มะก่อ เกาลัดเมืองไทย ไม้ผลที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจพร้อมวิธีปลูกและดู

ชื่อวิทยาศาสตร์ Lithocarpus ceriferus

ชื่อวงศ์ Fagaceae

ชื่ออื่นๆ ก่อหนาม ก่อดาน (พังงา),ก่อตี๋,ก่อผา,ก่อหนามแหลม,ก่อหยุม (เชียงใหม่),ก่อ (กาฬสินธ์),มะก่อ(เพชรบูรณ์),ก่อขี้หมู,ก่อหม่น (ตะวันออก),ก่อหุ้ม (ตะวันออกเฉียงเหนือ),หมากก่อ

มะก่อ หรือ ต้นหมากก่อ เดิมมักจะขึ้นตามธรรมชาติ ตามป่าริมภูเขา มะก่อเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกา ไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 เนื่องจากเป็นไม้ผลที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าทางปกป้องสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ เพราะส่วนใหญ่ชอบขึ้นตามป่าดิบเขา ตามที่ลาดชันสูง จึงเป็นกลุ่มพืชที่สำคัญที่ช่วยปกป้องการพังทลายของดิน รักษาอุณหภูมิและดูดซับความชุ่มชื้นเก็บไว้ในดินได้ดี ต้นก่อเป็นไม้ป่าที่ลำต้นขนาดใหญ่ สูงประมาณ 30 เมตร ยามเมื่อออกผลแล้วหล่นลงมาบนพื้น ชาวบ้านจะเก็บลูกก่อที่เปลือกมีขนคล้ายเงาะ แต่ขนเป็นหนามแหลม เวลาเก็บจึงต้องใช้ความระมัดระวังจากหนามแหลมบนเปลือกที่ตำมือ เมื่อแกะเปลือกออกแล้วนำมาคั่วให้สุกเพื่อแกะกินเนื้อข้างใน ที่มีรสชาติมันออกหวานและอร่อย

 ต้นหมากก่อ

ลักษณะทั่วไป

ลำต้น

ต้นก่อไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10-30 เมตร เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา แตกเป็นสะเก็ด เปลือกในสีน้ำตาลหรือชมพูอ่อน

ใบ

เป็นใบเดี่ยวเรียงแบบสลับ รูปรีหรือรูปใบหอก กว้าง 7-10 เซนติเมตร ยาว 9-15 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม ฐานใบสอบถึงแหลมทู่ ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนา ผิวใบเกลี้ยง ด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อนกว่า เส้นแขนงใบข้างละ 8-11 เส้น ก้านใบยาว 1-1.5 เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง ก้านงอเล็กน้อยและบวมบริเวณโคนก้าน

ดอก

เป็นดอกช่อออกเป็นกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยไม่มีก้านดอก สีขาวปนเหลืองเป็นกระจุกละ 3-5 ดอก มีกลิ่นฉุน ร่วงง่าย ช่อดอกเพศผู้และเพศเมียแยกต่างช่อหรือร่วมช่อ หากร่วมช่อ ช่อดอกเพศเมียอยู่โคนช่อ ช่อดอกเพศผู้มักแยกแขนงมาก กลีบเลี้ยง แยกกันอิสระ 6 กลีบ แต่ละกลีบมีขนด้านนอก เกสรเพศผู้ 12 อัน ผิวเกลี้ยง รังไข่รูปลูกข่าง มีขนปกคลุมหนาแน่น มี 3 ช่อง มีออวุล 2 เมล็ด ยอดเกสรเพศเมียมี 3 อัน

ผล

ผลเชื่อมต่อกันเป็นกลุ่มเบียดอัดกันแน่นบนก้านที่อ้วนสั้น ช่อผลยาว 10-15 เซนติเมตร ผลแก่แข็งมาก ผิวเกลี้ยง รูปกลมหรือรี คล้ายรูปลูกข่าง เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 เซนติเมตร ก้านผลยาว 0.5-1 เซนติเมตร กาบหุ้มผลสีเขียวอ่อนหุ้มมิดตัวผล ผิวกาบผลมีแนวเส้นคดโค้งไปมา กาบหุ้มจะแยกจากปลายสู่โคนเมื่อผลแก่จัด แต่ละกาบหุ้มมีผล 1 ผล พบตามป่าสนผสม ป่าผลัดใบ ป่าดิบแล้ง ที่ความสูง 250-950 เมตร ออกดอกราวเดือนกันยายนถึงธันวาคม ติดผลราวเดือนมิถุนายนถึงกันยายน

ต้นมะก่อ
www.nakhononline.com

สายพันธุ์ลูกก่อ

ลูกก่อที่พบในประเทศไทยมีหลายสายพันธุ์ แต่ที่พบเห็นคนนิยมปลูก มีอยู่ 2 สายพันธุ์ ที่สามารถรับประทานได้ คือ

  1. ก่อหนาม มีลักษณะเหมือนลูกเงาะ  แต่หนามแข็งมาก เปลือกหุ้มเมล็ดบาง รสชาติเหมือนเกาลัดจีน
  2. ก่อโล้น มีลักษณะคือลูกกลม ไม่มีหนาม เปลือกหุ้มเมล็ดแข็งมาก รสชาติเหมือนก่อหนาม หรือเกาลัด
ก่อหนาม
www.mokkalana.com

การปลูกมะก่อ

วิธีการเพาะปลูกมะก่อในปัจจุบันมีการปลูก 2 วิธี คือแบบตอนกิ่งและเพาะเมล็ด แบบเพาะเมล็ดจะมีรากแก้วที่ยาว มีอายุยืนกว่าและหาอาหารได้ดีกว่า แต่แบบกิ่งตอนต้นจะเจริญเติบโตได้ไวกว่า เก็บผลผลิตได้เร็วและลดอัตราการกลายพันธุ์ได้ โดยทั่วไปลูกมะก่อใช้ระยะเวลาประมาณ 6-7 ปี จึงจะเริ่มออกดอกและผล

วิธีการเพาะเมล็ด

  • นำเมล็ดมะก่อที่แก่จัด ไปแช่ในน้ำอุ่น 3-4 ชั่วโมง เพื่อเป็นการกระตุ้นการงอก
  • นำไปใส่ในถาดเพาะโดยถมดินให้สูงเกือบมิดเมล็ด หลังจากนั้นรดน้ำทุกวันทั้งตอนเช้าและตอนเย็น รอประมาณ 7-10 วัน ต้นมะก่อก็จะเริ่มแตกใบและมีรากงอกออกมา
  • นำเมล็ดที่มีรากออกมาไปลงในถุงเพาะชำ เพื่อรอให้มะก่อแตกยอดใบแท้ออกมา
  • หลังจากมะก่อแตกยอดใบแท้ออกมา ก็สามารถนำไปปลูกลงดิน และรดน้ำเป็นประจำ

การปลูก

ช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือควรปลูกในฤดูฝน โดยระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 8×8 เมตร แต่ถ้าพื้นที่ลาดเอียงมากก็ให้ใช้ระยะปลูกที่ 6×6 ส่วน ขนาดของหลุมให้อยู่ที่ 1x1x1 เมตร แต่ก่อนปลูกควรปรับปรุงดินแล้วทิ้งไว้ก่อน 1-3 เดือน จึงนำมะก่อลงปลูก

การให้น้ำ

ต้นมะก่อเป็นพืชที่สามารถทนแล้งได้ แต่หากเริ่มต้นปลูกควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และต้องหาวัสดุมาพลางแสงในระยะเริ่มปลูกด้วย

โรค ศัตรู และการป้องกันกำจัด

บางครั้งอาจพบแมลงที่ชอบวางไข่เพื่อให้ลูกเกิดเป็นตัวหนอนแล้วไชเนื้อเมล็ดมะก่อเป็นอาหาร หรือที่เราเรียกว่าด้วงดินนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นตัวทำลายต้นมะก่อของเราที่สำคัญ วิธีแก้ไขคือผสมเชื้อราเมธาไรเซียมไปราดลงบนดิน หรืออาจทำกองปุ๋ยหมักล่อด้วงแล้วราดเชื้อราเมธาไรเซียมก็ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีกระรอก ซึ่งกระรอกจะสามารถแทะเมล็ดมะก่อได้ตั้งแต่ยังเป็นสีเขียว จนเมล็ดแก่จัด ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก

ประโยชน์และสรรพคุณมะก่อ

เป็นพืชตระกูลถั่วเปลือกแข็งที่มีไขมันไม่อิ่มตัว มะก่อประโยชน์มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย อุดมไปด้วยวิตามินอี ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ นิยมนำเมล็ดมาคั่วแล้วรับประทาน ซึ่งให้รสชาติดี เหมือนเกาลัดจีน และนอกจากนี้มะก่อยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย แก้วัณโรค อาเจียนเป็นเลือด ช่วยห้ามเลือด แก้ไอ ละลายเสมหะ แต่ก็มีข้อควรระวังคือ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องอืดบ่อย ๆ อาหารไม่ย่อย ไม่ควรกิน ผู้ที่เป็นโรคไขข้ออักเสบ ร้อนใน ตาบวม ห้ามกิน

มะก่อประโยชน์

แหล่งที่มา

https://oer.learn.in.th

http://portal.dnp.go.th

http://www.rspg.or.th

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้