สนสองใบ ต้นไม้เมืองหนาว ลักษณะที่ควรรู้ สู่การทำไม้เกี๊ยะ

ชื่อภาษาอังกฤษ

Merkus pine

ชื่อวิทยาศาสตร์

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pinus merkusii Jungh. & de Vriese, (P. merkusii Jungh. et de Vriese)

ความหมาย

ต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ จัดเป็นไม้ล้อม มีใบเรียวแหลมสวยงาม มีลูกสนสีน้ำตาล มักปลูกหรือพบในที่ราบสูง แต่ปัจจุบันมีการเพาะเมล็ดและสามารถปลูกในภาคกลาง และในกระถางได้

ความเชื่อ

สามารถมีอายุได้หลายร้อยปี ทำให้ใครที่ซื้อต้นต้นสนไปปลูกจะมีความกล้าหาญ อดทน เป็นคนที่มีความสง่างาม และยังเสริมในด้านอายุมั่นขวันยืนอีกด้วย ทำอะไรก็จะรู้จักอดทนและจะได้รับชัยนะในที่สุด

สนสองใบ เป็นพันธุ์ไม้ที่พบได้ตามเขตอากาศหนาวของไทย บนดอยสูง หรือที่ราบที่ค่อนมีสภาพอาการเย็นและแห้งแล้ง ซึ่งในอดีตต้นสนถือว่าเป็นสินค้าที่มีความสำคัญสำหรับชาวบ้านเป็นอย่างมาก แต่ทำไมมันถึงสำคัญ แล้วมันมีประโยชน์อย่างไรบ้างในเชิงเศรษฐกิจในปัจุบัน วันนี้ kaset.today จะพาทุกคนไปรู้จักสนสองใบ และเกร็ดความรู้พื้นบ้านที่เด็กรุ่นใหม่ไม่เคยรู้หรือลองทำอย่างแน่นอน

credit : agri.vn

ข้อมูลทั่วไปของสนสองใบ

ชื่อภาษาไทย : สนสองใบ

ชื่อภาษาอังกฤษ : Merkus pine

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pinus merkusii Jungh. & de Vriese, (P. merkusii Jungh. et de Vriese)

วงศ์ : Pinaceae


ความเชื่อในการปลูกต้นสนสองใบ

“ต้นสน” เป็นต้นไม้ที่สามารถเจริญเติบโตในสภาพอากาศหนาวและแห้งแล้ง นั้นทำให้ต้นสนจึงเป็นต้นไม้ที่มีความอดทน แข็งแรง และด้วยที่มีลำต้นที่สูงตรง สามารถมีอายุได้หลายร้อยปี ทำให้ใครที่ซื้อต้นต้นสนไปปลูกจะมีความกล้าหาญ อดทน เป็นคนที่มีความสง่างาม และยังเสริมในด้านอายุมั่นขวันยืนอีกด้วย ทำอะไรก็จะรู้จักอดทนและจะได้รับชัยนะในที่สุด และความเชื่อนี้ไม่ได้ใช้ได้แค่กับต้นสนสองใบ แต่กับสนทุกชนิดเลย


ลักษณะต้นสนสองใบ

  • ลักษณะของลำต้น

ต้นสนสองใบเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่และความสูงโดยสามารถสูงได้ถึง 45 เมตรเลยทีเดียวและลักษณะทั่วไปที่สามารถสังเกตได้ว่านี่คือต้นสนสองใบ

  • ลำต้น

เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูงถึง 30 เมตร ไม่ผลัดใบ เรือนยอดรูปกรวย หรือกลม กิ่งมักคดงอ เป็นข้อศอก

สนสองใบ
credit : pikist
  • เนื้อไม้สนสองใบ

สนสองใบมีเนื้อไม้สีเหลืองปนนํ้าตาลอ่อน มีลวดลายสีนํ้าตาลเป็นเส้นสวยงามเนื้อละเอียด เสี้ยนตรง มีเส้นใย (fiber) ยาว เนื้อไม้มีความหนาแน่นปานกลาง มีนํ้ายาง (resin) มาก

สนสองใบ
credit : น้าเล็ก Krittanai Channel
  • ใบ

ใบมีลักษณะเป็นใบเรียว แข็งออกและจะออกเป็น กระจุก หนึ่งกระจุกจะมีสองใบสองใบจึงเป็นเหตุผลที่เรียกว่าสนสองใบและติด เป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง ใบมีความยาว 15-20 ซม. โคนรูปไข่ถึงรูปทรงกระบอก สีน้ำตาลแดง ขนาดเล็กกว่าสนสามใบ มีก้านยาวประมาณ 1 เซนติเมตร

สนสองใบ
credit : puechkaset
  • ดอก

ดอกแยกเพศอยู่ต่างช่อในต้นเดียวกันรูปไข่ช่อดอกออกเดี่ยวๆ หรือเป็นคู่ รูปรี ยาว 1-2 ซม.เกล็ดแห้ง สีน้ำตาลเข้ม

สนสองใบ
credit : pkliebe
  • ผล

สำหรับผลของสนสองใบนั้นจะเรียกว่าโคน (cone) จะมีลักษณะเป็นรูปกรวยยาวมีและเกล็ด (scale) หุ้มอยู่โดยรอบขนาดของโคนจะมีความยาวประมาณ 10 – 12 เซนติเมตร  กว้าง 5 – 6 เซนติเมตร โคนของสนสองใบเมื่อแก่จัดมีสีเขียวปนน้ำตาล และเมื่อสภาวะ ภูมิอากาศพอเหมาะเกล็ดจะเปิดออกให้เมล็ดซึ่งมีปีกติดอยูหลุดปลิวออกมา ช่วงที่ดอกจะออกจะเป็น พฤศจิกายน –ธันวาคม ผลแก่ เมษายน – มิถุนายน

credit : การจัดการเมล็ดไม้สน
สนสองใบ
credit : pixabay – ลูกสนสองใบ
credit : การจัดการเมล็ดไม้สน – ความแตกต่างระหว่างลูกสนสองใบและสนสามใบ
  • เมล็ด

มีครีบสีขาวบางเป็นปีกอยู่ที่ตอนปลายเมล็ดเป็นรูปไข่เรียว

credit : การจัดการเมล็ดไม้สน
สนสองใบ
credit : ออร์คิด-80

สายพันธุ์

สายพันธุ์

สนสองใบนั้นสามารถแยกออกได้เป็น 2 สายพันธุ์กว้าง ๆ คือสายพันธุ์

  1. Insular ซึ่งพบขึ้นตามหมู่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
  2. สายพันธุ์ Continental ซึ่งพบขึ้นบนแผ่นดินใหญ่ในทวีปเอเซีย

การขยายพันธุ์  

การเพาะขยายพันธุ์ สนสองใบ จะทำด้วยการ “เพาะเมล็ด” ได้โดยการเพาะเมล็ดส่วนใหญ่ เป็นดินร่วนเหนียวปนทราย หรือเป็นดินทราย มีการระบายนํ้าดีชอบแสงแดดตลอดวัน และอากาศเย็น แต่ก็มีบางชนิดที่ชอบแสงแดดรำไร แสงแดดครึ่งวันหรือทนอากาศร้อนได้ดี สนหลายๆ ชนิดโตช้า ทำให้การดูแลรักษาไม่ยากดินตื้น แต่จะไม่สามารถขึ้นแข่งกับไม้ชนิดอื่นได้โดยเฉพาะพวกไม้ใบกว้าง

สนสองใบ
credit : ออร์คิด-80 – ใช้ดิน Akadama
สนสองใบ
credit : ออร์คิด-80 – ผ่านไป 1 อาทิตย์
สนสองใบ
credit : ออร์คิด-80
สนสองใบ
credit : ออร์คิด-80 – ต้นสนสองใบอายุ 3 สัปดาห์
สนสองใบ
credit : ออร์คิด-80

ประโยชน์สนสองใบ 

เนื้อไม้

  • สำหรับเนื้อไม้ของสนสองใบนั้นด้านในมีลวดลายที่สวยงามเป็นลายที่เกิดจากวงรอบปีและท่อน้ำมัน แก่น มักเป็นสีน้ำตาลอมชมพู ใช้ตกแต่งและขัดเงาได้ดี ในต่างประเทศนิยมใช้เนื้อไม้สนโดยกว้างขวาง เช่น ใช้ในการก่อสร้างภายในร่ม ทำเครื่องเรือน นำเนื้อไม้ไปใช้เป็นเยื่อกระดาษ ไม้อัด และเฟอร์นิเจอร์ ภาชนะบรรจุสินค้าต่างๆ เพราะมีน้ำหนักเบา ราคาถูก และมีความคงทนพอสมควร
  • ใช้ทำเยื่อกระดาษกันเป็นส่วนมาก
  • เนื้อไม้ใช้ทำเชื้อสำหรับจุดไฟให้ความสว่างยามค่ำคืนหรือ
  • กิ่งก้านใช้ทำฟืนจุดไฟในการหุงต้ม
  • เนื้อไม้มีขายทั่วไปตามท้องตลาดในภาคเหนือของไทยเพื่อใช้เป็นเชื้อจุดไฟ กิ่งก้านใช้ทำฟืน
  • ลำต้นใช้สำหรับก่อสร้างภายใน เช่น พื้นกระดาน เครื่องเรือน โต๊ะ เป็นต้น

สรรพคุณสนสองใบ

  • กระพี้ของลำต้นนำมาต้มน้ำดื่มแก้ไข้สันนิบาต ใช้แก่นต้มหรือฝนกับน้ำรับประทานเป็นยากระจายลม บำรุงกระดูก ไขข้อ ระงับประสาท แก้ฟุ้งซ่าน อ่อนเพลีย เป็นไข้มีเสมหะ คลื่นไส้อาเจียนและอาการท้องเดิน
  • ชาวไทยใหญ่ และจีนฮ่อใช้กิ่ง ใบ และดอก ลนไฟให้เกิดไอสำหรับสูดดมแก้โรคปอดบวม และปอดอักเสบ
  • น้ำมันใช้ทาภายนอกแก้เคล็ดขัดยอก อักเสบบวม หยดในน้ำร้อนประคบแก้ท้องบวม แก้มดลูก และลำไส้อักเสบ
  • ยางสนหรือชันจากลำต้นใช้เป็นยาสมานแผล ผสมยาทาถูนวดแก้ปวดเมื่อย แก้โรคบิด
  • ใบและเปลือกใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้ผดผื่นคัดตามผิวหนัง

ถิ่นกำเนิด และการแพร่กระจาย

ไม้สนสองใบเป็นไม้สนเขาที่มีแหล่งกำเนิด และพบได้ทั่วไปในแถบกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศพม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม เกาะแซมเบลเลส เกาะมินโดโร ประเทศฟิลิปปินส์ และหมู่เกาะสุมาตราในประเทศอินโดนีเซีย ในประเทศไทยการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติของไม้สนสองใบ มีอยู่ในพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูง มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 700-1000 เมตร โดยมีอยู่มากทางภาคเหนือ และมีอยู่บ้างทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับภาคกลางมีลงมาถึงจังหวัดเพชรบุรี

และจากรายงานในบทวิจัยการจัดการเมล็ดไม้สนโดยกล่าวว่า สนสองใบมีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอย่างกว้างขวางตามเส้นรุ้งที่ 23°00″N – 2°06″S และเส้นแวงที 95°30″E – 121°30″E ระดับความสูงตังแต่ 30 เมตรจนถึง 2,000 เมตร (Bryndum, 1970; Dallimore and Jackson, 1966; Mirov, 1967; Troup, 1921) สนสองใบ ที่ พบตามธรรมชาติในประเทศไทยมีทั้งขึ้นอยู่ในระดับตํ่า (lowland) ไปจนถึงพืนทีระดับสูง (highland) ดังนี้

  1. ด้านทิศตะวันตกของจังหวัดเชียงใหม่ไปจนถึงเขตติดต่อพรมแดนพม่าสูงจาก
    ระดับนํ้าทะเล 700 – 1,000 เมตร
  2. บริเวณระหว่างอําเภอเมืองและอําเภอแม่สอด จังหวัดตาก ท้องที่หมู่บ้านห้วยยะอุ
  3. แถบจังหวัดกาญจนบุรี ติดต่อกับเทือกเขาตะนาวศรี และทางทิศตะวันตกของ
    จังหวัดเพชรบุรี สุพรรณบุรี
  4. เขตติดต่อระหว่างภาคเหนือและภาคกลาง จะพบสนสองใบระหว่างจังหวัด
    พิษณุโลกบริเวณทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์บริเวณนําหนาว (สูงจากระดับนําทะเล 760 เมตร) และที่ภูกระดึง จังหวัดเลย (สูงจากระดับนํ้าทะเล 1,500 เมตร)
  5. ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทีราบสูงโคราช จะพบสนสองใบที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีความสูงจากระดับนํ้าทะเลระหว่าง 150 – 200 เมตร การขึ้นอยู่ของไม้สนสองใบ อาจขึ้นเป็นกลุ่มสนสองใบล้วน ๆ หรือปะปนอยู่กับไม้สนสามใบหรือไม้ใบกว้างอืน ๆ โดยแยกลักษณะเป็นสภาพป่าดังนี้

ป่าผสมสนสองใบ – ป่าเต็งรัง บนทีสูงระหว่าง 700 – 1,000 เมตร จะพบป่าชนิดนี้ทางตะวันตกของเชียงใหม่ติดต่อกับพม่า ทีอําเภอแม่สอด จังหวัดตาก และบางส่วนของจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีไม้สนสองใบขึ้นอยู่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรืออยู่โดดเดียวท่ามกลางไม้ใบกว้างชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะไม้เหียงและไม้พลวง ป่าชนิดนี้จะเกิดไฟไหม้บ่อย ๆ แทบทุกปี ในฤดูร้อนจนทําให้การสืบพันธุ์ตามธรรมชาติเป็นไปได้น้อย ดินส่วนใหญ่เป็นพวก podzolic soils มีความอุดมสมบูรณ์ตํ่า มีกรวดลูกรังมาก

ป่าผสมสนสองใบ – ไม้ใบกว้างอื่น ๆ ในพื้นที่ระดับต่ำ พบไม้สนสองใบขึ้นอยู่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือขึ้นอยู่โดดเดียวท่ามกลางไม้ใบกว้างชนิดอื่น ๆ เช่น ไม้เต็ง รัง กราด พลวงบนพื้นทีระดับตํ่าระหว่าง 100 – 200 เมตรจากระดับนําทะเลปานกลาง เช่น แถบจังหวัดศรีสะเกษสุรินทร์ และอุบลราชธานี ดินเป็นพวก sandy loam, podzolic soils มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางพื้นที่บางแห่งมีน้ำขังหรือมีน้ำท่วมเป็นครังคราวได้

ป่าสนสองใบทีราบสูงโคราช ซึ่งเป็นหินทราย เช่น ภูกระดึง จังหวัดเลย พบ สนสองใบอยู่เป็น กลุ่มใหญ่ล้วน ๆ พื้นล่างเป็นหญ้าคาทําให้เกิดไฟไหม้ป่าได้บ่อย ในป่าชนิดนี้จะพบไม้ก่อพวก Castanopsis spp. ขึ้นอยู่กระจัดกระจาย ดินเป็นพวก podzolic soils เช่นเดียวกันกําเนิดมาจากหินทรายแต่เป็นกรดจัดความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ แต่ปริมาณความชื้นค่อนข้างสูง


สำหรับราคาขายและแหล่งขายสำหรับสนสองใบ

แหล่งขายสำหรับไม้ล้อม อย่างต้นสนสองใบ หรือสนชนิดอื่นๆ สวนส่วนใหญ่ที่ส่งขายต้นไม้เหล่านี้มักจะอยู่แถบ จังหวัดเพชรบูรณ์ เชียงใหม่ ชัยนาท ฉะเชิงเทรา หรือเป็น จังหวัดแถวภาคเหนือ

ขนาดของต้นเริ่มต้นที่ 10-15 เซนติเมตร ราคาที่ 99 ไปจนถึง199 บาท ตามขนาด ส่วนต้นใหญ่จะมีราคาหลักพันธุ์ ส่วนวิธีการส่งส่วนใหญ่ไม้ล้อมจะส่งเป็นรอบโดยใช้รถกระบะหรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยมีค่าส่งต่อรอบ 3,500 บาท ถึง 6,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะทางและเกณฑ์ราคาที่ร้านแต่ละร้านตั้งด้วย

สนสองใบ
credit : คุณกัญญาภัค แสนปัญญา

ไม้เกี๊ยะ ภูมิปัญญาจากชาวดอย

ไม้เกี๊ยะที่เรากำลังพูดถึงคือ ส่วนของเนื้อไม้ด้านในของต้นสนสองใบ หรือสนภูเขา ที่ชาวดอยหรือคนภาคเหนือที่อาศัยในบริเวณที่มีต้นสนขึ้นกระจายอยู่มักจะนำเอาไม้เกี๊ยะมาเป็นเชื้อเพลิงในการหุงหาอาหาร แต่ไม้ที่นำมาใช้มันไม่ได้เป็นเพียงแค่เนื้อไม้สนธรรมดา แต่จะต้องผ่านกระบวนการบางอย่าง และนั้นคืออะไรเราไปอ่านกันเลย

ขั้นตอนการทำไม้เกี๊ยะ

  • ถากเอาเปลือกไม้สนออกมาก่อน
  • นำไฟไปเผาใกล้บริเวณเนื้อไม้
  • จากจากเผาเสร็จ น้ำยางที่ยาวจะไหลออกมาจากเนื้อไม้ ชโลมจนเนื้อไม้มีความเงาวาว
  • ไม้สนที่ผ่านการกระบวนการมาแล้ว และพร้อมใช้งาน
  • ยางไม้ที่แห้งและแข็ง และหากมีอายุหลายพันปีเราจะเรียกว่า “อำพัน”
credit : agri.vn

ใครอ่านถึงตรงนี้มีใครอยากลองปลูกต้นสนสองใบยัง มันไม่ได้ยากเลยใช่ไหม และเรายังได้รู้ส่วนประกอบ และวิธีปลูกรวมถึงการขยายพันธุ์ต้นสนสองใบ แถมเรายังมีเกร็ดความรู้พื้นบ้านสำหรับการทำไม้เกี๊ยะอีกด้วย และ kaset.today ยังมีบทความเกี่ยวกับ พันธุ์ไม้ พันธุ์พืช สมุนไพร ผักสวนครัว และ ปศุสัตว์ ที่มีสาระดีๆที่จะทำให้คุณได้นำความรู้เหล่านั้นไปช่วยในการตัดสินใจในการทำธุรกิจ หรือการสั้งซื้อของทางเกษตรได้อย่างถูกต้องและคุ้มค่า


แหล่งอ้างอิง

กรมป่าไม้

ที่มาของ ไม้เกี๊ยะ

บ้านและสวน

การจัดการเมล็ดไม้สน

อยากให้มีเนื้อหาเรื่องอะไรเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นอย่างไร เชิญคอมเม้นท์ไว้ได้เลยครับ