มะเขือม่วง อีกหนึ่งประเภทของมะเขือที่หลายต่างติดใจในรสชาติความหวาน กรอบ คล้ายกับมะเขือเปราะ แต่ทว่าหลายอาจไม่ทราบว่านอกจากรสชาติที่หวานกรอบแล้วนั้น มะเขือม่วงยังมีสรรพคุณต่างๆอีกมากมายที่เราคาไม่ถึง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงหลายคนอาจยังไม่ทราบถึงหน้าตาของต้นมะเขือม่วง และวิธีการปลูกที่แสนง่าย ดังนั้นบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับมะเขือม่วงให้มากขึ้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์และแหล่งที่มาของมะเขือม่วง
มะเขือม่วง อังกฤษมีชื่อว่า Eggplant และขื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าSolanum melongena L. จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ (SOLANACEAE) นิยมรับประทานกันมากในฝั่งของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่นิยมรับประทานกันมาก แต่ในส่วนของประเทศไทยนั้นอาจยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ เนื่องจากคนไทยนิยมมะเขือเปราะสีเขียวมากกว่า
ลักษณะของต้นมะเขือม่วงนั้น เป็นไม้ล้มลุกอายุข้ามปี มีความสูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ตัวลำต้นจะมีการแตกกิ่งตั้งแต่ระดับโคนต้น เปลือกลำต้นมีสีม่วงหรือสีเขียวและเปลือกบาง ในขณะเดียวกันด้านในเป็นไม้เนื้ออ่อนสีขาว เปราะหักง่าย มะเขือม่วงเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ แตกออกเป็นใบเดี่ยวๆ เรียงสลับกันบนกิ่ง ก้านใบยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร ใบมีขนาดใหญ่ ความกว้างถึง 8-15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ปลายของใบมีลักษณะแหลม โคนใบเบี้ยวและขอบใบหยักเป็นคลื่น ผิวของใบเรียบ ตรงกลางมีเส้นกลางใบนูนขึ้นมาสีม่วงและมีขนสั้นๆปกคลุมทั้งใบ ในส่วนของดอกมะเขือม่วงนั้น เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ที่สามารถออกดอกได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบช่อ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่เลือกนำมาปลูก ตัวดอกประกอบด้วยก้านที่เป็นทรงกลม มีความยาวประมาณ 3-8 เซนติเมตร ตัวดอกจะมีกลีบเลี้ยงสีม่วงเข้ม จำนวน 5กลีบ หุ้มรอบฐานของดอกไว้ ถัดเข้ามาเป็นกลีบดอกจำนวน 5 กลีบ มีเส้นผ่านศูนย์กลางของดอกอยู่ที่ 4-5 เซนติเมตร แผ่นกลีบดอกมีสีม่วง ส่วนปลายกลีบแยกออกมาเป็นแฉก
ผลของมะเขือม่วงนั้น จะออกผลได้ทั้งผลเดี่ยวและหลายผลในช่อเดียวกัน โดยผลสามารถยาวได้ประมาณ 5-30 เซนติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ตัวก้านของผลมีขนาดใหญ่และยาวประมาณ 3-8 เซนติเมตร ตัวผลจะมีลักษณะเรียวยาว และค่อยๆเรียวเล็กลงบริเวณใกล้ขั้วของผล เปลือกมีสีม่วงและหนามาก ติดเป็นส่วนเดียวกันกับเนื้อผล
การปลูกและดูแลรักษามะเขือม่วง
โดยหารปลูกมะเขือม่วงนั้น นิยมปลูกในช่วงต้นของฤดูฝนจนถึงก่อนปลายฤดูฝน ควรปลูกระบบคลังอาคาร โดยขุดหลุมลึกประมาณ 50-60 เซนติเมตร และกว้าง 50 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกลงไปในอัตราส่วน 50 กรัม และคลุกเคล้าให้ข้ากับดิน รองก้นหลุมด้วยกำมะถัน 7 วัน ก่อนย้ายมาปลูก ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอไม่เปียกหรือแฉะจนเกินไป ในช่วงการเก็บเกี่ยว ตามมาตรฐานนั้น ควรตัดใช้กรรไกรตัดให้มีขั้วติดผลมะเขือม่วงออกมา โดยอายุที่สามารถทำการเก็บเกี่ยวได้อยู่ที่ 50-60 วันหลังจากย้ายมาปลูก มะเขือม่วงนั้นปลูกง่าย การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ให้ผลผลิตได้ระยะนาน ทนแล้ง สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี
พันธุ์มะเขือม่วงที่นิยมปลูกในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยนั้น พันธุ์ของมะเขือม่วงที่นิยมปลูกกันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 พันธุ์ ได้แก่
พันธุ์ผลกลมหรือรูปไข่ทรงรี
ได้แก่ พันธุ์ Toska, Black King, Beauty, Dusky, Epic, Black และEnorma ซึ่งลักษณะของพันธ์นี้จะมีรูปทรงคล้ายไข่รี หรือหยดน้ำ ก้านของผลมสีเขียว แต่ผลมีสีม่วง หรือที่เราเรียกกันจนชินปากว่า มะเขือม่วงก้านเขียว มะเขือม่วงกลม หรือมะเขือม่วงเล็ก มักนิยมนำมาประกอบอาหารยุโรปตามโรงแรมที่มีชาวต่างชาติพักอาศัย หรือนำมาชุบแป้งทอด
พันธุ์ผลผอมยาว
ได้แก่ พันธุ์ Ichiban, Little Finger และVernal หรือมะเขือม่วงญี่ปุ่นโดยจะมีลักษณะผอมยาวกว่าพันธุ์แรก ผลจะมีสีม่วงหรือสีดำ นิยมนำมาประกอบอาหารญี่ปุ่นประเภท ปิ้งย่าง แกง หรือทอด อาทิเช่น เทมปุระมะเขือม่วง ส่วนที่มักจะนำมาใช้ในการประกอบอาหารคือส่วนผลที่มีรูปร่างกลมยาวเท่านั้น ตรงขั้วผลจะมีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่ จะให้รสชาติฝาด
คุณประโยชน์และสรรพคุณของมะเขือม่วง
มะเขือม่วงนั้นมีสารแอนโธไซยานิน (anthocyanin) ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยชะลอการเสื่อมลงของเซลล์และดวงตา และยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจอัมพาต ซึ่งสารแอนโธไซยานินนั้น จัดอยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่ทำให้ผักมีสีม่วง ประโยชน์ของมะเขือม่วงนั้นมีมากมาย ดังนี้
- ผลของมะเขือม่วง สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งรับประทานสดคู่กับน้ำพริก ลาบ ส้มตำ หรือจะนำมาชุบแป้งทอดสไตล์ญี่ปุ่นก็สามารถทำได้ ไม่เพียงเท่านี้ยังสามารถนำมะเขือม่วงไปย่างเป็นบาร์บีคิวได้อีก และยังสามารถนำมาประกอบอาหารประเภทแกงได้ เรียกว่าสามารถนำไปประยุกต์เป็นอาหารได้หลายชาติจริงๆ
- เศษจากส่วนผลและลำต้น สามารถนำมาทำเป็นนำหมักชีวภาพได้
- ลำต้น และใบสด สามารถนำมาใช้สุมไฟเพื่อรมควันไล่ยุงและแมลงอื่นๆ
ดังนั้นจากที่กล่าวมาถึงแม้มะเขือม่วงอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย แต่เชื่อว่าหากหลายคนได้ลิ้มลองรสชาติของมะเขือม่วงแล้ว ต้องติดใจกันอย่างแน่นอน เพราะรสชาติหวานกรอบ และยังปลูกและดูแลรักษาได้ง่าย เพื่อนำผลมาประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย.