มะดัน พืชมหัศจรรย์มากสรรพคุณ ที่เปรี้ยวตั้งแต่ยอดยันราก

เมื่อเอ่ยถึงชื่อมะดัน หลายท่านคนรู้สึกเข็ดฟัน น้ำลายสอ ขึ้นมาทันที ด้วยรสชาติที่เปรี้ยวจัดจ้าน ทำให้มะดันกลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของตำรับอาหารไทยมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นใบอ่อน หรือผลสด โดยเฉพาะอาหารที่ต้องการรสเปรี้ยวแบบธรรมชาติประเภทต้มส้มหรือต้มยำต่างๆ และจัดเป็นไม้ผลที่นิยมนำผลและใบอ่อนมารับประทานสดหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ  อาทิ มะดันดอง มะดันเชื่อม เป็นต้น

การปลูกมะดัน

ข้อมูลทั่วไป

ชื่ออังกฤษ : Madan

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia schomburgkiana pierre

วงศ์ Guttiferae : เป็นวงศ์เดียวกันกับมังคุด

ชื่อท้องถิ่นไทย :  มะดัน,ส้มมะดัน, ส้มไม่รู้ถอย

ความเชื่อเกี่ยวกับต้นมะดันในสังคมไทย

มะดันยังถือเป็นอีกหนึ่งไม้มงคลมีชื่อเป็นมงคล เพราะคำว่า “ดัน” นั้นหมายถึงทำให้สูงขึ้น ก้าวหน้าขึ้น เจริญขึ้น ใครมีต้นมะดันไว้ในบ้านจะมีคนเกื้อกูล ดันจนได้ดี ดันให้สูงขึ้นเจริญขึ้น ก้าวหน้าขึ้น แบกหน้าไปหาใครก็ดันเรา หนุนเรา เอาที่เราต้องการยอมที่เราพูด เชื่อที่เราบอก และจะเกื้อกูลอุดหนุนเราทุกวันไป เรื่องเมตตามหาเสน่ห์นี่คือความเชื่อที่แฝงไว้กับมะดัน อีกทั้งไม้มะดันเป็นไม้แปลกประหลาดมาก ชอบขึ้นบริเวณชายน้ำ ที่ชื้น ที่ร่มเย็น ที่บริเวณที่มะดันขึ้นสังเกตว่าบริเวณนั้นต้องร่มเย็น ร่มรื่น มะดันควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก เพราะมีแสงที่อ่อนโยนและเหมาะสม

ส่วนประกอบของต้นมะดัน ที่หลายคนไม่เคยรู้

ลักษณะของลำต้น

มะดันเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ มีลำต้นขนาดเล็ก-ขนาดกลาง ลำต้นสูงประมาณ 5-10 เมตร แตกกิ่งตั้งแต่ระดับล่างของลำต้น และแตกกิ่งมากจนมีลักษณะเป็นทรงพุ่มหนา เนื้อไม้ค่อนข้างเหนียว กิ่งสามารถโค้งงอได้ง่าย กิ่งมีลักษณะค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยม ผิวกิ่งค่อนข้างดำ

ใบ

ใบมะดันออกเป็นใบเดี่ยว เนื้อใบค่อนข้างหนา ใบมีสีเขียวสดถึงเขียวแก่ตามอายุใบ แทงออกเป็นคู่ตรงข้ามกันบนกิ่ง ใบกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-9 เซนติเมตร มีรูปร่างค่อนข้างรียาว ปลายใบมน โคนใบสอบ มีแผ่นใบ และขอบใบเรียบ ใบอ่อนจะแตกออกในช่วงต้นฤดูฝน

ดอก

ดอกมะดันจะออกเป็นช่อ แทงออกตามง่ามใบ แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-6 ดอก  มีทั้งดอกเพศผู้ และดอกสมบูรณ์เพศ แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 4 กลีบ และตัวดอกที่เป็นกลีบดอก 4 กลีบ กลีบดอกมีสีชมพูอมแดง

ผลและเมล็ด

มีลักษณะค่อนข้างกลม และยาวรี มีความยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร เมื่อผลยังอ่อน เมล็ดจะมีสีขาว เมื่อผลแก่ เมล็ดจะมีสีน้ำตาล และแข็ง ผิวเปลือกผลมีสีเขียวเข้ม และเป็นมัน เนื้อผลค่อนข้างหนา และมีรสเปรี้ยวจัด ติดผลในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม

สายพันธุ์ของมะดันที่นิยมปลูกในประเทศไทย

มะดันที่นิยมปลูกในเมืองไทยมีอยู่สองสายพันธุ์หลัก นั่นก็คือ  พันธุ์ผลใหญ่ (เมล็ดเล็ก)และพันธุ์ผลเล็ก (เมล็ดใหญ่)ทั้งสองพันธุ์เป็นพันธุ์พื้นเมือง ชื่อสายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมปลูกได้แก่ พันธุ์ฮีโร่กรีน พันธุ์เขียวส่องหล้า พันธุ์มะดันแดง

เคล็ดลับการปลูกมะดันให้ได้ผลผลิตที่งอกงาม

การปลูก และขยายพันธุ์มะดัน นิยมทำกันด้วยสองวิธีการหลักๆ นั่นคือ การเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง

สำหรับการปลูกโดยทั่วไปมักใช้วิธีการเพาะเมล็ดเป็นส่วนใหญ่ ควรปลูกไว้ริมคูน้ำ หรือใกล้แหล่งน้ำ ที่ที่มีน้ำตลอดทั้งปี เพราะมะดันชื่นชอบน้ำและแสงแดดแบบรำไร หากไม่มีร่มเงาไม้ใหญ่ ควรทำที่กำบังพรางแสงแดดให้กับต้นมะดัน รวมถึงมีเศษฟางปกคลุมหน้าดินเพื่อรักษาความชื้นให้กับดิน

วิธีการดูแลมะดันอย่างมืออาชีพ

เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่อายุยืนหลายสิบปี  ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกฤดูกาล 

แสง

มะดันเป็นไม้ที่ชอบแสง น้อย – ปานกลาง ควรปลูกในที่มีร่มเงาจะทำให้ใบเขียวดกและเติบโตได้ดี

น้ำ

มะดัน เป็นไม้ที่ค่อนข้างชอบดินชุ่มชื้น สามารถอยู่ในที่น้ำขังได้เป็นอย่างดี จึงควรปลูกใกล้แหล่งน้ำหรือบริเวณดินที่ค่อนข้างชื้นตลอดจึงจะให้ใบ และผลที่ดก ตลอดทั้งปี

ดิน

มะดันชอบดินดำร่วนมีอินทรีย์วัตถุมากๆ มูลสัตว์ต่างๆ ดินที่มีลักษณะโปร่งระบายน้ำดี แต่มีความชื้นสูง

ปุ๋ย

ควรใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี)ปีละ 2 ครั้ง ให้ยิปซัมธรรมชาติ  ปีละ 2 ครั้ง คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม  ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม และให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง

มะดัน ภาษาอังกฤษ

ประโยชน์และสรรพคุณที่หลายคนคาดไม่ถึงของมะดัน

มะดัน นิยมนำมารับประทานเป็นอาหารประเภทเครื่องเคียงมาช้านาน เช่น ใบอ่อนหรือยอดอ่อนมะดัน ใช้รับประทานสดหรือลวกน้ำร้อนเป็นผักกับ หรือจิ้มน้ำพริก และนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารไทยซึ่งเน้นความเปรี้ยวได้หลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น ใบอ่อนหรือยอดอ่อนมะดัน ใช้ประกอบอาหารจำพวกแกง และต้มยำต่างๆ โดยช่วยลดกลิ่้นคาว และเพิ่มรสเปรี้ยวของอาหารได้เล็กน้อย

ผลของมะดันยังได้รับความนิยมนำมาทานเป็นผลไม้ โดยเฉพาะท่านที่ชื่นชอบรสเปรี้ยวๆ ด้วยรสชาติที่เปรี้ยวสะใจถึงขนาดที่แม้มะนาวก็ไม่เปรี้ยวเท่ามะดัน จึงทำให้ใครที่กินมะดันก็ต้องส่ายหัวหน้าเบ้ปากไปตามๆ กัน นี่แหละมะดันที่มีฤทธิ์เปรี้ยวแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังให้วิตามินซีสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระมาก มีสารสำคัญที่พบว่าสามารถออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเนื้องอกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยการขับถ่าย เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยกระตุ้นระบบการย่อย เพิ่มความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร แก้อาการเจ็บคอ และขับเสมหะ บรรเทาอาการเป็นหวัด ช่วยให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการระคายคอ  รวมถึงช่วยกระตุ้นให้อยากอาหาร ทำให้เจริญอาหาร นอกจากนั้นแล้ว ความเปรี้ยวของลูกมะดันมีสรรพคุณกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท แก้อาการง่วงนอน ได้เป็นอย่างดี

มะดันยังเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีผู้นิยมนำมาแปรรูปและจัดจำหน่ายในลักษณะผลไม้แปรรูป เช่นมะดันแช่อิ่ม มะดันลอยแก้ว มะดันอบแห้ง ซึ่งได้ราคาดี และเป็นที่ต้องการของท้องตลาดมาก เพราะรสชาติที่เปรี้ยวหวานกลมกล่อมสามรสอย่างเป็นธรรมชาติ

ประโยชน์ของมะดันอื่นๆ ยังมีอีกมากเช่นช่วยในการผลัดเซลล์ผิวได้ เพราะมีสารกลุ่ม AHA และ BHA โดยได้มีการนำมาใช้ในวงการเครื่องสำอาง ใช้เป็นส่วนผสมในสบู่มะดัน โทนเนอร์ ครีมบำรุงผิว และต้นมะดันยังถือเป็นไม้ประดับสวนที่มีทรงพุ่มที่สวยงาม จึงเป็นต้นไม้ที่สามารถใช้ประดับสถานที่ได้เป็นอย่างดี อีกด้วย

มะดัน ราคา

ราคาจำหน่ายต่อต้น                    

สำหรับกิ่งตอนของต้นมะดันจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ ต้นละ 150-200 บาท ส่วนต้นกล้าที่เพาะจากเมล็ดจะจัดจำหน่ายอยู่ที่กล้าละ 5-10 บาท เป็นต้น

แหล่งอ้างอิง

: http://www.natres.psu.ac.th/

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้