ข้อมูลทั่วไป
ชื่อทั่วไป: โซ่ทองคำ
ชื่ออื่น: โซ่ทอง สร้อยสุวรรณ
วงศ์: MALPIGHACEAE
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้
ในสมัยโบราณ ผู้คนมักจะนิยมตั้งชื่อของพืชให้ดูสอดคล้องกับลักษณะของต้นไม้นั้นๆด้วย ทำให้การตั้งชื่อให้ไพเราะและเป็นสิริมงคลกับผู้ปลูกของต้นโซ่ทองคำ เนื่องจากต้นไม้ที่มีดอกสีเหลืองสวนมักจะมีคำว่า “ทอง” หรือ “ทองคำ” หรือที่มีความหมายว่าทองอยู่ในชื่อ ทำให้มีความเชื่อว่าต้นไม้อย่างโซ่ทองคำนั้นจะนำสิ่งดีๆ หรือโชคลาภเข้ามาแก่ผู้ปลูกหรือผู้อาศัยอย่างล้นหลาม ยิ่งมีคำว่าโซ่ ทำให้หมายความว่าเป็นการเชื่อมติดกัน หรือหมายถึงโชคลาภ ทรัพย์สินไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้นอกจากคนนิยมปลูกเพื่อให้ร่มเงาแล้วยังปลูกเพื่อเสริมดวงในเชิงโชคลาภและทรัพย์สินอีกด้วย ถือเป็นความเชื่อที่ชาวไทยสมัยโบราณยึดถือไว้ และส่งผลมาสู่ลูกหลานในปัจจุบัน
ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน
นอกจากความเชื่อในเรื่องของโชคลาภแล้วก็ยังมีการดูบริเวณในการปลูกอีกด้วย ซึ่งต้นโซ่ทองคำ จากการศึกษาจะสามารถปลูกได้ในดินทั่วไป ไม่ว่าดินเหนียว ดินทราย ดินผสม เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นไม้ประดับที่เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีพื้นที่กว้างพอสมควร เป็นไม้ชอบแดดจึงต้องปลูกในบริเวณที่สามารถโดนแดดได้มากที่สุดตลอดวัน แต่ข้อยกเว้นอีกประการของต้นโซ่ทองคำก็คือ ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขัง ทำให้ต้องหาพื้นที่ที่ระบายน้ำได้ดี ไม่มีน้ำท่วมขัง หรือเป็นทางผ่านของน้ำตลอดเวลา เหมาะจะปลูกเป็นไม้ประดับในบริเวณบ้าน ในระยะแรกต้องหมั่นดูแล โดยการรดนํ้า จนกว่าต้นจะแตกยอดและเคยดินสามารถเติบโตได้เอง ซึ่งต้นโซ่ทองคำ มีลักษณะพิเศษเฉพาะอีกอย่างหนึ่งคือ ยิ่งต้นโตหรือมีอายุมากขึ้น ดอกก็ยิ่งจะดกมากยิ่งขึ้นตามอายุของต้นไปด้วย
ส่วนประกอบของต้นไม้
ลำต้น
เป็นต้นไม้ที่เป็นพุ่มที่มีความสูงประมาณ 3.5-5 เมตร ส่วนของกิ่งจะแตกกิ่งก้านสาขา โดยมีใบไม้แน่น ลำต้นสีน้ำตาลเข้ม
ใบ
ใบของต้นโซ่ทองคำเป็นใบประเภทใบเดี่ยว จะออกแบบเรียงสลับไปมาแบบถี่ตามบริเวณปลายยอด ลักษณะรูปร่างของรีแกมรูปขอบขนาน บริเวณปลายและโคนใบจะแหลม ใบมีขนาดใหญ่ เนื้อใบค่อนข้างหนาและแข็ง ใบมีสีเขียวสด เวลาใบออกมาดกจะเป็นพุ่มทึบให้ร่มเงาดีมาก
ดอก
ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ ตามซอกใบใกล้ปลายยอด ช่อดอกยาวประมาณ 50-80 เซนติเมตร แต่ละช่อ ประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมากเรียงเบียดกันเป็นระเบียบตั้งแต่โคนช่อไปจนจดปลายช่อ ดอกจะทยอยบาน ดอกและเกสรตัวผู้เป็นสีเหลืองทอง ช่อดอกห้อยเป็นระย้า เวลามีดอกดกและช่อดอกห้อยเรียงกัน เป็นระย้า ที่อุดมไปด้วยน้ำหวานและล่อผึ้ง ซึ่งดอกของต้นโซ่ทองคำนั้นจะออกมาอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้มีฤดูกาล ออกดอกมากช่วงฤดูฝน พฤษภาคม-กันยายน
วิธีการปลูก
การปลูกต้นโซ่ทองคำนั้นสามารถทำได้หลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะตอนกิ่งหลังปลูก เพาะเมล็ด ซึ่งการตอนกิ่งหลังปลูก ทำโดยเลือกกิ่งที่มีความสมบูรณ์ ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป จากนั้นควั่นกิ่ง ความยาวแผลที่ควั่นกิ่งประมาณ 1 นิ้ว นำมาแช่น้ำแล้วบีบพอหมาดๆ บรรจุใส่ถุงพลาสติกที่สามารถห่อหุ้มกิ่งได้หมด แล้วนำไปหุ้มกิ่งตอน ประมาณ 30-50 วัน ตัดกิ่งตอนลงถุง แล้วจึงนำปลูกในแปลงได้ และวิธีเพาะเมล็ดง่ายเพียงปลายนิ้ว เนื่องจากเราจะใช้นิ้วในการกดเมล็ดลงบนดินที่มีความลึกประมาณ 2-3 เท่าของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเมล็ด ดูแลรดน้ำให้วัสดุมีความชื้นพอเหมาะ ระวังอย่างให้แฉะ
วิธีการดูแล
แสง
ต้นโซ่ทองคำชอบแสงแดดที่ปริมาณน้อย รำไรๆ ไปจนถึงแสงแดดจัดๆ เพื่อทำการสังเคราะห์แสง
น้ำ
ต้นโซ่ทองคำต้องการน้ำในปริมาณที่น้อยไปจนถึงระดับปานกลาง
ดิน
ต้นโซ่ทองคำสามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกสภาพ เนื่องจากสามารถทนอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี
ปุ๋ย
บำรุงปุ๋ยอย่างสมํ่าเสมออย่างน้อยสองเดือนครั้ง ทำให้เป็นไม้เจริญเติบโตเร็ว เมื่อมีดอกเป็นช่อจะดูเหลืองอร่ามสวยงามสร้างบรรยากาศเป็นธรรมชาติดี
ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่นๆ
- ต้นโซ่ทองคำ ปลูกเพื่อสร้างภูมิทัศน์ตาม ริมถนน สวนสาธารณะ รีสอร์ตเชิงเขาทั่วไป
- ดูแลรักษาง่าย อดทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีชนิดหนึ่ง การเจริญเติบโตรวดเร็ว ใบไม่ค่อยร่วง
- ต้นโซ่ทองคำ สามารถปลูกเป็นไม้ประดับในสวน เพื่อให้ร่มเงา
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
ต้นโซ่ทองคำ มักจะเห็นตามริมถนน ซึ่งเป็นไม้ประดับที่มีดอกสีเหลืองห้อยระย้าลงมา ชวนให้สวยงาม ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง โดยต้นโซ่ทองคำที่มีความสูงประมาณ 1-2 ฟุต จำหน่ายที่ราคา 300-500 บาท ส่วนต้นโซ่ทองคำ ที่มีความสูงประมาณ 1-1.5 เมตรที่มีการใส่ปุ๋ยและการดูแลอย่างดี จำหน่ายที่ราคา 1,500-3,000 บาท ส่วนต้นที่โตเต็มไว หรือต้นที่มีขนาดใหญ่ ที่จะต้องมีการขนย้าย เพื่อลงแปลง พร้อมทั้งมีการมีไม้ค้ำ เพื่อให้รากงอกลงดินในแปลงที่ปลูกนั้น จะมีร้านค้าที่จัดจำหน่ายอยู่ที่ราคาที่ค่อนข้างสูงพอสมควร โดยราคาที่จัดจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 12,000-30,000 บาท