ชื่อภาษาอังกฤษ Phyllanthus mirabilis
ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus mirabilis
ชื่ออื่นๆ มะยมหิน, มะยมโขด
วงศ์ Phyllanthaceae
เสน่ห์ของมะยมเงินมะยมทองคือความสวยงามของลำต้นที่คาดเดาไม่ได้ ผู้เพาะเลี้ยงจะได้เฝ้าดูการเติบโตอย่างเชื่องช้าไปพร้อมกับปรับแต่งให้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการมากที่สุด ยิ่งนานวันก็ยิ่งมีคุณค่ามากขึ้นในแง่ของพันธุ์ไม้สะสมและพันธุ์ไม้หายาก ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือส่วนใบที่มีทั้งสีเขียวและแดงระเรื่อนั้น จะหุบลงเมื่อหมดแสงตะวันและกางออกอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น จึงให้ความรู้สึกถึงความมีชีวิตของต้นไม้มากขึ้นไปอีก นอกจากนี้มะยมเงินมะยมทองยังเป็นไม้มงคลเรียกทรัพย์ ที่นิยมเพาะเลี้ยงไว้ในบ้านเพื่อเสริมดวงและฮวงจุ้ยด้วย
ความเชื่อเกี่ยวกับมะยมเงินมะยมทอง
เชื่อกันว่าต้นมะยมโขดหรือมะยมเงินมะยมทองนี้เป็นไม้มงคลที่ช่วยเสริมเรื่องโชคลาภทางด้านการเงิน หากปลูกไว้ภายในชายคาเรือนจะช่วยให้ครอบครัวมีกินมีใช้ ไม่ขัดสนเงินทอง และไม่ต้องหาเงินด้วยวิธีที่เหน็ดเหนื่อย ช่วยเสริมทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เพิ่มพูนขึ้นเป็นทวีคูณ ไม้โขดชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีกิจการร้านค้าด้วย โดยให้ตั้งประดับเอาไว้มุมใดมุมหนึ่งภายในร้าน จะช่วยให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าและสร้างผลกำไรที่ดีตามเป้าหมายได้ ในแง่ของฮวงจุ้ยก็มีความเชื่อว่าจะช่วยเสริมพลังงานที่ดีให้หมุนเวียนภายในบ้านมากขึ้นด้วย
ตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การปลูกภายในบริเวณบ้าน
เนื่องจากมะยมเงินมะยมทองเป็นไม้โขดขนาดเล็ก จึงสามารถเพาะใส่กระถางตั้งประดับไว้ภายในบ้านได้ แต่จะต้องนำออกไปรับแดดบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อให้เติบโตและแตกใบได้ตามปกติ ส่วนการตั้งในตำแหน่งที่จะเสริมสิริมงคลและฮวงจุ้ยนั้นจะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน แบบแรกคือตั้งไว้บริเวณประตูทางเข้าหลักหรือตั้งไว้ที่ห้องโถงใหญ่ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของพลังงานที่ดีมากขึ้น ซึ่งเป็นผลให้บรรยากาศของครอบครัวดีขึ้น จะทำสิ่งใดก็ราบรื่นไร้อุปสรรค อีกแบบหนึ่งคือตั้งไว้ในห้องทำงานเพื่อเสริมเรื่องการเงินโดยเฉพาะ
ลักษณะของมะยมเงินมะยมทอง
- ลักษณะของลำต้น แม้ว่ามะยมเงินมะยมทองจะเป็นไม้โขดที่มีลำต้นอวบใหญ่ แต่ก็สามารถเลี้ยงให้เป็นไม้เลื้อยหรือปล่อยให้สูงชะลูดแบบไม้ยืนต้นได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการตัดแต่งปรับรูปทรงตามความต้องการของผู้เพาะเลี้ยง ผิวนอกลำต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผิวขรุขระ และมีการแตกกิ่งก้านสั้นๆ ที่บริเวณปลายยอดเท่านั้น
- ใบ ใบเป็นทรงวงรี โคนใบสอบ ปลายใบโค้งมน คล้ายกับใบมะยมที่เราคุ้นเคยกันดี ใบอ่อนที่พึ่งแตกใหม่จะมีสีน้ำตาลแดงระเรื่อ เนื้อใบอ่อนนิ่ม เมื่อโตเต็มที่เนื้อใบจะหนาขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีเขียว เหลือเพียงส่วนของก้านใบเท่านั้นทีมีสีอมแดงอยู่ ปริมาณใบจะมากขึ้นหรือขึ้นอยู่กับแสงแดดที่ได้รับ และที่พิเศษก็คือใบจะหุบลงในตอนค่ำ และกางออกอีกครั้งในตอกลางวัน
วิธีการปลูก
เราสามารถขยายพันธุ์ต้นมะยมเงินมะยมทองได้ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง แต่เนื่องจากพันธุ์ไม้ชนิดนี้โตช้ามาก กว่าจะออกดอกติดผล และกว่าจะได้เมล็ดมาเพาะก็อาจต้องรอกันหลายปี วิธีการปักชำกิ่งจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า โดยเลือกต้นที่โตพอสมควรและมีการแตกกิ่งออกมาแล้ว ให้ใช้มีดปลายแหลมตัดกิ่งที่ต้องการแล้วแช่น้ำพักไว้ก่อน หันมาเตรียมวัสดุปลูกด้วยการผสมดินหมักใบก้ามปูกับทรายหยาบในอัตราส่วนเท่าๆ กัน แล้วเอามาคลุกกับหินภูเขาไฟขนาดเล็กอีกที เพื่อเพิ่มความโปร่งของดิน หรือจะเลือกซื้อเป็นดินสำเร็จรูปสำหรับเพาะปลูกแคคตัสมาก็ได้ จากนั้นรองก้นกระถางด้วยกาบมะพร้าวสับหยาบแช่น้ำไว้ข้ามคืน แล้วใส่วัสดุปลูกลงไปส่วนหนึ่ง วางกิ่งที่ตัดไว้ลงไปก่อนตามด้วยดินส่วนที่เหลือ กดหน้าดินให้แน่นแล้วตั้งไว้ในพื้นที่แดดรำไรสัก 1-2 เดือน แนะนำว่าให้ปักชำ 1 กิ่งต่อ 1 กระถาง เพราะเราจะต้นกล้าเติบโตในกระถางนั้นเลย ไม่มีการย้ายที่ปลูกอีก
วิธีการดูแลรักษา
- แสง ต้องการแสงค่อนข้างมาก แม้จะโตได้ในพื้นที่แดดรำไร แต่ก็จะสมบูรณ์กว่าเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งและระวังไม่ให้น้ำขัง
- ดิน เติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี
- ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยอินทรีย์บำรุงดินทั่วไป หรือจะใช้เป็นปุ๋ยเม็ดละลายช้าก็ได้ โดยความถี่ในการใส่ปุ๋ยให้ปรับเปลี่ยนไปตามการเติบโตของต้นพืช
คุณประโยชน์ที่ได้จากมะยมเงินมะยมทอง
มะยมเงินมะยมทองเป็นไม้โขดที่มีรูปร่างสวยแปลกตา เมื่ออายุมากขึ้นจะมีความงดงามของลำต้นที่แตกต่างกันไปตามการเลี้ยงดู ยิ่งอายุมากเท่าไรมูลค่าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับต้นบอนไซนั่นเอง พันธุ์ไม้ชนิดนี้จึงเป็นที่นิยมของคนรักไม้กระถางขนาดเล็กอย่างมาก นอกจากใช้ประดับตกแต่งบ้านเพื่อความสวยงามและช่วยเสริมสิริมงคลแล้ว ก็ยังเป็นงานอดิเรกของคนรักธรรมชาติที่ต่อยอดเป็นช่องทางสร้างรายได้มหาศาลได้อีกด้วย
ความผิดปกติของต้นมะยมเงินมะยมทองและวิธีแก้ไข
ข้อดีของพันธุ์ไม้ชนิดนี้ก็คือดูแลรักษาง่ายมาก เติบโตได้ในทุกสภาพแวดล้อม และมีปัญหาให้แก้ไขน้อยมาก ที่พบเจอบ่อยๆ จะมีเพียงแค่ 2 เรื่องเท่านั้น เรื่องแรกคือไม่แตกใบ ใบเล็กหรือใบร่วง ทุกกรณีมีต้นเหตุเดียวกันก็คือแสงแดดไม่เพียงพอ แค่ย้ายตำแหน่งของกระถางใหม่ให้รับแดดได้มากขึ้น ไม่นานต้นพืชก็จะฟื้นตัวและแตกใบได้ตามเดิม หรือจะเสริมปุ๋ยเร่งใบช่วยด้วยก็ได้ อีกเรื่องหนึ่งคือลำต้นมีความอวบน้ำ แม้ว่าส่วนของลำต้นจะเป็นแหล่งสะสมอาหาร แต่อาการบวมน้ำนั้นเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะหากปล่อยไว้รากจะเน่าและตายได้ในท้ายที่สุด ให้เราลดปริมาณการให้น้ำทันที รอจนกว่าลำต้นจะกลับมาเป็นปกติค่อยกลับมารดน้ำใหม่ และครั้งนี้ให้ระวังน้ำท่วมขังในกระถางด้วย