รั้วต้นไม้ ...ใช้ต้นไม้ทำรั้ว ให้สวยประหยัดส่งตรงจากสวนเกษตรทูเดย์
ลักษณะทรงพุ่ม: เป็นไม้ยืนต้นมีความสูงประมาณ 2-2.5 เมตร ทรงพุ่มคล้ายสามเหลี่ยมพีรามิดสวยงาม แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มทึบ
แสงแดด: ต้องได้รับแสงแดดมาก เหมาะปลูกในที่กลางแจ้งจึงจะดี
ดิน: ต้นไทรเกาหลีชอบดินร่วน หรือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี
รดน้ำ: ชอบน้ำมาก ๆ แนะนำให้รดน้ำบริเวณโคนต้นก่อน แล้วจึงค่อยยับขึ้นมารดกิ่งก้านใบให้ทั่วทั้งต้น
ปุ๋ย: ให้เป็นปุ่ยเคมีสูตร 25-7-7 หรือปุ่ยเคมีสูตร 16-16-16 โรยห่างจากโคนต้น 8-10 ซม. แล้วรดน้ำทันที ทุก 15 – 20 วัน
อัตราการเจริญเติบโต: สามารถสูงได้ราว ๆ 70 – 80 ซม. ต่อปีโดยเฉลี่ย (ขึ้นอยู่กับการดูแล)
ข้อดี: เป็นพุ่มทรงสวย ปลูกได้ระยะยาว สามารถตัดแต่งพุ่มได้ตามความต้องการ ช่วยทำให้รั้วของเรามีชีวิตชีวามากขึ้น
ข้อเสีย: หากลงปลูกต้นใหญ่ในช่วง 7- 10 วันแรกของการลงปลูกให้รดน้ำทั้งเช้าและเย็น หลังจากรากเดินดีแล้วค่อยเปลี่ยนมารดช่วงใดช่วงหนึ่งวันละครั้ง
ระยะในการปลูกในดิน:
– ต้น 40-60 ซม. 1 เมตร: 4 ต้น
– ต้น 2 เมตร 1 เมตร : 3 ต้น
ระยะปลูกในประถาง:
– ต้น 40-60 ซม. กระถางยาว 1 เมตร กว้าง 30 ซม. ใช้ 4 ต้น
– ต้น 2 เมตร กระถางยาว 1 ม. กว้าง 40 ซม. ใช้ 3 ต้น
ราคา:
–ไทรเกาหลีสูง 1.8-2 เมตร ใช้ทำรั้วราคาเมตรละ 600 บาท (ตามรูปภาพยาวประมาณ 5 เมตร)
– กระถางปูนเปลือยขนาด 40×100 พร้อมดินปลูก ราคาเมตรละ 750 บาท (หากปลูกลงดินไม่ต้องนำไปคำนวณ)
– หากต้องการใช้บริการสวนในการปลูกลงดิน ราคาเมตรละ 300 บาท
รั้วคริสติน่า
ลักษณะทรงพุ่ม: ไม้ทรงพุ่มขนาดกลาง ตัดแต่งเป็นพุ่มทรงสามเหลี่ยม มีความสูงเฉลี่ยที่ 2-5 เมตร แตกกิ่งใบหนาแน่น
แสงแดด: ชอบแสงแดดมาก ปลูกในที่กลางแจ้งจะดี
ดิน: ชอบดินร่วนซุย หรือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี
รดน้ำ: ให้รดน้ำวันละครั้งก็พอ อย่าให้เกิดน้ำท่วมขังเพราะรากจะเน่า
ใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยคอก เติมลงในดินจะใส่ปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
อัตราการเจริญเติบโต: สามารถสูงได้ราว ๆ 70 – 80 ซม. ต่อปี
ข้อดี: เป็นพุ่มทรงสวย สีสันแปลกตา ช่วยให้รั้วของเราดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ข้อเสีย: มักจะมีแมลงศัตรูพืชมากินใบ เป็นต้นไม้ที่ต้องดูแลเรื่องน้ำและแสงแดดให้เพียงพอ รวมถึงหายาฆ่าแมลงมาพ่น ไม่อย่างนั้นใบจะร่วง
ระยะในการปลูกในดิน:
– ต้นเล็ก 1 เมตร: 4 ต้น
– ต้นใหญ่ 1 เมตร: 3 ต้น
ระยะปลูกในประถาง:
– ต้นเล็ก กระถางยาว 1 เมตร กว้าง 20 ซม. ใช้ 4-5 ต้น
– ต้นใหญ่ กระถางยาว 1 ม. กว้าง 40 ซม. ใช้ 3 ต้น
อัตราค่าปลูก:
ต้นเล็ก
– ปลูกลงกระถางและปลูกลงดิน ต้นละ 50 บาท
ต้นใหญ่
– ปลูกลงกระถางต้นละ 100 บาท
– ปลูกลงดิน ต้นละ 150 บาท
รั้วสนมังกร
ลักษณะทรงพุ่ม: ไม้ทรงพุ่มขนาดกลาง ตัดแต่งเป็นพุ่มทรงสามเหลี่ยม มีความสูงเฉลี่ยที่ 2-5 เมตร แตกกิ่งใบหนาแน่น
แสงแดด: ชอบแสงแดดมาก ปลูกในที่กลางแจ้งจะดี
ดิน: ชอบดินร่วนซุย หรือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี
รดน้ำ: ให้รดน้ำวันละครั้งก็พอ อย่าให้เกิดน้ำท่วมขังเพราะรากจะเน่า
ใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยคอก เติมลงในดินจะใส่ปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
อัตราการเจริญเติบโต: สามารถสูงได้ราว ๆ 70 – 80 ซม. ต่อปี
ข้อดี: เป็นพุ่มทรงสวย สีสันแปลกตา ช่วยให้รั้วของเราดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ข้อเสีย: มักจะมีแมลงศัตรูพืชมากินใบ เป็นต้นไม้ที่ต้องดูแลเรื่องน้ำและแสงแดดให้เพียงพอ รวมถึงหายาฆ่าแมลงมาพ่น ไม่อย่างนั้นใบจะร่วง
ระยะในการปลูกในดิน:
ระยะปลูกในประถาง:
อัตราค่าปลูก:
รั้วสนแผง
ลักษณะทรงพุ่ม: ไม้ทรงพุ่มขนาดกลางถึงใหญ่ ลักษณะพุ่มเป็นรูปทรงพีระมิด สูงได้ถึง 20 เมตร
แสงแดด: ชอบแสงจัด ปลูกไว้ในบริเวณที่ได้รับแสงแดดทั่วถึง
ดิน: ควรปลูกที่ดินร่วนหรือดินที่อุ้มน้ำได้ดีเล็กน้อย
รดน้ำ: ต้องการน้ำมาก ควรจะต้องรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรืออาจจะใช้เป็นปุ๋ยหมักชีวภาพได้
อัตราการเจริญเติบโต: โดยปกติ 1 ปี สามารถเจริญเติบโต 10 ซม.
ข้อดี: มีพุ่มสวยงาม ปลูกได้ดีในสภาพอากาศเมืองไทย สามารถทำเป็นไม้รั้วบังสายตา หรือแนวกั้นฝุ่นได้
ข้อเสีย: มีโรคพืช และแมลงรบกวนบ่อย ๆ เป็นไม้ที่เจริญเติบโตค่อนข้างช้า และราคาค่อนข้างสูง
ระยะในการปลูกในดิน:
ระยะปลูกในประถาง:
อัตราค่าปลูก:
รั้วจั๋ง
ลักษณะทรงพุ่ม: เป็นไม้พุ่มสูง 3-4 เมตร แตกหน่อแตกก ลำต้นแข็งเหนียว ใบใหญ่มีหยักชัดเจน
แสงแดด: ปลูกกลางแดดก็ได้ปลูกในร่มก็สบายมาก
ดิน: ดินที่ปลูกควรมีวัสดุปลูกจำพวกแกลบหรือกากมะพร้าว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
น้ำ: วันละ 1 ครั้ง คอยดูว่าดินยังคงชุ่มชื้นไหม และอย่าให้น้ำขัง
ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักปีละ 2 ครั้ง ถ้าปลูกลงกระถางใส่ปุ๋ยละลายช้า 4 เดือนครั้ง
อัตราการเจริญเติบโต: ปลูกนอกอาคารสูง 3-4 เมตร แต่ถ้าปลูกภายในร่มสูงประมาณ 2 เมตร เป็นไม้ที่โตเร็ว
ข้อดี: ปลูกง่าย เป็นไม้ฟอกอากาศ ไม่ค่อยมีโรคพืชมากวน ปลูกในร่มได้
ข้อเสีย: ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบไม้แบบแตกกอ ปลูกทิ้งไว้นาน ๆ อาจจะทำให้บ้านรก ต้องคอยตัดแต่งต้น
ระยะในการปลูกในดิน: 1 เมตร: 6 ต้น
ระยะปลูกในประถาง: กระถางยาว 1 เมตร กว้าง 20 ซม. ใช้ 6 ต้น
ราคา:
-จั๋งต้นใหญ่สูงประมาณ 2 เมตร และจั๋งต้นเล็กสูงประมาณ 1 เมตร ได้ความหนาตามรูปราคาเมตรละ 1,275 บาท
-กระถางปูนเปลือยขนาด 40×100 พร้อมดินปลูก ราคาเมตรละ 750 บาท (หากปลูกลงดินไม่ต้องนำมาคำนวณ)
-หลิวเลื้อยคลุมดินในกระถางตามภาพใช้ 4 ต้น ราคา 116 บาท (สามารถเปลี่ยนพืชคลุมดินได้ ราคาปรับเปลี่ยนตามชนิดและจำนวน)
-หากต้องการใช้บริการสวนในการปลูกลงดิน ราคาเมตรละ 300 บาท
รั้วไผ่
ลักษณะทรงพุ่ม: ลำต้นตรงสีเขียว เนื้อหนา สูงได้ตั้งแต่ 8-12 เมตร หน่อสีเขียวอมเหลือง ผลิตหน่อไผ่ได้ตลอดทั้งปี
แสงแดด: ชอบแดดมาก ๆ ปลูกกลางแจ้งจะโตได้ดีกว่า
ดิน: ปลูกในดินร่วนซุยทั่วไปได้ แต่ต้องหมั่นพรวนดินรอบกอ
น้ำ: ควรให้น้ำตลอด อย่างน้อยวันละครั้ง หรือให้มากขึ้นช่วงฤดูแล้ง
ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยคอกโดยรอบกอปีละ 2 ครั้ง หรืออาจเสริมด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ
อัตราการเจริญเติบโต: แตกหน่อใหม่ทุก 6 เดือน – 1 ปี อยู่ได้ 3 ปีก็จะแทงหน่อใหม่มาแทนต้นเก่าที่เสื่อมสภาพไป
ข้อดี: ปลูกเลี้ยงง่าย สามารถทำรั้วกันแบบสูง ๆ ได้ แข็งแรง และตายยาก
ข้อเสีย: อาจมีปัญหาเรื่องหนอนหรือตัวด้วงเจาะต้นไผ่ ไม่เหมาะทำแนวรั้วที่มิดชิดมากนัก
ระยะในการปลูกในดิน:
– ไผ่เลี้ยง 1 เมตร: 7 ต้น
ระยะปลูกในประถาง: กระถางยาว 1 เมตร กว้าง 20 ซม. ใช้ 7 ต้น
อัตราค่าปลูก:
– ปลูกลงกระถาง ต้นละ 50 บาท
– ปลูกลงดิน ต้นละ 75 บาท
รั้วโมก
ลักษณะทรงพุ่ม: ไม้พุ่มไม่ผลัดใบ ความสูงประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านใบหนาทึบ
แสงแดด: ชอบแสงแดด ควรปลูกไว้กลางแจ้ง
ดิน: ชอบดินร่วนซุยที่มีความชื้นปานกลาง
น้ำ: ไม่ควรให้น้ำเยอะ รดน้ำ 3-4 วันต่อครั้ง
ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกในอัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อต้น 4-6 ครั้งต่อปี
อัตราการเจริญเติบโต: โตเร็วมาก 1 ปี สูงได้เกือบ 1 เมตร ยิ่งถ้าได้รับแสงและน้ำเพียงพอ
ข้อดี: โตเร็ว ปลูกง่าย มีดอกหอมและสวย ออกดอกเกือบทั้งปี
ข้อเสีย: อาจมีปัญหาเรื่องศัตรูพืชมาเยือน อ่อนไหวต่อน้ำท่วมขัง รากจะเน่า ใบเหลืองและร่วง
ระยะในการปลูกในดิน: 1 เมตร: 6 ต้น
ระยะปลูกในประถาง: กระถางยาว 1 เมตร กว้าง 20 ซม. ใช้ 6 ต้น
อัตราค่าปลูก:
– ปลูกลงดิน ต้นละ 75 บาท
– ปลูกลงกระถาง ต้นละ 50 บาท
รั้วพุดศุภโชค
ลักษณะทรงพุ่ม: เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงกลาง ทรงกลมและโปร่ง สูงได้ไม่เกิน 1 เมตร
แสงแดด: โตได้เป็นอย่างดีในที่โล่งแจ้งหรือที่กลางแจ้ง ชอบแดดมาก
ดิน: ชอบดินร่วนซุย หรือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี
น้ำ: ต้นนี้ชอบน้ำมาก ช่วง 1-2 อาทิตย์แรกให้รดน้ำทุกวัน จากนั้นค่อยรดวันเว้นวัน
ปุ๋ย: ช่วงรากเริ่มเดินใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยขี้ไก่ โตได้ 1 เดือนสลับมาใช้ปุ๋ยเม็ดสูตร 25-7-7
อัตราการเจริญเติบโต: โตได้กลาง ๆ ปลูก 1 ปีสูงได้เกือบ 40 – 50 ซม.
ข้อดี: พุ่มกลม ทรงสวย มีดอกขาวแซมตามพุ่ม ออกตลอดปี
ข้อเสีย: ใบร่วงค่อนข้างง่าย มักจะมีแมลงศัตรูพืชมารบกวนบ่อย ๆ ต้องคอยหายาฆ่าแมลงมากำจัด
ระยะในการปลูกในดิน:
– ถุง 7 นิ้ว 1 เมตร: 4 ต้น
– ถุง 8 นิ้ว 1 เมตร: 3 ต้น
ระยะปลูกในประถาง:
– ถุง 7 นิ้ว กระถางยาว 1 ม. กว้าง 30 ซม. ใช้ 4 ต้น
– ถุง 10 นิ้ว กระถางยาว 1 ม. กว้าง 40 ซม. ใช้ 3 ต้น
อัตราค่าปลูก:
ถุง 7 นิ้ว
– ปลูกลงดิน ต้นละ 100 บาท
– ปลูกลงกระถาง ต้นละ 75 บาท
ถุง 10 นิ้ว
– ปลูกลงดิน ต้นละ 150 บาท
– ปลูกลงกระถาง ต้นละ 100 บาท
ไทรทอง
ลักษณะทรงพุ่ม: สูง 2.5-3 เมตร พุ่มทรงกลม ค่อนข้างหนาทึบ สีเขียวเข้ม บ้างก็ติดไปทางเหลืองเมื่อแตกใบใหม่
แสงแดด: ต้องการแสงแดดอ่อนจนถึงแสงแดดจัด
ดิน: ชอบดินร่วนซุย หรือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี
น้ำ: รากดูดซึมน้ำเร็วจึงต้องการน้ำมาก ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง
ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงดิน 2-3 เดือนต่อครั้งก็พอ
อัตราการเจริญเติบโต: 1 ปีสามารถสูงได้ราว ๆ 40 – 50 ซม.
ข้อดี: เป็นพุ่มกลมทรงสวย แข็งแรง ตายยาก ไม่ต้องตัดแต่งบ่อย
ข้อเสีย: ถ้าได้รับน้ำไม่พอใบจะเหลืองและร่วง อาจมีปัญหาเรื่องแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยและหนอน
ระยะในการปลูกในดิน: 1 เมตร: 3 ต้น
ระยะปลูกในประถาง: กระถางยาว 1 ม. กว้าง 40 ซม. ใช้ 3 ต้น
อัตราค่าปลูก:
– ปลูกลงกระถาง ต้นละ 100 บาท
– ปลูกลงดิน ต้นละ 150 บาท
รั้วนีออน
ลักษณะทรงพุ่ม: ต้นนีออนเป็นไม้พุ่ม มีลำต้นสูงได้ถึง 2 เมตร ใบจะออกเรียงสลับ สีออกขุ่น ๆ เงิน ๆ
แสงแดด: ชอบแดดจัด หรือแดดช่วงบ่ายครึ่งวันก็ได้
ดิน: ชอบดินที่มีอินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี
น้ำ: ไม่ค่อยชอบน้ำ ทนแล้งดีกว่าทนน้ำขัง รดน้ำ 2-3 วันครั้ง
ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยมีธาตุฟอสฟอรัส สูง ๆ เช่น ปุ๋ยละลายช้าสูตร 12:25:6
อัตราการเจริญเติบโต: โตเร็วมาก ปลูกกลางแจ้ง 1 ปี สามารถสูงได้เกือบ 1 เมตร
ข้อดี: สีสันสวยงาม ตัดแต่งง่าย โตเร็ว มีดอกสีม่วงสวยงามออกตลอดปี
ข้อเสีย: เป็นไม้ที่อ่อนไหวเรื่องแดดและน้ำมาก ถ้าได้รับไม่เพียงพอต้นอาจจะเหี่ยว ใบร่วง หรือไม่ออกดอกเลย
ระยะในการปลูกในดิน: 1 เมตร: 3 ต้น (ตามภาพใช้ต้นขนาดใหญ่ ราคาต้นละ 390 บาท)
ระยะปลูกในประถาง: กระถางยาว 1 ม. กว้าง 40 ซม. ใช้ 3 ต้น
ราคา:
–นีออนต้นใหญ่ ใช้ทำรั้วราคาเมตรละ 1,170 บาท (ตามรูปภาพยาวประมาณ 3 เมตร)
– กระถางปูนเปลือยขนาด 40×100 พร้อมดินปลูก ราคาเมตรละ 750 บาท (หากปลูกลงดินไม่ต้องนำไปคำนวณ)
– หากต้องการใช้บริการสวนในการปลูกลงดิน ราคาเมตรละ 150 บาท
ชาฮกเกี้ยน
ลักษณะทรงพุ่ม: เป็นทรงพุ่ม ตั้งทรง ความสูงอยู่ที่ 30 – 100 ซม. ตัดแต่งตามรูปทรงได้ง่าย
แสงแดด: ชอบแสงแดดจัดเต็มวัน
ดิน: ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ไม่อุ้มน้ำเพราะรากจะเน่า
น้ำ: ไม่ต้องรดน้ำบ่อย 2-3 วันครั้ง
ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดินแค่ปีละ 2-3 ครั้ง
อัตราการเจริญเติบโต: โตเร็วสามารถแตกกิ่งก้านสาขาได้ 10- 15 ซม. ภายใน 40 วัน
ข้อดี: สามารถดัด ตัดแต่งพุ่มง่าย ทนน้ำท่วมขัง ตายยาก ปลูกดัดโครงลวดเป็นรั้วตามรูปทรงต่าง ๆ ได้
ข้อเสีย: โรคพืชที่มารบกวนบ่อยคือ เชื้อรา ต้องคอยตัดแต่งทรงพุ่มไม่อย่างนั้นต้นจะแทงกิ่งชี้ไปมา
ระยะในการปลูกในดิน:
ระยะปลูกในประถาง:
อัตราค่าปลูก:
รั้วสนหอม
ลักษณะทรงพุ่ม: เป็นทรงพุ่มยืนต้น ขนาดกลาง ๆ สูง 5-10 เมตร รูปทรงเหมือนกับต้นคริสต์มาส
แสงแดด: ชอบแสงแดดมาก ปลูกไว้ในที่มีแสงและลมผ่าน
ดิน: ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี ต้องไม่อุ้มน้ำเพราะรากจะเน่า
น้ำ: ชอบน้ำมาก สามารถรดน้ำ 2 ครั้งต่อวันได้เลย เช้าและเย็น
ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดิน 3-4 เดือนครั้ง
อัตราการเจริญเติบโต: ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ปลูก 6-7 เดือนอาจจะสูง 2-3 ซม. หรือไม่โตเลย
ข้อดี: โตได้แบบกลาง ๆ เลยเหมาะทำรั้วเตี้ยไว้กั้นอาณาเขตแต่ไม่ต้องการให้สูง ใบสีสวย ทรงพุ่มขยายกำลังดี
ข้อเสีย: มีโรคมารบกวนบ่อย อาจเกิดจากการขาดน้ำ เชื้อรา หรือแมลงศัตรูพืช
ระยะในการปลูกในดิน:
– ถุง 7 นิ้ว 1 เมตร: 4 ต้น
– ถุง 10 นิ้ว 1 เมตร: 3 ต้น
ระยะปลูกในประถาง:
– ถุง 7 นิ้ว กระถางยาว 1 ม. กว้าง 30 ซม. ใช้ 4 ต้น
– ถุง 10 นิ้ว กระถางยาว 1 ม. กว้าง 40 ซม. ใช้ 3 ต้น (ตามภาพ)
ราคา:
–สนหอมต้นใหญ่ ใช้ทำรั้วราคาเมตรละ 570 บาท (ตามรูปภาพยาวประมาณ 3 เมตร)
– กระถางปูนเปลือยขนาด 40×100 พร้อมดินปลูก ราคาเมตรละ 750 บาท (หากปลูกลงดินไม่ต้องนำไปคำนวณ)
– หากต้องการใช้บริการสวนในการปลูกลงดิน ราคาเมตรละ 300 บาท
– ต้องการหินตามรูป ถุงละ 55 บาท (ใช้จำนวนตามความต้องการ)
– ต้องการแผ่นปูนตกแต่งสีฟ้าตามรูป ชิ้นละ 25 บาท (1 เมตรใช้ 4 ชิ้น = 100 บาท)
รั้วต้นเข็ม
ลักษณะทรงพุ่ม: สูงอยู่ที่ระหว่าง 2-4 เมตร เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ทรงพุ่มดอกอัดแน่นทึบ มีดอกหลากสี มีใบหลายแบบ
แสงแดด: ชอบแดดมาก ๆ ปลูกกลางแจ้งมีผลต่อการออกดอกดิน: ชอบดินร่วนซุย หรือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี
น้ำ: ทนแล้งได้ดีมาก การให้น้ำควรให้ 2-3 วันต่อครั้ง
ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ประมาณ 5-6 ครั้งต่อปี
อัตราการเจริญเติบโต: โตค่อนข้างช้า 1 ปีสูงได้แค่ 30-40 ซม. หรืออาจสูงได้ช้ากว่านั้น
ข้อดี: เป็นไม้พุ่มที่มีดอกสีสันสวยงาม ออกดอกได้ตลอดทั้งปี ปลูกง่าย ไม่ค่อยมีโรคหรือศัตรูพืชมารบกวน
ข้อเสีย: เป็นต้นไม้ที่ไม่ทนต่อน้ำท่วมขังเลย ถ้าน้ำท่วมขังรากจะเน่าตาย
ระยะในการปลูกในดิน:
ระยะปลูกในประถาง:
ถุง 8 นิ้ว กระถางยาว 1 ม. กว้าง 40 ซม. ใช้ 4 ต้น (ตามภาพตัวอย่าง)
ถุง 10 นิ้ว กระถางยาว 1 ม. กว้าง 40 ซม. ใช้ 3 ต้น
ราคา:
– เข็มแดงถุงขนาด 8 นิ้ว ใช้ทำรั้วราคาเมตรละ 240 บาท (ตามรูปภาพยาวประมาณ 5 เมตร)
– กระถางปูนเปลือยขนาด 40×100 พร้อมดินปลูก ราคาเมตรละ 750 บาท (หากปลูกลงดินไม่ต้องนำไปคำนวณ)
– หากต้องการใช้บริการสวนในการปลูกลงดิน ราคาเมตรละ 150 บาท
หลิวทอง
ลักษณะทรงพุ่ม: พุ่มโปร่งสีทองอร่ามสวยงาม สูงได้ตั้งแต่ 1.5 – 15 เมตรเลย
แสงแดด: ชอบแสงแดดมาก ๆ คสรปลูกที่แดดส่งถึงตลอดวัน
ดิน: ดินร่วน ระบายน้ำได้ดีหรือดินที่ผสมวัสดุปลูกก็จะดีมาก
น้ำ: ชอบน้ำ แต่ก็รดกลาง ๆ แค่วันละ 1 ครั้งก็พอ
ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เติมทุก 2 เดือน เติมแร่ธาตุให้ดิน
อัตราการเจริญเติบโต: โตได้ในระดับกลาง ๆ ปลูกลงดินและใกล้แหล่งน้ำก็จะช่วยให้โตเร็วขึ้น
ข้อดี: เป็นไม้พุ่มที่มีสีสันสวยงาม ปลุกง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่อยู่ ตายยากมาก
ข้อเสีย: มีปัญหาเรื่องเชื้อราที่อาจมากับดิน อาจทำให้ใบร่วงหรือสีจางใบลง
ระยะในการปลูกในดิน: 1 เมตร: 4 ต้น
ระยะปลูกในประถาง:
ถุง 7 นิ้ว กระถางยาว 1 ม. กว้าง 30 ซม. ใช้ 4 ต้น
อัตราค่าปลูก:
– ปลูกลงกระถาง ต้นละ 75 บาท
– ปลูกลงดิน ต้นละ 100 บาท
ชบาด่างสามสี
ลักษณะทรงพุ่ม: เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลำต้นสูงได้ตั้งแต่ 1.5 – 5 เมตร มีใบสามสี เป็นพุ่มโค้งมนตัดแต่งได้ มีดอกสีดอก
แสงแดด: ชอบแสงแดดเต็มวัน หรืออาจจะเป็นครึ่งวันเช้า สามารถทนอุณหภูมิร้อนได้ ปลูกกลางแจ้งก็จะทำให้สีใบชัดยิ่งขึ้น
ดิน: สามารถปลูกในดินได้ทุกชนิดที่ระบายน้ำได้ดีถึงปานกลาง อาจจะผสมกาบมะพร้าวในอัตราส่วน ดิน 2 : กาบมะพร้าว 1
น้ำ: สามารถรดน้ำเช้า-เย็นใน 1 วัน หรือตอนเช้าครั้งเดียวก็ได้ ชอบน้ำแบบปานกลาง แต่ก็สามารถทนแล้งได้เหมือนกัน
ปุ๋ย: บำรุงใบและลำต้นด้วยปุ๋ยสูงเสมอ 15-15-15 เดือนละ 2 ครั้ง หรือจะใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก 2 เดือนครั้งก็ได้
อัตราการเจริญเติบโต: เป็นไม้พุ่มโตได้ระดับกลาง ๆ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ที่ปลูก ถ้าปลูกลงดินก็มีโอกาสจะโตได้เร็วกว่า
ข้อดี: เป็นไม้พุ่มที่มีสีสันสวยงาม มีใบหลากสี มีดอกสีแดงสด ทำเป็นไม้รั้วแล้วสวยงามมาก ๆ เหมาะกับคนที่อยากได้รั้วที่มีสีสันสดใส ปลูกง่ายมาก ๆ
ข้อเสีย: อาจมีแมลงศัตรูพืชมากวนใจ ใบค่อนข้างร่วงบ่อย ไม่เหมาะปลูกในที่ร่มเพราะว่าดอกไม่ค่อยออกและใบจะไม่สวย ถ้าไม่ได้รับแสงแดดเพียงพอ
ระยะในการปลูกในดิน: 1 เมตร: 4 ต้น
ระยะปลูกในประถาง:
กระถางยาว 1 ม. กว้าง 30 ซม. ใช้ 4 ต้น
อัตราค่าปลูก:
– ปลูกลงกระถาง ต้นละ 75 บาท
– ปลูกลงดิน ต้นละ 100 บาท
แวววิเชียร
ลักษณะทรงพุ่ม: ไม้ดอกอายุสั้น 2 ปี ความสูงเฉลี่ย 50 ซม. ถึง 1 เมตร ช่อใบเป็นพุ่มตั้งตรงมีดอกที่ยอดเป็นแนวยาว
แสงแดด: ชอบแดดอ่อนครึ่งวัน แต่ปลูกกลางแจ้งได้เช่นกัน
ดิน: ชอบดินร่วนซุยระบายน้ำได้ดี เพราะไม่ทนน้ำท่วมขัง
น้ำ: สามารถรดน้ำเช้าหรือเย็น อย่างน้อยวันละครั้ง
ปุ๋ย: บำรุงดอกด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 เดือนละ 2 ครั้ง
อัตราการเจริญเติบโต: เป็นไม้พุ่มโตเร็ว แต่อายุสั้น อยู่ได้ 2 ปีจะทิ้งดอกแล้วขึ้นใหม่
ข้อดี: เป็นไม้ดอกที่สีสันสวยงาม ปลูกง่าย ไม่ค่อยมีศัตรูพืช
ข้อเสีย: ปลูกระยะยาวไม่ได้ ไม่ทนต่อน้ำท่วมขัง
ระยะในการปลูกในดิน:
ระยะปลูกในประถาง:
อัตราค่าปลูก:
กล้วยไม้ดิน
ลักษณะทรงพุ่ม: ไม้ดอกอายุสั้น 2 ปี ความสูงเฉลี่ย 50 ซม. ถึง 1 เมตร ช่อใบเป็นพุ่มตั้งตรงมีดอกที่ยอดเป็นแนวยาว
แสงแดด: ชอบแดดอ่อนครึ่งวัน แต่ปลูกกลางแจ้งได้เช่นกัน
ดิน: ชอบดินร่วนซุยระบายน้ำได้ดี เพราะไม่ทนน้ำท่วมขัง
น้ำ: สามารถรดน้ำเช้าหรือเย็น อย่างน้อยวันละครั้ง
ปุ๋ย: บำรุงดอกด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 เดือนละ 2 ครั้ง
อัตราการเจริญเติบโต: เป็นไม้พุ่มโตเร็ว แต่อายุสั้น อยู่ได้ 2 ปีจะทิ้งดอกแล้วขึ้นใหม่
ข้อดี: เป็นไม้ดอกที่สีสันสวยงาม ปลูกง่าย ไม่ค่อยมีศัตรูพืช
ข้อเสีย: ปลูกระยะยาวไม่ได้ ไม่ทนต่อน้ำท่วมขัง
ระยะในการปลูกในดิน:
ระยะปลูกในประถาง:
อัตราค่าปลูก:
ผกากรอง
ลักษณะทรงพุ่ม: ไม้ดอกอายุสั้น 2 ปี ความสูงเฉลี่ย 50 ซม. ถึง 1 เมตร ช่อใบเป็นพุ่มตั้งตรงมีดอกที่ยอดเป็นแนวยาว
แสงแดด: ชอบแดดอ่อนครึ่งวัน แต่ปลูกกลางแจ้งได้เช่นกัน
ดิน: ชอบดินร่วนซุยระบายน้ำได้ดี เพราะไม่ทนน้ำท่วมขัง
น้ำ: สามารถรดน้ำเช้าหรือเย็น อย่างน้อยวันละครั้ง
ปุ๋ย: บำรุงดอกด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 เดือนละ 2 ครั้ง
อัตราการเจริญเติบโต: เป็นไม้พุ่มโตเร็ว แต่อายุสั้น อยู่ได้ 2 ปีจะทิ้งดอกแล้วขึ้นใหม่
ข้อดี: เป็นไม้ดอกที่สีสันสวยงาม ปลูกง่าย ไม่ค่อยมีศัตรูพืช
ข้อเสีย: ปลูกระยะยาวไม่ได้ ไม่ทนต่อน้ำท่วมขัง
ระยะในการปลูกในดิน:
ระยะปลูกในประถาง:
อัตราค่าปลูก:
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการทำรั้วต้นไม้
รั้วต้นไม้ คงเป็นอีกหนึ่งความชื่นชอบโดยเฉพาะคนที่ใฝ่ฝันอยากจะเนรมิตรบ้านให้รายล้อมไปด้วยต้นไม้ ธรรมชาติ ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา ยิ่งโดยเฉพาะใครที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร บ้านโครงการที่มีรั้วรอบขอบชิดอยู่ติด ๆ กัน การหาต้นไม้มาปลูกทำเป็นรั้วพลางสายตาก็ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจและใครหลายคนนิยมทำมาก ๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการหาต้นไม้ปลูกริมรั้วก็ไม่ได้มีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากมายเลย เพียงแต่สำหรับคนที่เป็นมือใหม่แล้ว หลาย ๆ อย่างก็ดูเป็นเรื่องที่ต้องจัดสรรและมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ ต้นไม้ชนิดไหนที่เหมาะกับการทำรั้ว ถ้าบ้านมีพื้นที่เท่านี้ปลูกได้มากน้อยแค่ไหน หรือถ้าทำแล้วดูแลยากไหมหากว่าเราอยากให้ไม้รั้วเราสวยงามไปในระยะยาว ซึ่งคำถามเรานี้ทางเกษตรทูเดย์ก็ได้รวบรวมคำตอบมาให้ทุกคนไว้ในบทความนี้เรียบร้อย เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเรามาดูกันว่า วันนี้มีเนื้อเกี่ยวกับการทำไม้รั้วอะไรที่ดูน่าสนใจบ้าง
การทำรั้วต้นไม้มีกี่แบบกันนะ?
ก่อนที่เราจะเริ่มเข้าสู่วงการปลูกไม้รั้วก็ต้องมาดูว่าตัวเราเองอยากได้ตอบโจทย์การทำรั้วต้นไม้ด้วยวัตถุประสงค์อะไร เพราะบางคนอาจจะอยากได้รั้วที่เน้นบดบังการมองเห็นจากคนภายนอกเป็นหลัก บางคนชื่นชอบรั้วที่ให้ความสวยงามมากกว่าการใช้งานอื่น ๆ หรือบางคนชื่นชอบการใช้ประโยชน์จากพืชพันธุ์ที่นำมาปลูกทำรั้วด้วย ดังนั้น เราจะมาแยกให้ดูก่อนว่ารั้วแต่ละแบบควรจะใช้ต้นไม้แบบใด และเหมาะกับวัตถุประสงค์แบบไหนมากที่สุด
1. รั้วพลางสายตา
อย่างที่ได้เกริ่นไปว่าการทำรั้วประเภทนี้ได้รับความนิยมมาก ๆ เพราะถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในบ้านที่มีรั้วอยู่แล้ว แต่บางทีรั้วนั้นก็อาจไม่มิดชิดพอจะบดบังการมองเห็น ทำให้คนที่อาศัยรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว ดังนั้น ต้นไม้ริมรั้วบังตาที่มักจะเลือกใช้ก็มักจะเป็นไม้พุ่มที่มีใบขึ้นค่อนข้างทึบ สามารถตัดแต่งได้ มีความสูงที่พอเหมาะกับรั้วของเรา ส่วนใหญ่ประมาณ 1.5 – 2 เมตรขึ้นไป หรือในบางกรณีก็อาจเลือกเป็นไม้ดัด เพราะตัดแต่งทรงพุ่มได้ง่าย โตเร็ว ทำให้รั้วดูเป็นระเบียบ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นต้น ไทรเกาหลี คริสติน่า โมก ข่อย ชาฮกเกี้ยน หรือไม้ตระกูลสนอย่าง สนใบพาย สนแผง สนมังกร หรือไม้ยืนต้นที่สูงได้มากกว่า 8 เมตรอย่างอโศกอินเดีย เป็นต้น
2. รั้วไม้ดอก สวยงาม
สำหรับประเภทของรั้วต้นไม้อีกแบบที่คนนิยมมาก ๆ คงหนีไม่พ้น รั้วสวยงาม หรือรั้วที่เน้นใช้พันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับมาจัดวาง ทำรั้วให้มีสีสัน ไม่เน้นการบดบังแต่เห็นแล้วสบายตา ซึ่งรั้วแบบนี้บางทีก็จัดอยู่ในกลุ่มของการทำรั้วเตี้ย มักจะใช้ไม้ขนาดไม่ใหญ่ ประมาณกลาง ๆ มีดอกหรือลักษณะบางประการที่ดูสวยงาม อาจเป็นไม้พุ่มธรรมดาหรือไม้ดอกสวยงามก็ได้ เช่น ต้นเข็ม ชบา กุหลาบ สนหอม ไทรทอง หลิวทอง นีออน พุดศุภโชค ไผ่ แวววิเชียร ไม้แปลกตาจำพวกว่านงาช้าง ลิ้นมังกร กระบองเพชร หรือไม้ประดับอื่น ๆ รวมไปถึงอาจมีการใช้ไม้พุ่มผสมไม้คลุมดินอย่างอื่นด้วย
3. รั้วกินได้
ในส่วนของรั้วกินได้นี้จริง ๆ ก็ได้แนวคิดมาจากวิถีชนบทที่ไม่ค่อยมีงบทำรั้วปิดกั้นอาณาเขต จึงใช้วิธีปลูกพืชผักสมุนไพรเป็นแถวแนวบริเวณรอบบ้าน ซึ่งในปัจจุบันก็ได้รับความนิยมมาก ๆ โดยเฉพาะคนเมืองที่อาศัยอยู่ในรั้วเหล็กโล่ง ๆ การมองหาผักหรือพืชพรรณมาปลูกและใช้สอยประโยชน์จากรั้วบ้านก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ โดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นผักสวนครัวที่ปลูกไม่ยากและไม่ได้มีลักษณะการเจริญเตอบโตของต้นที่ดูใหญ่โตอะไรมาก มักจะเป็นต้นหอม กะเพรา ผักชี แตงกวา บวบ ตำลึง มะระ ถั่วพลู ผักกาด คะน้า กวางตุ้ง ผักสลัด พริก มะเขือ มะนาว เป็นต้น
ทำรั้วต้นไม้ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง?
1. พื้นที่
สำหรับปัจจัยแรก ๆ ของคนที่จะปลูกไม้รั้วต้องคำนึงถึงคือเรื่องพื้นที่ที่จะใช้ในการปลูกไม้รั้ว เพราะสำหรับคนที่จะทำรั้วต้นไม้แต่มีพื้นที่น้อย ก็จะต้องเลือกต้นไม้ที่ทำรั้วได้แต่ไม่กินพื้นที่ใช้สอยในบริเวณบ้านของเราด้วย อาจจะไม่เน้นใช้ต้นไม้ที่มีพุ่มใหญ่ แตกกิ่งใบได้มาก ๆ เลือกใช้เป็นไม้ขนาดเล็ก จำพวกโมก ไผ่ เบิร์ดออฟพาราไดซ์ หรือไม้ที่สูงแต่ไม่แตกพุ่มอื่น ๆ ได้
นอกจากเรื่องความแคบหรือกว้างของพื้นที่แล้ว ก็ยังต้องดูว่าจุดที่ปลูกนั้นมีแดดตกกระทบถึงหรือเปล่า เพราะแน่นอนว่าแดดเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อความสวยงามและการเจริญเติบโตของต้นไม้ หากคิดจะปลูกต้นไม้ทำรั้วก็ต้องเลือกให้เหมาะ หากเป็นจุดที่แดดตกถึงปัญหาก็จะน้อย อาจแนะนำแค่ให้เลือกต้นไม้ที่ชอบแสงแดดและต้องการแดดตลอดวันอย่างไทรเกาหลี หรือไม้ดอก แต่หากเป็นพื้นที่ร่ม หรือแดดรำไร พันธุ์ไม้ที่เลือกมาปลูกทำรั้วก็อาจมีข้อจำกัด โดยอาจจะเลือกเป็นต้นจั๋ง ต้นหมากเหลือง เดหลี ว่านงาช้าง ลิ้นมังกร กระบองเพชร ธูปฤาษี หรือไม้ในตระกูลไผ่ เป็นต้น
2. ระยะในการปลูก
เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตสำหรับคนที่อยากปลูกไม้รั้ว ว่าจะต้องปลูกให้เหมาะสมในระยะห่างระหว่างแถวหรือห่างจากรั้วมากน้อยแค่ไหน ซึ่งโดยมาตรฐานแล้วในพื้นที่ที่มีความยาว 1 เมตรจะสามารถปลูกไม้พุ่มขนาดเล็กหรือไม้ที่มีขนาดกลางได้ราว ๆ 3-4 ต้นโดยประมาณ อาจมีระยะห่าง 20-30 ซม.ระหว่างต้น และควรห่างจากกำแพงหรือรั้วอย่าง 50-80 ซม. แต่ให้ดูจากลักษณะของต้นไม้ชนิดนั้น ๆ ด้วย หากเป็นไม้ที่ไม่เน้นขยายออกข้างจะปลูกชิดกันก็ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นไม้พุ่มที่มีโอกาสจะขยายออก หากปลูกชิดกันเกินไปก็มีโอกาสที่ต้นไม้จะขยายทับซ้อนกันจนเสียหาย หรือรากแย่งอาหารกันจนอาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ด้วย ดังนั้น อย่างน้อยเราควรศึกษารูปร่างของต้นไม้ให้ดี
3. ชนิดของต้นไม้
แม้ว่าการทำรั้วต้นไม้จะดูไม่มีความซับซ้อนวุ่นวายทั้งเรื่องการปลูกและการดูแล สามารถเลือกต้นมาปลูกทำแนวรั้วได้ตามใจชอบ แต่ก็ใช่ว่าต้นไม้ทุกชนิดจะสามารถนำมาปลูกทำรั้วได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ จำพวกไม้ยืนต้นฟอร์มใหญ่ ๆ อย่างล่ำซำ หูกระจง ประดู่ หางนกยูง หรือพวกไทรที่หลายคนคิดว่าถ้านำมาปลูกเรียงกันตั้งแต่ต้นยังเล็กจะทำให้โตมาเรียงกันสวย แต่ความเป็นจริงแล้วต้นไม้บางชนิดก็อาจมีรากและลำต้นขนาดใหญ่เกินกว่าจะปลูกใกล้ชิดกับต้นอื่น ๆทำให้รากแย่งอาหารกัน รากขยายออกโดยรอบไม่ได้ และปัญหาอื่น ๆ อย่างการผลัดใบหรือรากเซาะทำลายโครงสร้างรั้วและตัวบ้าน ไปจนถึงการยืนต้นตายเนื่องจากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ซึ่งต้นไม้เหล่านี้เหมาะกับการเป็นไม้ประธานบ้านมากกว่าการนำมาปลูกตามแนวรั้ว ยังไม่รวมต้นไม้ที่อาจมียางที่เป็นพิษก็ไม่เหมาะกับการปลูกทำรั้วในบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง อาทิ ต้นยี่โถ อากาเว่ รำเพย พลับพลึง สาวน้อยประแป้ง เป็นต้น เพราะฉะนั้นเลือกต้นไม้ที่เหมาะกับการทำรั้วจริง ๆ จะดีกว่า
เทคนิคการดูแลไม้รั้วให้สวยงามยาวนาน
จากที่เราได้กล่าวมาคร่าว ๆ เกี่ยวกับการทำรั้วต้นไม้ให้ตอบโจทย์รูปแบบการใช้งาน และยังแนะนำถึงสิ่งที่ต้องคำนึงถึง แต่ใด ๆ ก็ตามไม่ว่าจะปลูกไม้รั้วแบบใดสิ่งสำคัญคือเรื่องการดูแลอย่างสม่ำเสมอที่จะช่วยให้รั้วสวยงามอยู่กับเราไปในระยะยาว อาทิ
- การรดน้ำ เป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งโดยเฉพาะในระยะแรก ๆ ของการปลูกไม้รั้ว รากของต้นไม้อาจจะต้องการดูดซึมน้ำไปหล่อเลี้ยงมาก ๆ ยิ่งปลูกลงดินติด ๆ กันเป็นแนวรั้ว ควรต้องรดน้ำให้เพียงพออย่างน้อย วันละ 1-2 ครั้ง
- การให้ปุ๋ย เป็นครั้งคราวเพื่อกระตุ้นให้รากยังคงทำงานได้ดี ส่วนไม้ชนิดใดที่มีการแตกใบแตกพุ่มก็ต้องหมั่นตัดแต่งอย่างน้อย 3-4 เดือนต่อครั้ง เพื่อให้ไม้รั้วยังคงสวยยาวนานเหมือนเดิม โดยเฉพาะใครที่อยากปลูกรั้วสวยงาม ควรให้ปุ๋ยบำรุงใบและดอกอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้งเลย
- การตัดแต่งแต่งพุ่ม ให้ทำ 4-6 เดือนครั้ง จะช่วยรักษารูปร่างไม้รั้วให้สวยงาม และในกรณีที่ต้นไม้ขยายพุ่มทับซ้อนกันก็อาจทำให้ได้รับแสงแดดไม่ทั่งถึง หรือต้นไม้เสียทรงได้ การตัดแต่งควรริดกิ่งออกตั้งแต่ยังเป็นต้นอ่อน โดยใช้กรรไกรชำกิ่งแบบทำมุม 45 องศา คอยตัดแต่งทรงให้สวยงามอยู่ตลอด