เดฟกระดุม ภาษาอังกฤษ : String of Nickels Plant
เดฟกระดุมชื่อวิทยาศาสตร์ : Dischidia nummularia
ชื่อเรียกอื่น ๆ : เกล็ดมังกร, กระดุมเสื้อ เกล็ดลิ่น, หญ้าเกล็ดลิ่น, เบี้ยไม้ กับม้ามลม ฯลฯ
วงศ์ : Apocynaceae (วงศ์ตีนเป็ด) และอยู่ในวงศ์ย่อยนมตำเลีย (Asclepiadaceae)
เดฟกระดุม ไม้เลื้อยยอดนิยมที่คนนำมาประดับสถานที่ ด้วยลักษณะของลำต้นที่เป็นเถาและทอดเลื้อยยาว จึงเหมาะที่จะปลูกในกระเช้าหรือกระถางและห้อยไว้ตามบริเวณชายคาของบ้าน หรือจะห้อยประดับไว้ตามโรงแรม รีสอร์ต ก็จะยิ่งดูสวยงามขึ้น เป็นพรรณไม้ที่มักพบขึ้นตามบริเวณป่าเบญจพรรณหรือตามป่าทั่ว ๆ ไป โดยมีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ในต่างประเทศพบได้ที่มาเลเซีย
เรื่องน่ารู้ของต้นเดฟกระดุม
เดฟกระดุม ถือเป็นไม้เลื้อยยอดนิยมอีกหนึ่งชนิดที่ใครหลายคนนำมาประดับตกแต่งบ้าน สวน อาคารสำนักงาน และสถานที่ต่าง ๆ เนื่องจากต้นเดฟเป็นไม้เลื้อยที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เหมาะแก่การปลูกในกระถางแขวน ซึ่งสามารถนำมาห้อยประดับเพื่อบังสายตาได้ หลายคนจึงนิยมนำต้นเดฟกระดุมมาประดับตกแต่งตามสถานที่ต่าง ๆ เดฟกระดุมก็ถือเป็นต้นเดฟอีกหนึ่งชนิดที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกระดุม จึงมีชื่อเรียกว่า “เดฟกระดุม” นั่นเอง ถือเป็นเดฟอีกหนึ่งชนิดที่หลายคนชอบและนิยมนำมาประดับตกแต่งในมุมต่าง ๆ
บริเวณที่เหมาะสมต่อการปลูก
สำหรับบริเวณที่ควรปลูกต้นเดฟกระดุม ควรเป็นพื้นที่ที่มีความชื้น มีอากาศถ่ายเท และมีแสงแดดรำไร เพราะเดฟกระดุมชอบความชื้นแต่ไม่แฉะ และควรได้รับแสงแดดแบบรำไร ไม่ควรปลูกในที่ที่มีลมแรง และไม่มีแสงมากหรือน้อยเกินไป
ลักษณะของต้นเดฟกระดุม
- ลำต้น เดฟกระดุมมีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลำต้นเป็นเถาสีเขียวขนาดเล็ก เลื้อยเกาะยึดไปตามต้นไม้ชนิดอื่น ย้อยห้อยเป็นสายลงมา มีความยาวประมาณ 10-50 เซนติเมตร ซึ่งมีรากตามลำต้น ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาวเหมือนน้ำนม
- ใบ ใบของเดฟกระดุมมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว กลมและหนา คล้ายกับกระดุม ใบขนาดเล็ก มีสีเขียว ออกเรียงเป็นคู่ ๆ ตรงข้ามกัน เนื้อใบหนาอวบน้ำ ปลายแหลมเป็นติ่งขนาดเล็ก โคนแหลม-มน ผิวเป็นมัน ขอบใบเรียบ ก้านใบสั้น ยาวได้เพียง 1-2 มิลลิเมตร ยอดอ่อนและใบอ่อนมีขนขึ้นประปราย บางกิ่งเป็นสีเขียว บางกิ่งเป็นสีเหลือง หรือมีทั้งสองสีในใบเดียว ใบมีความกว้างประมาณ 4-8 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 4-11 มิลลิเมตร
- ดอก ดอกของเดฟกระดุมมีขนาดเล็ก ออกช่อเป็นกระจุกตามบริเวณซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีสมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยงดอกมีจำนวน 5 กลีบ เป็นสีเขียว มีความกว้างประมาณ 0.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร กลีบดอกจะมีอยู่ 5 กลีบ กลีบดอกเป็นสีขาวแกมเหลืองหรือเป็นสีเขียว โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปคนโท โดยส่วนที่เป็นหลอดนั้นมีความยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร และส่วนที่เป็นพูมีความกว้างประมาณ 0.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร มีรยางค์เป็นรูปมงกุฎ 5 อัน โดยแต่ละอันจะแยกเป็น 2 พู เกสรเพศผู้มี 5 อัน ส่วนเกสรเพศเมียมี 1 อัน รังไข่ 2 อัน ซึ่งรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบ มี 1 ช่อง และมีออวุลจำนวนมาก ติดตามแนวตะเข็บ มีก้านเกสรเพศเมีย 2 อัน และยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน โดยจะออกดอกในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม
- ผล สำหรับผลของเดฟกระเป๋านั้นจะมีลักษณะเป็นฝักรูปดาบแกมขอบขนาน โค้งเล็กน้อย สามารถยาวได้ประมาณ 5-7 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร บริเวณเหนือจุดกึ่งกลางมีความแหลมเรียวเป็นจะงอย ใต้จุดกึ่งกลางมีลักษณะเป็นรูปรีเบี้ยว แตกตะเข็บเดียว ภายในฝักจะมีเมล็ดอยู่จำนวนมาก ซึ่งเมล็ดมีลักษณะแบน บริเวณปลายเมล็ดมีขนเป็นพู่หรือกระจุกขนสีขาวคล้ายเส้นไหม
สายพันธุ์
เดฟกระดุมด่าง (Dischidia nummularia Variegata)
ลำต้นมีลักษณะเป็นเถาสีเขียวขนาดเล็ก ใบออกเรียงกันเป็นคู่ ๆ ใบกลม เนื้อใบหนา บางกิ่งเป็นสีเขียว และบางกิ่งเป็นสีเหลือง โดยแต่ละใบจะมีแถบสีขาวตามขอบใบ ถือเป็นไม้ที่เลื้อยได้ยาว เหมาะแก่การปลูกใส่กระเช้า หรือกระถางแขวน ซึ่งวัสดุปลูกที่เหมาะกับการปลูกต้นเดฟกระดุมด่างควรเป็นวัสดุปลูกที่มีน้ำหนักเบา สามารถเก็บความชื้นได้ แต่ระบายน้ำได้ดี แสงควรเป็นแสงแดดรำไร สำหรับวิธีการขยายพันธุ์สามารถทำได้โดยการปักชำหรือเพาะเมล็ด
วิธีการปลูก
การปลูกเดฟกระดุม สามารถปลูกด้วยวัสดุที่เก็บความชื้นได้ดีอย่างกาบมะพร้าว สามารถปลูกใส่กระถางหรือกระเช้าแขวนโดยเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาเป็นหลัก อาจใช้กาบมะพร้าวร่วมกับใบไม้ผุ หรือใช้โฟมหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปด้วยก็จะทำให้มีน้ำหนักเบามากยิ่งขึ้น เดฟกระดุมชอบความชื้นแต่ไม่แฉะ ดังนั้นควรปลูกใส่ภาชนะที่มีรูพรุนเพื่อให้สามารถระบายน้ำได้ ไม่ควรใช้ดินเป็นวัสดุปลูกหลักเพราะจะทำให้อมน้ำได้ง่าย
วิธีการดูแล
- แสงเดฟกระดุมชอบแสงรำไร พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะแสงแดดในช่วงกลางวัน หากแขวนต้นเดฟกระดุมไว้ในบ้านหรืออาคารสำนักงานก็ควรนำออกมาโดนแสงอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง ในเวลาก่อนเที่ยง
- น้ำเดฟกระดุมเป็นพืชที่ชอบความชื้น แต่ไม่ควรปล่อยให้วัสดุปลูกแฉะหรือมีน้ำขัง ควรรดน้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
- ดินควรใช้วัสดุปลูกที่มีความโปร่ง เพื่อการระบายน้ำที่ดี อย่างเช่น กาบมะพร้าว เศษใบไม้ผุ หากใช้ดินปลูกจะทำให้อุ้มน้ำได้ง่าย ซึ่งเดฟกระดุมไม่ชอบความแฉะ ดังนั้นควรใช้วัสดุปลูกที่สามารถระบายน้ำได้ดี
- ปุ๋ย การบำรุงต้นเดฟกระดุมด้วยปุ๋ย สามารถให้ปุ๋ยประมาณเดือนละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งสามารถใส่ปุ๋ยเม็ดประเภทเดียวกับปุ๋ยที่ใช้บำรุงต้นกล้วยไม้ได้ และควรใส่ปุ๋ยในช่วงเช้าตอนที่มีแดด
ประโยชน์และสรรพคุณ
- ใช้แขวนประดับตกแต่งบ้าน อาคารสำนักงาน หรือมุมพักผ่อนส่วนตัว โดยการแขวนประดับให้มีความร่มรื่นและแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน
- สามารถนำต้นเดฟกระดุมมาแขวนไว้ในพื้นที่ที่ต้องการจะบดบังสายตาได้ เช่น พื้นที่ระหว่างโต๊ะทำงานข้าง ๆ และมุมภายนอก เป็นต้น
- ตำรายาไทยจะใช้ทั้งต้นเป็นยาถอนพิษไข้ พิษไข้กาฬ (ไข้ที่มีตุ่มตามผิวหนัง ตุ่มนั้นอาจมีสีดำ)
- ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้พิษตานซาง (โรคพยาธิในเด็กที่มีอาการเบื่ออาหาร ไม่ค่อยทานอาหาร อ่อนเพลีย พุงโรก้นปอด ผอมแห้ง ซูบซีด ท้องเดิน ตกใจง่าย อุจจาระผิดปกติ อาจมีกลิ่นคาวจัด และชอบกินอาหารคาว)
- ถือเป็นยาสมุนไพรพื้นบ้านของจังหวัดอุบลราชธานี โดยจะใช้ทั้งต้นแก้โรคตับพิการ
- ลำต้นใช้เป็นยาแก้อักเสบและปวดบวม
- ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
- ใบสดสามารถนำมาตำให้ละเอียดแล้วใช้เป็นยาพอกบริเวณที่เป็นแผลพุพอง
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
สำหรับราคาของต้นเดฟกระดุมนั้นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดของกระถางและความยาวของต้น โดยทั่วไปแล้วต้นเดฟกระดุมจะมีราคาตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย โดยราคาในหลักสิบจะมีราคาไม่เกิน 80 บาท ส่วนหลักร้อยราคาจะเริ่มต้นที่ 100 บาท ขึ้นไป