พีนัทบัตเตอร์ ผลไม้ดีเพื่อสุขภาพ มีลักษณะและวิธีปลูกยังไง

พีนัทบัตเตอร์ (peanut butter) เป็นผลไม้ที่เรียกว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียว มีชื่อเรียกเหมือนเนยถั่วที่เรากินกับขนมปังปิ้ง ทำให้ในบางที่เรียกต้นนี้ว่า “ต้นเนยถั่ว” เป็นต้นไม้ขนาดกลางที่คนไทยพึ่งนำเข้ามาปลูกไม่นานมานี้เอง แต่ด้วยสถาพภุมิประเทศ และสภาพอากาศของบ้านเราเข้ากันได้ ทำให้การปลูกและการเจริญเติบโตของต้นพีนัทบัตเตอร์เป็นไปได้ด้วยดี ออกผลให้ได้เก็บเกี่ยวตลอดปี ทำให้คนเริ่มให้ความสนใจในการปลูกเพื่อขายหรือปลูกไว้เป็นไม้ประดับในบ้าน และตลาดของผลไม้ชนิดนี้ยังน้อย ทำให้โอกาสในการขายมีมากขึ้น ได้ราคาดีอีกด้วย

พีนัทบัตเตอร์
credit : Christine Goll
พีนัทบัตเตอร์  ผลไม้น่าปลูกรสชาติดี แถมเมล็ดยังสามารถกินได้ด้วย ในประเทศไทยคนที่เริ่มปลูกเป็นรายแรก ๆ อย่างสวนของคุณสุพัฒนา นิรังกูล ที่ได้นำต้นพีนัทบัตเตอร์จากต่างประเทศ ด้วยพิษของโควิด19 ทำให้เศรษฐกิจไม่เหมือนเดิม รายได้น้อยลงรายจ่ายมากขึ้น 

แต่ว่าคุณสุพัฒนาได้เห็นข้อดีของต้นพีนัทบัตเตอร์ ว่ามีข้อดีมากมาย เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย เพราะเทรนรักสุขภาพกำลังมา และคนไทยก็ยังไม่เคยกิน ดูเป็นของแปลกใหม่ และนั้นก็เป็นการสร้างได้อีกทาง ที่มันกำลังเติบโตไปได้ด้วยดี ตามความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้น วันนี้ Kaset today จะมาบอกสาระข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับพีนัทบัตเตอร์ หรือ ต้นถั่ว ให้ทุกคนได้รู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะต่าง ๆ การปลูกการดูแล หรือเทคนิคที่ทำให้ลูกออกดก 

ข้อมูลทั่วไปพีนัทบัตเตอร์

ชื่อภาษาไทย : พีนัทบัตเตอร์, ต้นเนยถั่ว, ต้นผลบันโชเซีย

ชื่อภาษาอังกฤษ : Bunchosia, Green Plum, Monk’s Plum, Peanut Butter Fruit, Peanut Butter Tree

ชื่อในภาษาอื่น บราซิล : Ameixa-Do-Peru, Ameixa -Do-Para, Caferana, Cafezinho, Caramel

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Buchosia argentea


ถิ่นกำเนิด

ต้นไม้ชนิดนี้ว่าเป็นต้นไม้พื้นเมืองทางตะวันตกเฉียเหนือของอเมริกา ซึ่งได้แก่ ประเทศโคลัมเบีย ประเทศเอกวาดอร์ ประเทศโบลิเวีย ประเทศเวเนซูเอลา ประเทศบราซิล และประเทศเปรู


ลักษณะพีนัทบัตเตอร์

  • ลำต้น

เป็นประเภทไม้ยืนต้น ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก ความสูงโดยประมาณอยู่ที่ 2-4 เมตร และเป็นลักษณะแผ่กิ่งก้าน ช่วงลำต้นจะแข็ง แล้วก็เป็นซี่ๆ แต่เมื่ออายุมากจะมีความเกลี้ยงเกลา

พีนัทบัตเตอร์
credit : Top Tropicals
  • ใบ

จะเป็นประเภทใบย่อย ลักษณะรูปใบหอกสั้น ที่ใบจะมีหนาม ใบมีความยาวประมาณ 10-27 เซนติเมตร และความกว้างราวๆ 5-10 เซนติเมตร โคนใบจะมน ขอบใบเป็นคลื่น

พีนัทบัตเตอร์
credit : kens-nursery
  • ดอก

จะออกเป็นช่อที่ซอกใบและมีขนาดกะทัดรัด ความยาวประมาณ 8-15 เซนติเมตร แล้วที่ก้านใบยาวก็จะมีดอกกะเทยสีเหลืองเป็นจำนวนมาก

พีนัทบัตเตอร์
credit : kens-nursery
  • ผล

จะออกเกือบทั้งปี ลักษณะของผลจะมีผิวบาง สีจะออกสีส้มหรือสีแดง ความยาวของผลจะประมาณ 1 นิ้ว มีเมล็ดอยู่ 2 เมล็ด ผลเมื่อยังดิบจะมีรสชาติมันปนจืด เมื่อสุกจะมีรสหวาน

พีนัทบัตเตอร์
credit : kens-nursery
  • เมล็ด

เมล็ดจะมีขนาดเล็กกว่าผลเล็กน้อย บางครั้งอาจมี 1 เมล็ดใน 1 ผล หรือ บางลูกก็อากมีเมล็ด 2 เมล็ดใน 1 ผล สามารถเคี้ยวเมล็ดได้เลย โดยมีสีขาวครีม ไม่แข็งมากเกินไป รสชาติเหมือนเม็ดถั่ว

พีนัทบัตเตอร์
credit : technologychaoban

การขยายพันธุ์

สำหรับการขยายพันธุ์ของ ต้นพีนัทบัตเตอร์ นั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การเพาะเมล็ด และ การปักชำราก ซึ่งการเพาะด้วยเมล็ดจะสามารถออกผลได้ภายในระยะเวลา 2-3 ปี ส่วนการปักชำรากจะสามารถออกผลได้ในเวลา 1 ปี

การเพาะเมล็ด

  • พยายามเอาเนื้อออกจากเมล็ดให้เกลี้ยง
  • ตากให้เมล็ดแห้ง 2-3 ชั่วโมง
  • เตรียมขุยมะพร้าวชุบน้ำให้หมาด ๆ
  • เอาขุยมะพร้าววางรองก้นกระถางเล็กน้อย วางเมล็ดพีนัตบัตเตอร์ให่ชิดกันแต่อย่าเกยกัน แล้วกลบด้วยขุยมะพร้าวอีกชั้น แล้วทำแบบนี้อีก 1 รอบ เสร็จก็รดน้ำ เพื่อบ่มเมล็ดให้รากงอกออกมา
  • เมื่อทำเสร็จนำไปวางในที่แดดรำไร 3-4 วัน พยายามอย่าให้ขุยมะพร้าวแห้ง
  • เอาเมล็ดที่มีรากงอกออกมาแล้ว มาเพาะต่อในดิน วางในที่ร่มรำไร ควรรดน้ำเช้า-เย็น

การปลูกและการดูแล

การปลูก

  • แสงแดด

ต้นไม้นี้เป็นไม้ที่ชอบแสงแดดมีการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างรวดเร็ว การปลูกสามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและแปลงปลูก

  • น้ำ

ความต้องการน้ำอยู่ในระดับปานกลาง โดยให้รดน้ำเช้าและเย็น แต่ช่วง 2-3 ปีแรก ควรให้น้ำบ่อยๆ หลัง 3 ปีไปแล้วจะมีการปรับตัวได้ดีขึ้น สามารถทนสภาวะแล้งได้เป็นอย่างดี

  • ดิน

ดินปลูก สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิด ขอแค่ดินจะต้องมีการระบายน้ำดี

สามารถบำรุงต้นได้ด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอกทุกๆ 2 เดือน

การดูแล

  • โรคพืช

เชื้อรา เชื้อราจะเกิดขึ้นได้หากสภาพแวดล้อมมีความชื้นมากเกินไป การป้องกันและกำจัดศัตรูต่างๆ เหล่านี้ ทำได้โดยการคอยดูแลพื้นที่ปลูกให้มีอากาศถ่ายเท ไม่รดน้ำมากเกินไป และคอยสังเกตกับไล่ศัตรูที่มาทางอากาศ

  • ศัตรูพืช

ศัตรูตัวฉกาจของ ต้นพีนัทบัตเตอร์ คือ ‘นก’ เพราะบรรดานกจะชอบกินผลสุกของต้น ส่วนศัตรูอื่นๆ ได้แก่ เพลี้ย ซึ่งมักจะทำลายใบ ดอก และผลอ่อน

เกร็ดความรู้ ! สูตรปุ๋ยลูกดก

มาแล้วกับเคล็ดไม่ลับของเว็บเรา ที่จะมาบอกเกี่ยวกับเทคนิคการปลูกเพื่อให้คุณได้กินลูกพีนัทบัตเตอร์กัยยาวๆ โดยสูตรง่าย ๆ คือ

วัสดุดิบ-อุปกรณ์
1. ถังมีฝาปิด ขนาดใดก็ได้ 1 ถัง
2. เศษอาหารที่กินเหลือ แบบแยกน้ำออกแล้ว
3. กากน้ำตาล

วิธีทำ
1. เอาเศษอาหารที่แยกน้ำแล้วใส่ลงในถังให้ได้ 3 ใน 5 ของถัง
2. ใส่กากน้ำตาลลงไป โดยไม่ต้องผสมน้ำ ใส่ให้ไม่เห็นเศษอาหาร ปิดฝาแล้วหมักไว้ 1-2 เดือน
3. ค่อยเปิดเช็คในช่วงแรก วันละครั้ง
4. หลักหมักเสร็จแล้วสามารถตัก ราดไปที่โคนต้นไม้ได้เลย

ประโยชน์ และสรรพคุณ

ด้านประโยชน์ ต้นพีนัทบัตเตอร์ เป็นต้นไม้ที่มีคุณประโยชน์ที่ส่วนของผล มีอะไรบ้างตามมาดูกัน

  • มีกลิ่นที่หอมและรสชาติดี
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์หรือกากใยที่ค่อนข้างสูงด้วย
  • เป็นแหล่งของสารแคโรทีนอยด์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งสารตัวนี้เป็นสารพฤกษเคมี อันมีประโยชน์ต่อสุขภาพของดวงตา ผิวพรรณ ป้องกันมะเร็ง และลดอันตรายจากแสงแดด
  • มีสารไลโคปีนที่ใกล้เคียงกับมะเขือเทศ โดยสารชนิดนี้ให้คุณประโยชน์ด้านลดความรุนแรงจากอาการผิวไหม้จากแสงแดด และช่วยชะลอผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย
  • ผลพีนัทบัตเตอร์ยังช่วยลดภาวะที่เกี่ยวกับโรคหัวใจ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล แถมยังช่วยในเรื่องระบบประสาทต่างๆ

เป็นอย่างไรกันบ้าง อ่านแค่นี้ก็อยากกินกันแล้วใช่ไหม ถ้าอยากกินทุกวัน คุณน่าจะลองหาซื้อมาปลูกสัก 1-2 ต้น นะ กินแล้วสุขภาพดีผิวสวยขนาดนี้


ไอเดียการปลูกเพื่อจัดสวน และการปลูกเพื่อการขาย

การปลูกเพื่อการจัดสวน

เนื่องจากต้นพีนัทบัตเตอร์เป็นไม้ขนาดกลางไม่ใหญ่มากมัก แต่ก็สามารถให้ร่มเงาได้ ถ้าอยากได้ต้นเป็นพุ่มสวยต้องตัดแต่งในช่วงแรกบ่อยหน่อย แต่ก็เหมาะเอามาปลูกในบ้านหรือปลูกประดับสวนเหมือนกัน เช่น สวนแบบเขตร้อน สวนสไตล์บาหลี

นั้นก็เพราะว่า ต้นของเขามีรูปใบใหญ่ เขียวเข้มเงา ขอบใบเป็นคลื่นสวย และที่สำคัญ ลักษณะของผลพีนัทบัตเตอร์ สามารถมีสีได้ 3 ระยะ คือ สีเขียว ลูกดิบ สีส้ม ลูกกำลังสุก และ สีแดง คือลูกที่สุกแล้ว และมักจะออกเป็นพวง ทำให้เวลาผลสุกทั้งต้น จะดูสวยมากเลย ผลสีแดงตัดกับใบสีเขียวเข้ม สามารถปลูกเป็นแนวรั้วได้ หรือจะปลูกเป็นไม้ประธาน เน้นความสวยงามและดูลูกสีแดงสดมีม้านั่งใต้ต้น ก็เป็นไอเดียวที่ไม่เลวเลยใช่ไหมละ

การปลูกเพื่อการขาย

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าต้นพีนัทบัตเตอร์ กำลังจะเป็นหมุดหมายผลไม้ใหม่ของคนที่รักสุขภาพ ในประเทศไทย ดังนั้นการปลูกและขายเพื่อเจอะตลาดอาหารสุขภาพก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และยังสามารถนำไปแปรรูปได้หลายโปรดักส์อีกด้วย

การปลูกต้นพีนัทบัตเตอร์สามารถปลูกบนพื้นราบ หรือปลูกบนคันดิน เหมือนการทำสวนส้มก็ได้ และข้อดีของการปลูกพีนัทบัตเตอร์คือ “ปลูกง่าย-โรคไม่ค่อยมี-ต้นทุนต่ำ” แต่…ราคาขาย และรายได้ที่ได้กลับมา “สูงมาก” ไม่ว่าคุณจะขายต้นกล้า หรือขายผลไม้ มันก็สร้างกำไลให้คุณแน่นอน หรือแค่คุณปลูกแล้วเก็บไว้กิน แล้วได้สุขภาพที่ดีและแข็งแรง นั้นก็เป็นกำไรของคุณแล้ว


แหล่งอ้างอิง

kens-nursery
atlasobscura

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้