“การบูร” คือผลึกสีขาวที่แทรกอยู่ในเนื้อไม้ของต้นการบูรทั่วทั้งต้น มีมากที่สุดในแก่นราก มักพบตามรอยแตกของเนื้อไม้ ทั้งยังมีกลิ่นหอม ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง โดยหากพูดถึงของหอม น้อยคนจะไม่รู้จักการบูร อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการบูรแท้มีอยู่ในท้องตลาดไม่มาก ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้การบูรที่สังเคราะห์ขึ้นจากน้ำมันสน การบูรแท้จึงเป็นสิ่งที่เกิดเป็นช่องว่างในการสร้างรายได้ เนื่องจากขยายพันธุ์ได้ง่าย โตไว ทั้งยังมีคุณประโยชน์ตลอดทั้งต้น
ส่วนประกอบของต้นไม้
ลักษณะของลำต้น
ลักษณะของลำต้นคือเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นทรงพุ่มกว้างและทึบ สูง 10 – 15 เมตร อาจสูงได้ถึง 30 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1.5 เมตร เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาล ผิวหยาบ ส่วนเปลือกกิ่งเป็นสีเขียวหรือเป็นสีน้ำตาลอ่อน ลำต้นและกิ่งเรียบไม่มีขน ส่วนเนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลปนแดง เมื่อนำมากลั่นแล้วจะได้ “การบูร” ทุกส่วนมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะที่ส่วนที่ของรากและโคนต้น เกล็ดชั้นนอกเล็กกว่าเกล็ดชั้นใน
ใบ
เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปรีแกมรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบป้านหรือกลม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5 – 5.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5.5 – 15 เซนติเมตร แผ่นใบค่อนข้างเหนียว หลังใบสีเขียวเข้มและเป็นมัน ส่วนท้องใบสีเขียวอมเทาหรือนวล ไม่มีขน เส้นใบขึ้นตรงมาจากโคนใบประมาณ 3 – 8 มิลลิเมตร แล้วแยกออกเป็นเส้น 3 เส้น ตรงมุมที่มีเส้นใบแยกออกนั้นมีต่อม 2 ต่อม และตามเส้นกลางใบอาจมีต่อมเกิดขึ้นตรงมุมที่มีเส้นใบแยกออกไป ส่วนก้านใบมีความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ไม่มีขน ที่ตาใบมีเกล็ดซ้อนเหลื่อมกันอยู่ โดยเกล็ดชั้นนอกจะเล็กกว่าเกล็ดชั้นในตามลำดับ และเมื่อนำใบมาขยี้จะมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นการบูร
ดอก
เป็นช่อแบบแยกแขนง โดยจะออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็กเป็นสีขาวอมสีเหลืองหรืออมสีเขียว ก้านดอกย่อยมีขนาดสั้นมาก ดอกรวมมีกลีบ 6 กลีบ เรียงเป็นวง 2 วง วงละ 3 กลีบ ลักษณะเป็นรูปรี ปลายมน ด้านนอกเกลี้ยง ส่วนด้านในมีขนละเอียด ดอกมีเกสรเพศผู้ 9 ก้าน เรียงเป็นวง 3 วง วงละ 3 ก้าน ส่วนอับเรณูของวงที่ 1 และ 2 หันหน้าเข้าด้านใน ที่ก้านเกสรมีขน ส่วนวงที่ 3 จะหันหน้าออกทางด้านนอก ที่ก้านเกสรค่อนข้างใหญ่ มีต่อม 2 ต่อม อยู่ใกล้กับก้าน ลักษณะของต่อมเป็นรูปไข่กว้างและมีก้าน อับเรณูจะมีช่องเปิด 4 ช่อง เรียงกันเป็นแถว 2 แถว แถวละ 2 ช่อง มีลิ้นเปิดทั้ง 4 ช่อง ส่วนเกสรเพศผู้เป็นหมันมี 3 ก้าน อยู่ด้านในสุด ลักษณะเป็นรูปร่างคล้ายหัวลูกศร มีแต่ขนและไม่มีต่อม ส่วนรังไข่เป็นรูปไข่ ไม่มีขน ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ไม่มีขน ปลายเกสรเพศเมียมีลักษณะกลม ส่วนใบประดับมีลักษณะเรียวยาว ร่วงได้ง่าย และมีขนอ่อนนุ่ม
สายพันธุ์
การบูรเป็นพืชพื้นเมืองของจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น และเป็นสายพันธุ์หนึ่งของอบเชย (Cinnamon) ทั้งนี้ต้นการบูรเองไม่ได้มีสายพันธุ์แยกย่อยโดยเฉพาะ
วิธีการปลูก
ต้นการบูรสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งโดยวิธีการเพาะเมล็ดและการปักชำ โดยต้นแก่ของการบูรมีเมล็ดต้นละ 1 เมล็ด ทั้งการเพาะเมล็ดและการปักชำสามารถปลูกได้ทั้งในดินและในกระถาง โดยจะเพาะต้นกล้าให้รากของต้นการบูรแน่นก่อนแล้วจึงนำลงปลูก ควรหมั่นเปลี่ยนกระถางเรื่อย ๆ แต่เมื่อการบูรเริ่มโตควรนำไปปลูกในดิน เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นที่ค่อนข้างสูง การบูรเป็นพืชที่โตไว ขยายพันธุ์ง่าย ไม่ต้องการการดูแลมาก แต่หากอยากให้ต้นสมบูรณ์สามารถใช้ปุ๋ยคอกผสมดินในการบำรุงได้
วิธีการดูแล
แสง
ต้นการบูรเป็นพืชที่ต้องการแดดจัด ควรปลูกในกลางแจ้งให้โดนแดดตอนกลางวัน
น้ำ
ควรรดน้ำแค่ 4 – 5 วันต่อครั้ง
ดิน
เป็นไม้ที่เจริญเติบโตได้ในดินร่วนทั่วไป
ปุ๋ย
การบูรเป็นไม้ที่เติบโตได้ไวในธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเลยก็ได้ แต่หากต้องการบำรุงต้นก็สามารถใส่ปุ๋ยคอกผสมในดินเพื่อบำรุงได้
ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่น ๆ
การบูร (ผลึกในเนื้อไม้) เมล็ด รากและกิ่ง เนื้อไม้
เป็นส่วนประกอบของตำรับยาพื้นบ้านหลายตำรับ มีฤทธิ์แก้ปวด กระตุ้นหัวใจ ขับลม ขับความชื้น ฆ่าพยาธิ ขับเหงื่อ เป็นยาสมานแผล แก้พิษจากแมลงและสัตว์กัดต่อย ทั้งยังเป็นยานวดแก้ปวดตามกล้ามเนื้อ ข้อ และประสาท นอกจากนี้ยังเป็นส่วนผสมของตำรับยาหอมต่าง ๆ
น้ำมันการบูร
สามารถกระตุ้นความรู้สึกและจิตใจให้โล่งปลอดโปร่ง ทำให้ตื่นตัว บรรเทาอาการเวียนศีรษะ ช่วยแก้รอยผิวหนังแตกในฤดูหนาว และใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ได้
กิ่งก้านและใบ
ใช้แต่งกลิ่นอาหารและขนมได้ โดยมักเป็นเครื่องแกงอย่างเครื่องพะโล้ เครื่องแกงมัสมั่น ผงกะหรี่ หรือเบเกอรี่อย่างเค้ก คุกกี้ เครื่องดื่มอย่างเหล้า โคคาโคล่า ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ แยม เยลลี่ ลูกกวาด นอกจากนี้จะเป็นส่วนประกอบของอาหารประเภทผักดอง ซอส นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการแต่งกลิ่นยาได้
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
ราคาของต้นการบูรแปรผันตามขนาดและความสูงของต้น โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 20 – 50 บาท จนถึง 250 บาท
แหล่งอ้างอิง
“การบูร” คือผลึกสีขาวที่แทรกอยู่ในเนื้อไม้ของต้นการบูรทั่วทั้งต้น มีมากที่สุดในแก่นราก มักพบตามรอยแตกของเนื้อไม้ ทั้งยังมีกลิ่นหอม ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง โดยหากพูดถึงของหอม น้อยคนจะไม่รู้จักการบูร อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการบูรแท้มีอยู่ในท้องตลาดไม่มาก ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้การบูรที่สังเคราะห์ขึ้นจากน้ำมันสน การบูรแท้จึงเป็นสิ่งที่เกิดเป็นช่องว่างในการสร้างรายได้ เนื่องจากขยายพันธุ์ได้ง่าย โตไว ทั้งยังมีคุณประโยชน์ตลอดทั้งต้น
ส่วนประกอบของต้นไม้
ลักษณะของลำต้น
ลักษณะของลำต้นคือเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นทรงพุ่มกว้างและทึบ สูง 10 – 15 เมตร อาจสูงได้ถึง 30 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1.5 เมตร เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาล ผิวหยาบ ส่วนเปลือกกิ่งเป็นสีเขียวหรือเป็นสีน้ำตาลอ่อน ลำต้นและกิ่งเรียบไม่มีขน ส่วนเนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลปนแดง เมื่อนำมากลั่นแล้วจะได้ “การบูร” ทุกส่วนมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะที่ส่วนที่ของรากและโคนต้น เกล็ดชั้นนอกเล็กกว่าเกล็ดชั้นใน
ใบ
เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปรีแกมรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบป้านหรือกลม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5 – 5.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5.5 – 15 เซนติเมตร แผ่นใบค่อนข้างเหนียว หลังใบสีเขียวเข้มและเป็นมัน ส่วนท้องใบสีเขียวอมเทาหรือนวล ไม่มีขน เส้นใบขึ้นตรงมาจากโคนใบประมาณ 3 – 8 มิลลิเมตร แล้วแยกออกเป็นเส้น 3 เส้น ตรงมุมที่มีเส้นใบแยกออกนั้นมีต่อม 2 ต่อม และตามเส้นกลางใบอาจมีต่อมเกิดขึ้นตรงมุมที่มีเส้นใบแยกออกไป ส่วนก้านใบมีความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ไม่มีขน ที่ตาใบมีเกล็ดซ้อนเหลื่อมกันอยู่ โดยเกล็ดชั้นนอกจะเล็กกว่าเกล็ดชั้นในตามลำดับ และเมื่อนำใบมาขยี้จะมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นการบูร
ดอก
เป็นช่อแบบแยกแขนง โดยจะออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็กเป็นสีขาวอมสีเหลืองหรืออมสีเขียว ก้านดอกย่อยมีขนาดสั้นมาก ดอกรวมมีกลีบ 6 กลีบ เรียงเป็นวง 2 วง วงละ 3 กลีบ ลักษณะเป็นรูปรี ปลายมน ด้านนอกเกลี้ยง ส่วนด้านในมีขนละเอียด ดอกมีเกสรเพศผู้ 9 ก้าน เรียงเป็นวง 3 วง วงละ 3 ก้าน ส่วนอับเรณูของวงที่ 1 และ 2 หันหน้าเข้าด้านใน ที่ก้านเกสรมีขน ส่วนวงที่ 3 จะหันหน้าออกทางด้านนอก ที่ก้านเกสรค่อนข้างใหญ่ มีต่อม 2 ต่อม อยู่ใกล้กับก้าน ลักษณะของต่อมเป็นรูปไข่กว้างและมีก้าน อับเรณูจะมีช่องเปิด 4 ช่อง เรียงกันเป็นแถว 2 แถว แถวละ 2 ช่อง มีลิ้นเปิดทั้ง 4 ช่อง ส่วนเกสรเพศผู้เป็นหมันมี 3 ก้าน อยู่ด้านในสุด ลักษณะเป็นรูปร่างคล้ายหัวลูกศร มีแต่ขนและไม่มีต่อม ส่วนรังไข่เป็นรูปไข่ ไม่มีขน ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ไม่มีขน ปลายเกสรเพศเมียมีลักษณะกลม ส่วนใบประดับมีลักษณะเรียวยาว ร่วงได้ง่าย และมีขนอ่อนนุ่ม
สายพันธุ์
การบูรเป็นพืชพื้นเมืองของจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น และเป็นสายพันธุ์หนึ่งของอบเชย (Cinnamon) ทั้งนี้ต้นการบูรเองไม่ได้มีสายพันธุ์แยกย่อยโดยเฉพาะ
วิธีการปลูก
ต้นการบูรสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งโดยวิธีการเพาะเมล็ดและการปักชำ โดยต้นแก่ของการบูรมีเมล็ดต้นละ 1 เมล็ด ทั้งการเพาะเมล็ดและการปักชำสามารถปลูกได้ทั้งในดินและในกระถาง โดยจะเพาะต้นกล้าให้รากของต้นการบูรแน่นก่อนแล้วจึงนำลงปลูก ควรหมั่นเปลี่ยนกระถางเรื่อย ๆ แต่เมื่อการบูรเริ่มโตควรนำไปปลูกในดิน เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นที่ค่อนข้างสูง การบูรเป็นพืชที่โตไว ขยายพันธุ์ง่าย ไม่ต้องการการดูแลมาก แต่หากอยากให้ต้นสมบูรณ์สามารถใช้ปุ๋ยคอกผสมดินในการบำรุงได้
วิธีการดูแล
แสง
ต้นการบูรเป็นพืชที่ต้องการแดดจัด ควรปลูกในกลางแจ้งให้โดนแดดตอนกลางวัน
น้ำ
ควรรดน้ำแค่ 4 – 5 วันต่อครั้ง
ดิน
เป็นไม้ที่เจริญเติบโตได้ในดินร่วนทั่วไป
ปุ๋ย
การบูรเป็นไม้ที่เติบโตได้ไวในธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเลยก็ได้ แต่หากต้องการบำรุงต้นก็สามารถใส่ปุ๋ยคอกผสมในดินเพื่อบำรุงได้
ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่น ๆ
การบูร (ผลึกในเนื้อไม้) เมล็ด รากและกิ่ง เนื้อไม้
เป็นส่วนประกอบของตำรับยาพื้นบ้านหลายตำรับ มีฤทธิ์แก้ปวด กระตุ้นหัวใจ ขับลม ขับความชื้น ฆ่าพยาธิ ขับเหงื่อ เป็นยาสมานแผล แก้พิษจากแมลงและสัตว์กัดต่อย ทั้งยังเป็นยานวดแก้ปวดตามกล้ามเนื้อ ข้อ และประสาท นอกจากนี้ยังเป็นส่วนผสมของตำรับยาหอมต่าง ๆ
น้ำมันการบูร
สามารถกระตุ้นความรู้สึกและจิตใจให้โล่งปลอดโปร่ง ทำให้ตื่นตัว บรรเทาอาการเวียนศีรษะ ช่วยแก้รอยผิวหนังแตกในฤดูหนาว และใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ได้
กิ่งก้านและใบ
ใช้แต่งกลิ่นอาหารและขนมได้ โดยมักเป็นเครื่องแกงอย่างเครื่องพะโล้ เครื่องแกงมัสมั่น ผงกะหรี่ หรือเบเกอรี่อย่างเค้ก คุกกี้ เครื่องดื่มอย่างเหล้า โคคาโคล่า ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ แยม เยลลี่ ลูกกวาด นอกจากนี้จะเป็นส่วนประกอบของอาหารประเภทผักดอง ซอส นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการแต่งกลิ่นยาได้
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
ราคาของต้นการบูรแปรผันตามขนาดและความสูงของต้น โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 20 – 50 บาท จนถึง 250 บาท