โปร่งกิ่ว ต้นไม้หายากชนิดหนึ่งที่เราไม่ค่อยได้ยินกันสักเท่าไร แต่คนในพื้นที่อาจจะคุ้นกับชื่อ “หมากบักโคยลิง” มันอาจจะเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพเท่าไรแต่จำง่ายดีว่างั้นไหม และเหตุที่เรียกแบบนี้เพราะรูปทรงและสีของผลตอนสุกนั้นมีลักษณะเหมือนอวัยวะเพศของลิง แต่พันธุ์ไม้ชนิดนี้มันมีสิ่งที่อยากให้คุณได้ศึกษามากกว่านี้ ดังนั้น kaset.today จึงมาเสิร์ฟสาระดีๆเกี่ยวกับต้นโปร่งกิ่วให้คุณรู้จักกัน
ข้อมูลทั่วไปของต้นโปร่งกิ่ว
ชื่อภาษาอังกฤษ : ไม่พบ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dasymaschalon lomentaceum Finet & Gagnep.
ชื่อเรียกท้องถิ่น : ภาคตะวันออกเฉียเหนือ เรียก ติดต่อ เดือยไก่ ตีนไก่ ควยลิง
ชื่อภาษาประเทศเพื่อนบ้าน :
- ภาษาเขมรเฮาทา คือ เจิง จ๊าบ
- ภาษาลาวเอิ้นว่า คือ หมากบักโคยลิง
ชื่อสกุล : Dasmaschalon อยู่สกุลเดียวกับบุหรง
ชื่อสปีชีส์ : Dasymaschalon lomentaceum’
ชื่อวงศ์ : Annonaceae
ความเชื่อของต้นโปร่งกิ่ว
จากข้อมูลที่ได้ไปค้นหาจาก วารสารเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี | ปีที่2 ฉบับที่2 พฤษภาคม – สิงหาคม 2564 ว่าด้วยเรื่องความหลากชนิดของพืชระดับกลางและพืชระดับล่างในป่าชุมชนกับการใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นของชุมชนชาวไทยเขมร จังหวัดสุรินทร์ ได้ให้ข้อมูลไว้ว่าจากการสัมภาษณ์ชุมชน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าสว่าง ตำบลนอกเมือง และตำบลสลัก อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
ต่างมีความเชื่อว่าการนำใบของต้นโปร่งกิ่วมาใช้ในการไหว้พระและประกอบพิธีกรรมโจมครูของ ชุมชนเขมรสุรินทร์ หรือเรียกว่า พิธีกรรมการโจลมะม็วด ซึ่งเป็นพิธีไหว้ครู หรือการทรงเจ้าหรือรำแม่มด และตามความเชื่อของชาวบ้าน โดยจุดประสงค์ในการจัดงานนี้มีเพื่อรักษาคนในหมู่บ้าน
ความหมายและความสำคัญ : พิธีกรรมการโจลมะม็วด หมายถึง การเข้าทรงเพื่อทำการรักษาโรค คำว่า โจล แปลว่า เข้า(ทรง) มะม็วด แปลว่า แม่มด ดังนั้น โจลมะม็วด จึงหมายถึง การเข้าทรงแม่มด โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทำการ
รักษาโรคของสังคมชาวเขมรในแถบอีสานใต้ และเป็นการทำนายทายทักหาสาเหตุการเจ็บป่วยตามวิถีแบบดั้งเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการป่วยที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ แต่ชาวบ้านมักเชื่อว่า การที่หาสาเหตุไม่ได้อาจเป็นเพราะการกระทำของอำนาจเหนือธรรมชาติ
ต้นโปร่งกิ่วมาจากไหน
โปร่งกิ่ว เป็นพันธุ์ไม้ที่อยู่ในภาคอีสาน มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ ติดต่อ ซึ่งมีที่มาจากลักษณะของผลที่เป็นรูปทรงกระบอกเป็นข้อปล้อง ในแต่ละปล้องจะมีเมล็ดอยู่ด้านใน และเมื่อมากจากภายนอกจะเห็นเมล็ดเรียงต่อกันและมีเปลือกหุ้มเป็นรอยหยักถี่ติดต่อกัน คนจึงนิยมเรียกกันว่า ติดต่อ
ในปัจจุบันมีพันธุ์ไม้ที่อยู่ในสกุลบุหรงมีทั้งหมด 12 ชนิด ในประเทศไทยหนึ่งในนั้นคือต้นโปร่งกิ่ว และโปร่งกิ่วถือเป็นพรรณไม้ที่มีขนาดของลำต้น
เล็กที่สุด ขณะเดียวกันก็มีดอกและผลขนาดเล็กที่สุดด้วย แต่ความจริงที่ว่าต้นโปร่งกิ่งไม่ใช่ต้นไม้ที่มีแหล่งกำหนิดที่ประเทศไทยแต่มีหลักฐานว่าพบที่แรกที่ประเทศเขมร โดยมีหลักฐานจากในปี พ.ศ. 2413 โดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ Pierre ที่เก็บต้นแห้งของต้นโปร่งกิ่วจากเขมร ที่อยู่ในป่าดิบแล้ง
ลักษณะต้นโปร่งกิ่ว
โปร่งกิ่ว ตามรายละเอียดของ ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ต้นไม้ชนิดนี้เป็นไม้พุ่ม ซึ่งพบได้ตามป่าเบญจพรรณและป่าละเมาะในทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ที่ระดับความสูงประมาณ 150-300 เมตรและยังมีข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะต่างๆของต้นโปร่งกิ่วโดยอ้างอิงแหล่งข้อมูลจากหนังสือ ๘๙ พรรณไม้ถวายในหลวง โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ
- ลำต้น
ไม้พุ่มขนาดเล็กมีความสูงราว 1-2 เมตร หรืออาจมีความสูงได้ถึง 4 เมตรเมื่ออยู่ในป่าและมีอายุมากๆ ลักษณะของลำต้นจะตั้งตรง มีการแตกกิ่งเป็นจำนวนมากและกิ่งอ่อนๆ จะมีสีเขียวมีช่องอากาศสีขาวเป็นจุดๆ แล้วก็มีช่องอากาศเป็นจุดหรือลายๆ สีขาวทั่วทั้งลำต้น เปลือกของลำตันจะออกสีน้ำตาลอมดำ เนื้อไม้มีความเหนียว
- ใบ
จะมีลักษณะใบเดี่ยวแบบเรียงสลับอยู่ในระนาบเดียวกัน ใบเป็นรูปขอบขนานปนใบหอก หรือ รูปวงรีปนขอบขนาน โดยมีขนาด ความกว้างประมาณ 2-3.5 เซนติเมตร ความยาวราวๆ 7-12 เซนติเมตร ส่วนโคนใบจะออกมนๆ เว้าเล็กน้อย ปลายใบจะเรียวๆ ทู่ๆ ผิวใบด้านบนเป็นมันเรียบ สีเขียวเข้ม ด้านล่างสีฟ้าอมขาว ตรงเส้นกลางใบด้านบนจะมีเป็นร่อง ด้านล่างจะเห็นเป็นสันนูน เส้นแขนงของใบมีจำนวน 7-11 คู่ แต่เห็นไม่ค่อยจะชัดนัก ก้านใบมีความยาว 4 มิลลิเมตร
- ดอก
เป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบใกล้ช่วงปลายกิ่งตอนดอกอ่อนจะมีสีขาวปนเขียว ดอกบานแล้วจะเป็นสีเขียวอมเหลืองจนเกือบเหลืองนวล ก้านของดอกมีความยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ลักษณะของกลีบเลี้ยงเป็นรูปไข่ ส่วนกลีบดอกจะติดกันเป็นแบบกรวย มีความยาว 2-3 มิลลิเตร ด้านปลายของกรวยดอกจะมนๆ โคนของดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ 0.7-1 เซนติเมตร ดอกจะมีกลิ่นหอม ระยะเวลาออกดอกจะอยู่ช่วงเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม
- ผล
จะเป็นแบบผลกลุ่ม ผลมีลักษณะฝักรูปทรงกระบอกยาวๆ ผลย่อยมีราวๆ 6-12 ผล ก้านช่อของผลมีความยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร เมื่อผลอ่อนจะมีสีเขียวปนขาว และผลแก่จะเป็นสีแดงสดจนบางทีมีสีอมม่วงนิดๆ ผลสามารถรับประทานได้ โดยจะมีรสออกหวานอมเปรี้ยว ระยะเวลาการติดผลจะอยู่ในเดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน
- เมล็ด
ในผลจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 2-5 เมล็ด ลักษณะเรียงติดๆ กัน ทรงกลม สีขาว ขนาด5-7 มม.
แหล่งที่พบและวิธีขยายพันธุ์ต้นโปร่งกิ่ว
แหล่งที่พบ
ส่วนในประเทศไทย จะพบต้นโปร่งกิ่วที่มักจะเจริญเติมโตในดินทราย ตามภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงใต้นอกจากนี้ยังพบในภาคตะวันตกเฉียงใต้
อีกแห่งหนึ่ง ที่อำเภอเมือง จังหวัดระจวบคีรีขันธ์
ซึ่งเป็นพื้นที่ดินทรายเช่นกัน ยกตัวอย่างป่าสงวนที่พบต้นโปร่งกิ่วคือ
- ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภู
- ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงโพนทราย
วิธีขยายพันธุ์
สามารถทำได้โดยการเพาะเมล็ด ดินที่โปร่งกิ่วชอบ ได้แก่ ดินทราย หรือ ดินร่วน วิธีการเพาะทำได้ดังนี้…นำเมล็ดโปร่งกิ่วที่ค่อนข้างแก่ลงไปเพาะในดินทรายที่รดน้ำจนชุ่ม แต่ไม่แฉะ แล้วนำไปไว้ในที่ร่ม ไม่ให้ถูกแสงแดด ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 30 กว่าวันที่เมล็ดจะเริ่มงอกเป็นต้น จากนั้น นำต้นงอกใหม่ไปปลูกในดินขุยมะพร้าวผสมปุ๋ยหมักที่รดน้ำจนชุ่ม ส่วนนี้จะใช้เวลามากกว่า10 วัน ต้นที่ปลูกในดินจะเติบโตและแตกใบใหม่เรื่อยๆ (หมายเหตุ: ในการนำลงดินให้ขุดหลุมด้วยความกว้างและลึกประมาณ 30 เซนติเมตร โดยให้ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์รองที่ก้นหลุม เพื่อเป็นการช่วยให้มีการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
และเราไปศึกษาจากคุณ SasahzSurprise จึงได้มีภาพประกอบมาให้ทุกคนได้ดูง่ายๆกัน มีวิธีดังนี้
- แกะเมล็ดออกมา จากฝัก
- ในระยะการเพาะเมล็ดควรเพาะในกระบะทรายจะมีอัตราการรอดสูง และรดน้ำลงบนทรายให้ชุ่มและไม่เอาน้ำขังเด็ดขาด
- นำไม้ปักลงไปให้ลึกประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร เพื่อที่จะใส่เมล็ดลงไปในทรายแล้วกลบปิดบางๆ แล้วรดน้ำอีกนิด และปิดฝา หรือ ใส่ถุงให้เป็นระบบปิด ทรายในกระบะจะได้ไม่แห้ง
- เลี้ยงในระบบปิดประมาณ 38-40 วัน ต้นกล้าก็จะงอกออกมา พร้อมย้ายลงไปเพาะต่อในดินร่วน สามารถใส่ในแก้วพลาสติก หรือ ถุงเพาะกล้าได้
ต้นโปร่งกิ่วมีสรรพคุณด้านยาอะไรบ้าง
- ต้น ช่วยบำรุงร่ายกาย บำรุงเลือดสตรีอยู่ไฟระบายลม บำรุงกระษัย
- ราก เป็นส่วนผสมแป้งส่าเหล้า
- ผล สามารถรับประทานและ เป็นอาหารนก
- ลำต้น ทำไม้ถูขี้ไคล
- ใบ ใช้ในพิธีกรรมโจมครูของชุมชนเขมรสุรินทร
เกร็ดความรู้ ! ในทางตำรับตำรายาไทย โปร่งกิ่ว มีสรรพคุณ คือ ส่วนรากหรือลำต้นของโปร่งกิ่วใช้ผสมกับต้นพีพ่าย แล้วนำไปต้มกับน้ำ ใช้ดื่มเพื่อแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รวมถึงแก้เคล็ดขัดยอก
ประโยชน์ของต้นโปร่งกิ่วในด้านอื่นๆ
ทั้งนี้เราได้นำข้อมูลจากงานวิจัย “ความหลากชนิดของพืชระดับกลางและพืชระดับล่างในป่าชุมชนกับการใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นของชุมชนชาวไทยเขมร จังหวัดสุรินทร์”
ที่มีการสำรวจชุมชนในจังหวัดสุรินทร์ส่วนใหญ่เป็นชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์เขมรหรือไทยเขมร ในด้านการใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นแถบภาคอีสานได้ลงความคิดเห็นว่า พืชที่นำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากที่สุดได้แก่ โปร่งกิ่ว ใช้ประโยชน์ได้ถึง 6 ประเภท เนื่องจากโปร่งกิ่วเป็นพืชที่พบทั้ง 4 ป่า ที่ทำการสำรวจ มีนวนมากและขึ้นเป็นกลุ่มกระจายทั่วบริเวณที่โล่งของป่า ทางเดินในป่าและชายป่า เป็นพืชที่นกและสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร และชุมชนเก็บผลสุกไปรับประทานที่บ้าน
ทำให้มีการขยายพันธุ์ปริมาณมากพบทั้งชายป่า ชายทุ่ง เขตชุมชน และบ้านพักอาศัย จึงเกิดการประยุกต์และการอนุรักษ์ต้นโปร่งกิ่วกับวิถีชุมชนในจังหวัดสุรินทร์ในการนำมาใช้ประโยชน์ในด้าน สมุนไพร อาหาร เชื้อเพลิง ทำเป็นของใช้ในบ้านทำการเกษตร เป็นอาหารสัตว์ ปลูกประดับบ้านพักและรับประทานผล รวมทั้งนำมาประกอบพิธีกรรมในชุมชน
วิธีปลูกต้นโปร่งกิ่วบ้าน
นอกเหนือไปจากสรรพคุณด้านยาสมุนไพรแล้ว โปร่งกิ่ว ยังมีคุณประโยชน์ เพื่อปลูกเป็นไม้ประดับ ซึ่งสามารถปลูกได้ดีทั้งแบบลงดินในพื้นที่โล่งแจ้ง และปลูกในกระถาง โดยกระถางควรจะมีขนาดใหญ่และมีทางระบายน้ำที่ก้นกระถาง ไม่ควรให้มีน้ำขังในกระถางเด็ดขาด
ทั้งนี้ สามารถนำกระถางโปร่งกิ่วไปตั้งไว้ในที่แจ้งได้ตามความต้องการ ส่วนการรดน้ำก็ให้รดทุกวันช่วงเช้าและเย็น การบำรุงสามารถใช้ปุ๋ยคอกโรยตามหน้าดินรอบๆ โคนต้น หรืออาจจะใส่สลับกับปุ๋ยสูตร 16-16-16 เป็นระยะเวลาสองเดือนต่อครั้ง เหล่านี้จะทำให้ โปร่งกิ่ว เจริญงอกงาม แตกกิ่งแตกก้านเป็นพุ่มแน่น ดอกมีสีสด แล้วก็ส่งกลิ่นหอมกำจาย
ข้อควรรู้ !
สิ่งต้องรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ชนิดนี้ เนื่องจาก โปร่งกิ่ว เป็นไม้พุ่มที่ค่อนข้างแน่น เวลามีลมพัดแรงอาจจะทำให้พุ่มของต้นเกิดการเอียงและล้มง่าย ดังนั้นจึงควรจะปักหลักหรือยึดลำต้นให้อยู่ในลักษณะตั้งตรง เพื่อช่วยพยุงลำต้น
ข้อดี !
อาจจะมีบางคนรู้และไม่รู้ นั่นก็คือ โปร่งกิ่ว เป็นต้นไม้ที่บรรดานกชื่นชอบ หรือเรียกได้ว่าเป็นไม้เรียกนก เพราะผลสุกเป็นอาหารของนกแถมผลยังดกด้วยนกจึงมาเยือนบ่อยๆ ซึ่งผู้ที่ปลูกต้นไม้ชนิดนี้จะได้รับความรื่นรมย์จากเสียงสำเนียงขับขานของเหล่านกทั้งหลาย แบบนี้ก็น่าจะทำให้ชีวิตสดชื่นได้ดียิ่ง
มุมมองการนำต้นโปร่งกิ่วบ้านไปใช้ในงานภูมิสถาปัตกรรม
เราได้ไปเจอข้อมูลดีๆจากงานวิจัย การศึกษาพรรณไม้ท้องถิ่นเพื่อใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม
กรณีศึกษา : ไม้พุ่มและไม้คลุมดินในป่าจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งนั้นก็มี “ต้นโปร่งกิ่ว” ของเราติดในรายชื่อต้นไม้ที่ถูกใช้ในภูมิสถาปัตกรรม หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆคือ การนำต้นไม้ไปประดับตามสถานที่ให้เกิดความสวยงามและเหมาะสมกับสภาพอากาศนั้นเอง
โดยในงานวิจัยนี้ได้จัดให้ต้นโปร่งกิ้วอยู่ใน “ไม้พุ่มสูง” ที่สามารถมีความสูงได้ถึง 3.01-4.50 เมตร โดยตัวรูปทรงต้นไม้เป็นแบบทรงกระบอก/ไข่ โดยจุดเด่นของต้นโปร่งกิ่วที่ทำให้ถูกเลือกไปเป็นต้นไม้ประดับคือ “ผลสุกสีแดงสด”
และด้วยตัวต้นไม้มีใบและรูปทรงที่มีผลต่อการรอดผ่านของแสงในเกณฑ์ปานกลางทำให้ถูกเลือกใช้เป็นต้นไม้ชั้นกลาง เพื่อเวลาเอาไปปลูกในทิศทางที่มีแดดส่องมา ผู้อาศัยยังคงสามารถได้รัแสงแดดอ่อนยามเช้าอีกด้วย และยังทำให้บริเวณที่ปลูกด้วยต้นโปร่งกิ่วให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา และตัวใบต้นโปร่งกิ่วมีผลสำรวจว่ามีผิวสัมผัสไม่นุ่มละเอียดหรือหยาบมากจนเกินไป ทำให้ใบเวลาโดนแสงจึงเกิดแสงสะท้อนในบางจุด และแสงลอดผ่านเข้ามาได้
โห ใครอ่านถึงตรงนี้แล้ว กำลังกดหาแหล่งซื้อต้นไม้ชนิดนี้ เราก็ขอให้คุณโชคดี เพราะด้วยว่าต้นไม้ชนิดนี้เป็นไม้ป่าหายาก แต่ถ้าได้ครอบครอง kaset.today แน่ใจเลยว่าคุ้มกับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน และเรายังมีบทความดีๆอีกมากมายเกี่ยวกับ พันธุ์ไม้ พันธุ์พืช สมุนไพรที่น่าสนใจ หรือคุณอาจจะอยากเปลี่ยนแนวไปศึกษาเกี่ยวกับปศุสัตว์ทำเงินล้าน สร้างอาชีพใหม่ให้กับตัวคุณเอง ทางเราก็มีให้ หากสนใจก็เข้าไปอ่านกันเลย
แหล่งอ้างอิง
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี