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะได้

ราคาต่อต้นโดยประมาณ

เรทราคาของต้นสนค่อนข้างกว้าง เนื่องจากมีสนหลายสายพันธุ์ ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 20 บาท

แหล่งอ้างอิง

: https://www.dnp.go.th/EPAC/plant_economic/50sonpadipat.htm

ร้านขายต้นสนแนะนำ