ข้อมูลทั่วไป
ชื่อทั่วไป: กระดุมทอง
ชื่ออื่นๆ: พิกุลทอง เบญจมาศเครือ กระดุมทองเลื้อย
วงศ์: ASTERACEAE (COMPOSITAE)
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้
ดอกกระดุมทอง เป็นดอกไม้ที่มีความหมายว่า ความเชื่อมั่น ความมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆที่เข้ามา โดยเมื่อสมัยสุโขทัยได้มีหญิงสาวรายหนึ่งที่แอบรักทหารในวัง ซึ่งความรักของนางเป็นไปไมได้ เธอจึงได้ปลูกต้นกระดุมทองไว้รอบวังและดูแลทุกวันอย่างดี พร้อมทั้งขอพรให้สมหวังในความรัก เมื่อต้นกระดุมทองถูกเลี้ยงอย่างดีทำให้มันเลื้อยไปตามรอบวัง จนกษัตริย์เห็น จึงได้เชิญให้หญิงสาวเข้ามาเป็นผู้ดูแลต้นไม้ต่างๆภายในวัง ทำให้หญิงสาวและทหารหนุ่มคนนั้นได้พบรักกันไปนาน ทำให้ต้นกระดุมทองเป็นเหมือนต้นไม้ที่เชื่อว่าขอเรื่องของความรักให้เกิดการสมหวังได้นั่นเอง
ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน
ต้นกระดุมทอง เป็นต้นไม้ขนาดเล็กที่นิยมปลูกในกระถางและบริเวณรอบบ้านติดกับรั้ว ทำให้ดูสวยงามภายในบ้าน ยิ่งถ้าใครที่ได้ปลูกไว้ในบ้านหรืออาศัย จะทำให้มีความรักที่มั่นคงและยืนยาวอย่างที่คนในสมัยโบราณได้เชื่อและกล่าวไว้มาเนิ่นนาน
ส่วนประกอบของต้นไม้
ต้น
ต้นกระดุมทองเป็นต้นไม้แบบไม้ล้มลุก มีขนาดของลำต้นที่มีความสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กอีกด้วย แต่อายุของต้นกระดุมทองมีอายุประมาณแค่ 2 ปีเท่านั้น
ใบ
เป็นใบเดี่ยว ซึ่งจะเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะรูปร่างของใบกระดุมทองจะเป็นรูปรีกว้างๆและรูปไข่ ซึ่งขนาดของใบจะมีความยาวประมาณ 3-10 เซนติเมตร และความกว้างประมาณ 1-5 เซนติเมตร จะมีปลายแหลม ส่วนโคนสอบ ขอบเรียบหรือหยักซี่ สัมผัสของใบจะมีความสากอยู่ทั้ง 2 ด้าน ทั้งด้านหน้าใบและด้านหลังใบ มีเส้นแขนงใบข้างละ 1 เส้น มีก้านใบที่สั้น มีขนตามก้านใบ
ดอก
ออกดอกเป็นช่อแบบกระจุก ซึ่งดอกกระดุมทอง จะออกเป็นเดี่ยวบ้าง หรือเป็นคู่บ้าง จะออกดอกตามง่ามใกล้กับยอด ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ก้านช่อดอกมีความยาวประมาณ 1-8 เซนติเมตร ส่วนโคนช่อจะมีใบประดับซึ่งมีลักษณะรูปร่างเป็นแบบรูปรีซ้อนทับกันประมาณ 2-3 ชั้น ส่วนชั้นนอกจะมี 3-5 ใบซึ่งโคนจะติดกัน ชั้นในหุ้มผลไว้ ขอบใบประดับมีขนเรียงกันถี่ โคนใบประกอบชั้นนอกใหญ่ขึ้นเมื่อดอกร่วงไป เกสรเพศเมียจะมี 8-12 ดอก กลีบดอกมีสีเหลือง มีความกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และมีความยาวประมาณ 6-8 มิลลิเมตร มีรังไข่เล็ก เกสรเพศผู้จะมีขนาดเล็กมากๆ และเป็นหมัน ทำให้กระจุกอยู่ตรงกลาง ดอกกระดุมทองจะออกดอกตลอดปี ให้ความสดใสแก่ท้องถนน
ผล
มีรูปร่างเป็นแบบสามเหลี่ยม ยอดแบน มีเมล็ด ซึ่งมีขนาดเล็กผล มีสีดำเป็นมัน มีความยาวประมาณ 3-4 มิลลิเมตร บริเวณด้านข้างเป็นเหลี่ยมจะมีรอยย่นพับกันไปมาเล็กน้อย
วิธีการปลูก
ต้นกระดุมทองเป็นต้นไม้ที่ใช้ก็คือ การนำรากของพืชมาตัดเป็นส่วนๆ ให้ยาวประมาณ 2-4 นิ้ว แล้วนำไปปักชำลงในภาชนะหรือหลุมดิน เพื่อให้ส่วนของรากงอกและแตกยอดอ่อนเจริญเติบโตเป็นพืชต้นใหม่ พืชที่สามารถขยายพันธุ์โดยการปักชำราก นำส่วนโคนของกิ่งปักลงในวัสดุปักชำ ให้ลึกประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวของกิ่ง โดยให้รอยแผลตัด ด้านปลายของกิ่งเป็นแนวตั้งตรง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำขังบริเวณรอยแผลซึ่งจะช่วยลดการเน่าของกิ่ง และอีกวิธีหนึ่งก็คือ เพาะเมล็ด โดยการกลบเมล็ดบางๆ ในภาชนะที่ต้องการปลูก วางภาชนะเพาะในที่ที่มีแสงรำไรประมาณ 7 – 10 วันจึงงอก หลังเพาะ 2 เดือนจะเริ่มออกดอก
วิธีการดูแล
แสง
ต้นกระดุมทอง เป็นต้นไม้ที่ชื่นชอบแสงแดด จึงต้องปลูกในบริเวณที่โดนแสงแดดตลอดทั้งวัน หรือโดนแดดจัดในช่วงครึ่งได้เช่นกัน
น้ำ
ต้นกระดุมทอง เป็นต้นไม้ที่ชอบน้ำค่อนข้างมาก ทำให้จะต้องปลูกที่มีน้ำระบาย และต้องรดน้ำประมาณ 2-3 ครั้งต่อวัน
ดิน
ต้นกระดุมทอง เป็นต้นไม้ที่สามารถอยู่ได้ในทุกสภาพแวดล้อม นิยมปลูกด้วยดินร่วนผสมทราย
ปุ๋ย
สามารถใช้ปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 หรือสูตรเสมอทดแทนได้ทุกระยะ แต่การเจริญเติมโตอาจไม่ดีเท่าสูตรที่แนะนำ
ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่นๆ
- นิยมปลูกเป็นไม้ประดับอาคารและสวนหย่อม ปลูกลงกระถาง หรือปลูกลงแปลงประดับสวน
- ปลูกคลุมดินที่ลาดเอียงหรือริมสระน้ำธรรมชาติเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน
- ที่สามารถช่วยรักษาโรคเบาหวาน โรคหัวใจและความดันได้
- การลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยเฉพาะ เห็นผลได้จากการวัดระดับน้ำตาลในเลือด โดยหั่นตากแห้ง ต้มกับน้ำให้เดือดนานประมาณ ๓-๔ นาที จนน้ำมีสีเหลืองอ่อนๆ กรองน้ำชาใส่ขวดทิ้งให้เย็น แล้วแช่ตู้เย็นไว้ดื่มแทนน้ำ
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
ต้นกระดุมทอง จะขายในราคาที่ถูก ซึ่งจำหน่ายในราคาที่ 2-5 บาท/ต้น หรือถ้าซื้อเป็นกระถางก็จะจำหน่ายในราคากระถางละ 30-50 บาท หรือมีแบบเมล็ดก็จะจำหน่ายที่ราคา 30-60 บาท ประมาณ 80-100 เมล็ด
แหล่งอ้างอิง
: http://www.rspg.or.th/plants_data/plantdat/asterace/mdivar_1.htm