ข้อมูลทั่วไป
ชื่อเรียกอื่นๆ : กระทึง กากะทิง ทิง เนาวกาน สารภีทะเล สารภีแนน กาทึง ทึง
วงศ์ : Guttiferae
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้
พันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลจังหวัดระยอง อีกทั้งมีตำราที่ว่า กระทิง ยอ สารภี สามสิ่งนี้อย่าให้สูญปลูกไว้ให้บริบูรณ์ ในทิศฝ่ายอาคเนย์ เชื่อกันว่าการปลูกต้นกระทิง ต้นยอ และต้นสารภี ไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะปกป้องเสนียดจัญไรมิให้กล้ำกรายเข้ามาในบ้าน
ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน
ต้นสารภีทะเลเป็นหนึ่งในต้นไม้มงคลที่ถูกกำหนดให้ปลูกไว้ทางทิศอาคเนย์ หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ควรปลูกพันธุ์ไม้นี้ใกล้อาคาร เพราะระบบรากแข็งแรงทำความเสียให้กับอาคารได้ นิยมปลูกเพื่อให้ร่มเงา เป็นไม้ทีมีการเจริญโตค่อนข้างช้า สามารถปลูกเป็นไม้กระถางได้ (กิ่งที่ได้จากการตอน) แต่เมื่อเจริญเติบโตประมาณหนึ่งก็ควรลงแปลงดิน เพื่อให้รากได้ชอนไชลงไป
ส่วนประกอบของต้นไม้
ลำต้น
ต้นสารภีทะเลมีความสูงประมาณ 8-20 เมตร จัดว่าเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ เป็นต้นไม้ประเภทไม่ผลัดใบ มีเรือนยอดเป็นพุ่มไม้ ค่อนข้างสะเปะสะปะ ลำต้นแก่จะแตกเป็นร่อง ภายในมีน้ำยางมากสีเหลืองใส แก่นไม้สีน้ำตาลอมแดง มีกิ่งไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากทั้งแนวตั้งแลแนวนอน ส่วนของเปลือกไม้จะเรียบ มีสีออกน้ำตาล ถ้าแก่หรือมีอายุจะดำ
ใบ
เป็นประเภทใบเดี่ยว มักจะออกสลับกันไปมา มีลักษณะรูปร่างคล้ายรูปรีหรือรูปไข่ที่หันหลับหัว ใบจะมีความกว้างประมาณ 4-8 เซนติเมตร และมีความยาวประมาณ 8-16 เซนติเมตร บริเวณปลายใบจะมีลักษณะมนกว้าง จะมองเส้นใบไม่ชัดเจน แต่เมื่อมองแบบละเอียดจะพบว่ามีเส้นใบจำนวนมาก ขอบใบจะเรียบ บนใบจะเรียบและสีอ่อนกว่าหลังใบ มีก้านใบที่มีความยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร
ดอก
ดอกของต้นสารภีทะเล จะมีสีขาว มีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ และบริเวณปลายกิ่ง ดอกจะมีความกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงจำนวน 4 กลีบ ซึ่งมีความยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร ดอกชั้นนอกจะมีลักษณะรูปร่างที่กลมหนา ส่วนภายในจะคล้ายกับรูปไข่กลับหัว กลีบดอกมีจำนวน 4 กลีบ มีความกว้างประมาณ 7-8 มิลลิเมตร และมีความยาวประมาณ 9-12 มิลลิเมตร มีลักษณะคล้ายกับรูปไข่กลับหัว บริเวณขอบจะงอ มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก จะมีสีเหลือง ก้านเกสรตัวเมียจะยาว รังไข่ของต้นสารภีทะเลจะกลม มีสีชมพู ออกดอกในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม
ผล
มีลักษณะรูปร่างกลม มีเว้นผ่านศูนย์กลาง 2.5-3 เซนติเมตร ผิวเรียบ มีเขียว เปลือกหนา บริเวณปลายจะเป็นติ่งออกมา เมื่อสุกมีสีแดงอมส้ม เมล็ดเดี่ยว มักขึ้นตามป่าใกล้ชายทะเล ป่าดงดิบ พบมากทางภาคใต้ ออกผลในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม
สายพันธุ์
ต้นสารภีทะเลมีอยู่หลายชนิดทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ก็คือ ชนิดแรกเป็นต้นสารภีทะเลใบสีเขียว (Calophyllum inophyllum Linn.) ส่วนอีกชนิดจะเป็นต้นสารภีทะเลใบสีแดง (Calophyllum polyanthum Wall. ex Choisy) แต่ไทยเรามักจะใช้ต้นกระทิงใบเขียวกันมากกว่
วิธีการปลูก
วิธีที่นิยมในการปลูกต้นสารภีทะเล ก็คือ การเพาะเมล็ด โดยการนำเมล็ดสารภีทะเลไปแช่ในน้ำ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง จากนั้นนำเมล็ดลงกระถางที่มีดินที่เตรียมอยู่แล้ว แล้วรอประมาณ 20-25 วัน ก็จะมีต้นกล้าของสารภีทะเลงอกออกมา ซึ่งมีความสูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร เพียงเท่านี้ก็สามารถยำต้นสารภีทะเลย้ายไปลงแปลงดินหรือบริเวณที่ต้องการได้เลย
วิธีการดูแล
แสง
ต้นสารภีทะเลเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดที่รำไร ปานกลางไปจนถึงแสงแดดจัดมาก เนื่องจากชอบอยู่ในบริเวณที่มีแหล่งน้ำ
น้ำ
เนื่องจากก่อนปลูกจะต้องรู้ว่าปลูกใกล้แหล่งน้ำ ทำให้ไม่ต้องรดน้ำบ่อยเกินไป ควรรดวันละ 1-2 ครั้ง
ดิน
ต้นสารภีทะเลสามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพดิน เนื่องจากมีการทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
ปุ๋ย
เนื่องจากมีการทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ทำให้สามารถใส่ปุ๋ยสูตรทั่วไปได้ คือ สูตร 15-15-15
ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่นๆ
- ด้วยลายไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ จึงนิยมนำไม้มาใช้ในการก่อสร้างเครื่องตกแต่งบ้าน เครื่องมือกสิกรรม ใช้ทำเรือ
- ส่วนของดอกสารภีทะเลสามารถนำมาปรุงเป็นยาหอม บำรุงหัวใจ
- น้ำมันสกัดจากเมล็ดใช้ทาแก้ปวดข้อ ทำเครื่องสำอาง
- ต้นสารภีทะเลก็นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
- ส่วนของดอก ให้รสชาติหอมเย็น ใช้เพื่อบำรุงหัวใจ ปรุงยาหอม
- ราก เป็นยาใช้ล้างแผล
- เปลือกต้น ทำยาต้มเป็นยาขับปัสสาวะในโรคหนองใน ทาภายนอกแก้บวม
- ต้นและเปลือกต้น ให้ยางใช้สำหรับทาแผล เป็นยาฝาดสมานพอกทรวงอกแก้วัณโรคปอด กินจะทำให้อาเจียน เป็นยาระบาย ใช้แต่งกลิ่น ขับปัสสาวะ
- ยาง เป็นยาถ่าย ทำให้อาเจียน ยาสมานและกัด ฝ้า
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
ต้นกระทิงหรือต้นสารภีทะเล ขนาดต้นที่มีความสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร จำหน่ายอยู่ที่ราคา 50 บาท ส่วนต้นที่มีขนาดใหญ่แล้ว ประมาณความสูงที่ 2-2.5 เมตร จำหน่ายอยู่ที่ราคา 1500 บาท