หมากเม่าหลวง ผลไม้ป่าเศรษฐกิจสร้างรายได้ ถ้าอยากปลูกต้องรู้

หมากเม่า หรือ มะเม่า (Thai Blueberry) ผลไม้ป่าที่สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังให้กับภาคอีสานของประเทศไทย โดยเฉพาะผลหมากเม่าจาก “จังหวัดสกลนคร” ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ทองคำสีดำแห่งเทือกเขาภูพาน เลยก็ว่าได้ แค่พูดว่าทองคำ นักอ่านหลายท่านก็ตาโตเลยที่เดียว Kaset today จึงขอโอกาสนี้ในการพาทุกคนไปทำความรู้จักกับผลไม้ชนิดนี้กัน

credit : boar26
นับได้ว่าผลของหมากเม่า เป็นผลไม้ป่าที่ออกผลผลิต แค่ 1-2 ครั้งใน 1 ปี และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจอีกด้วย โดยหมากเม่า หรือ มะเม่าได้รับการรับรองให้​เป็นผลิตภัณฑ์ GI​​ ไทย (Thai​ Geographical indication) ของจังหวัดสกลนคร สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลายผลิตภันธุ์ ด้วยตัวของหมากเม่ามีสรรพคุณมากมายทำให้ปัจจุบัน มีคนไม่น้อยเลยที่หันมารับประทานผลิตภัณฑ์จากหมากเม่า ไม่ว่าจะเป็น น้ำหมากเม่า ตำหมากเม่า

ข้อมูลทั่วไปหมากเม่า

ชื่อภาษาไทย : หมากเม่า, มะเม่า

ชื่อท้องถิ่น : หมากเม้า บ่าเหม้า (ภาคเหนือ) / หมากเม่า (ภาคอีสาน) / มะเม่า ต้นเม่า (ภาคกลาง) / มะเม่าไฟ (ภาคใต้) และ เม่า เม่าเสี้ยน หมากเม่าหลวง มะเม่าหลวง มัดเซ

ชื่อภาษาอังกฤษ : Thai Blueberry, Mamao, Mao

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Antidesma thwaitesianum Müll.Arg.

ชื่อวงศ์ : Euphorbiaceae

ชื่อสกุล : Antidesma


แหล่งกำเนิด

ต้นหมากเม่า เป็นต้นไม้ป่าที่กระจายอยู่ในพื้นที่เขตร้อนของทวีปเอเซีย ทวีปแอฟริกา ทวีปออสเตรเลีย หมู่เกาะอินโดนีเซีย และเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก

โดยในประเทศไทยพบกระจายตัวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพบมากที่สุดในแถบเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร มีหลสยสายพันธุ์ เป็นพืชท้องถิ่นเศรษฐกิจที่สําคัญ แต่สายพันธุ์ที่นิยมปลูกคือ “หมากเม่าหลวง” (A. thwaitesianum Muell Arg.)


ลักษณะของหมากเม่า

  • ลำต้น

มีลักษณะตรงชะลูดความสูงจะสูงได้ถึง 20 เมตร เปลือกของต้นมีสีน้ำตาลอมเทาและแตกเป็นสะเก็ด ส่วนของกิ่งอ่อนกับยอดอ่อนจะมีขนสั้นนุ่มสีน้ำตาลปกคลุม

credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
  • ใบ

เป็นใบเดี่ยว ออกแบบเรียงสลับอยู่ในระนาบเดียวกัน แผ่นใบเป็นรูปรีๆ แบบไข่และกว้าง ความกว้างจะประมาณ 3.5-4.5 เซนติเมตร ความยาวราวๆ 5-7 เซนติเมตร ปลายใบจะมนกลมหรืออาจจะเป็นติ่งแหลมเล็กๆ โคนใบก็กลมไปจนถึงหยักเว้า ขอบใบจะเรียบ ผิวใบมีความเกลี้ยงทั้งสองด้าน บางทีจะมีขนเล็กน้อยอยู่ตามเส้นใบและตรงด้านหลังของใบ ตัวแผ่นใบจะมีลักษณะบางเหมือนกระดาษหรืออาจจะมีความหนาคล้ายกับแผ่นหนัง และจะมีขนสั้นๆ นุ่มๆ ทั้งสองด้าน เส้นแขนงของใบจะมีข้างละ 5-8 เส้น เส้นใบย่อยจะเป็นแบบร่างแหคมชัด ก้านใบจะมีความยาว 0.5-1 เซนติเมตร แถมมีขนประปรายจนถึงหนาแน่น หูใบเป็นรูปลิ่มแคบๆ ยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร และใบมีสีเขียวสด

credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร (ใบ)
credit : phargarden (หมากเม่าไข่ปลา ใบกลมรี)
credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร (หมากเม่าหลวง ใบรียาว)
  • ดอก

การออกดอกจะเป็นแบบช่อเชิงลด โดยจะออกตามซอกใบใกล้กับยอดไปจนถึงปลายกิ่ง ดอกมีขนาดค่อนข้างเล็กสีขาวอมเหลือง ความยาวจะประมาณ 1-2 เซนติเมตร  ลักษณะของดอกจะเป็นแบบแยกเพศอยู่คนละต้นกัน ดอกเพศผู้มีความยาวราว 2-3 มิลลิเมตร ไม่มีก้าน แต่มีกลีบเลี้ยงแยกจากกันประมาณ 4-6 กลีบ ลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม ดอกเพศเมียมีความยาวราวๆ 1.5-2 มิลลิเมตร มีกลีบเลี้ยง 5-6 กลีบ และเป็นรูปเหมือนกับสามเหลี่ยม ช่วงออกดอกจะอยู่ในเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน

credit : phargarden
  • ผล

จะออกเป็นช่อ ซึ่งจะมีความยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร ลักษณะของผลเป็นทรงกลม ขนาดค่อนข้างเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 4 มิลลิเมตร ตรงผิวของผลจะมีขน ผนังชั้นในจะแข็ง เมล็ดมีขนาดเล็กจำนวน 1-2 เมล็ด ผลดิบมีสีออกเขียวอ่อนหรือเขียวเข้ม ผลสุกจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงและเมื่อสุกเต็มที่จะกลายเป็นสีม่วงอมดำ รสชาติของผลดิบมีรสเปรี้ยว หากผลสุกจัดก็จะมีรสเปรี้ยวอมหวาน การติดผลจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฏาคม

credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร (ผลดิบ)
credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
(ผลกำลังสุก)
credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
(ผลสุกแดงมีรสเปรี้ยวฝาด)
credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
(ผลแก่จัดสีม่วงดำรสหวานติดเปรี้ยวนิดๆ สายพันธุ์ที่มักจะดำทั้งพวงคือ หมากเม่าหลวง)

สายพันธุ์หมากเม่า

หมากเม่า หรือ มะเม่าเป็นผลไม้ป่าท้องถิ่น ที่พบมากในจังหวัดสกลนคร บนพื้นที่เทือกเขาภูพานประมาณ 5,000 ไร่ จะมีสายพันธุ์อะไรบ้าง

ยกตัวอย่างหมากเม่าที่พบมากที่สุด 3 ชนิด คือ

  • มะเม่าไข่ปลา (A. ghaesembilla)
  • มะเม่าขี้ตาควายหรือมะเม่าสร้อย (A. acidum Retz.)
  • มะเม่าหลวง (A. thwaitesianum Muell Arg.)

โดยจากการค้นคว้าโครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะเม่าพื้นที่จังหวัดสกลนคร ได้ผลสรุปว่ามะเม่าที่ปลูกบนเทือกเขาภูพานจะมีคุณภาพดีกว่าพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะ “มะเม่าหลวง” เป็นมะเม่าที่นิยมนําผลสุกมาบริโภค และนํามาใช้ในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เพราะมีผลใหญ่ น้ำเยอะ กว่าสายพันธุ์อื่นๆ

เกร็ดความรู้ ! ปัจจัยในการแยกสายพันธุ์

1. รูปร่างใบหมากเม่า หรือ มะเม่า มีทั้งแบบกลมรี และ แบบรียาว
2. ผลหมากเม่าออกเป็นช่อ โดยที่ก้านลูกหมากเม่ามีแบบยาวยื่นออกมา และ แบบก้านสั้นทำให้ลูกเกาะชิดกันแน่น
3. ขนาดของลูกหมากเม่า ที่เล็กรีและใหญ่กลม
4. เนื้อของผลหมากเม่าที่บางสายพันธุ์เนื้อแน่น และบางสายพันธุ์เนื้อฉ่ำน้ำเยอะ
5. แยกที่รสชาติของหมากเม่า และการแยกรสชาติก็ช่วยในการนำไปแปรรูป ซึ่งแบ่งรสชาติเป็น 3 ระดับ

การขยายพันธุ์

การขยายพันธุ์ ต้นหมากเม่า สามารถทำได้ 3 วิธี คือ

  • การเพาะเมล็ด ทำได้โดยหว่านเมล็ดลงในแปลงที่เตรียมดินไว้แล้ว แล้วคลุมด้วยวัสดุกันความชื้น เช่น ฟางแห้งหรือหญ้าแห้ง
  • การทาบกิ่ง ทำได้โดยใช้ต้นกล้าที่มีอายุประมาณ 6 เดือน ถึง 12 เดือน มาทำให้เกิดแผล แล้วก็ประกบกับกิ่งพันธุ์ดีที่ได้ทำแผลไว้แล้วเช่นกัน เพื่อจะให้เนื้อไม้ทั้งสองต้นประสานเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็ตัดยอดของต้นกล้าทิ้งและเหลือไว้เพียงส่วนโคนเท่านั้น
  • การเสียบยอด ทำได้โดยให้ตัดกิ่งพันธุ์จากต้นที่เลือกไว้ แล้วนำกิ่งนั้นมาเฉือนทำแผลแบบปาดหรือแบบฝานบวบ จากนั้นก็เฉือนต้นแม่พันธุ์ในแบบเดียวกัน และนำมาประกบกัน พันรอยต่อด้วยพลาสติกใสหรือเชือกฟาง โดยให้แผลประกบกันแน่นไม่เลื่อนหรือโยก พอเรียบร้อยก็นำไปเก็บไว้ในโรงพลาสติกที่กันการคายน้ำ เมื่อครบ 1 เดือนจึงเปิดพลาสติกออก

แต่จากที่ได้ไปหาข้อมูลมา ส่วนใหญ่เกษตรกรจะใช้วิธี “เสียบยอด” เนื่องจากการเพาะด้วยเมล็ดจะออกผลช้ามาก หรือบางต้นที่ปลูกจนต้นใหญ่แล้วแต่ไม่ออกลูกเลยก็อาจจะสันนิฐานได้ว่าเป็น “ต้นตัวผู้”

credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร

ดังนั้นวิธีการเสียบยอดจึงเป็นวิธีที่เกษตรกรเลือกใช้เพราะ สามารถเลือกกิ่งที่เคยออกลูกมาแล้ว ยังเมื่อนำไปปลูกต่อก็มีโอกาสติดลูกได้เร็วกว่าการเพาะเมล็ดอีกด้วย


การปลูกและการดูแล

การปลูก

  • แสงแดด

ต้นหมากเม่าเป็นไม้ผลที่ต้องการแดดมาก โดยเฉพาะช่วงออกลูก ถ้าได้แสงมากเพียงพอก็จะทำให้ลูกหมากเม่าสุกสีม่วงอมดำทั่วทั้งพวง

  • น้ำ

น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน ของทุกปี เป็นช่วงที่ต้นหมากเม่ากำลังออกดอกและจะติดผลในเดือนเมษายน ในช่วง 2 เดือนนี้ควรให้น้ำทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง เพราะต้นกำลังต้องการน้ำเพื่อเอาไปเลี้ยงลูกที่กำลังจะเกิด แต่ถ้ามีอากาศแปรโดยมีฝนตกในช่วงเดือนมีนาคม แล้วมาแล้งฝนในเดือนเมษายน ลูกหมากเม่าที่กำลังโตจะ “ร่วงหมด”

  • ดิน

เนื่องจากเป็นผลไม้ป่าที่ขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีอากาศที่แห้ง ทำให้สภาพดินเป็นแบบดินร่วนปนทราย และในธรรมชาติ ต้นหมากเม่าจะขึ้นในป่าเบญจพันธุ์ ป่าเต็งรัง เป็นดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูงแต่มีความโปร่ง ระบายน้ำดี

  • ปุ๋ย

ควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในการบำรุงต้นหมากเม่า ผสมกับปุ๋ยคอก

การดูแล

จริง ๆ แล้วการดูแลต้นหมากเม่าต้องคำนึงถึงหลายๆอย่าง ถ้าอยากให้ออกผลได้ขนาดและน้ำหนักตามต้องการ เช่น แสงแดด อุณหภูมิความชื้นสัมพัทธ์ และ ปุ๋ย แต่ถ้าเรามาพูดถึงการดูแลในระดับคนทั่วไป เรามาพูดเรื่องการใส่ปุ๋ยยังไงให้ถูกวิธีน่าจะเป็นอะไรที่ใกล้ตัวมากกว่า

โดยโครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะเม่าพื้นที่จังหวัดสกลนคร ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า การดูแลรักษามะเม่าแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะก่อนให้ผลผลิต1-3 ปี และหลังระยะให้ผลผลิต 3 ปี ขึ้นไป

  • ระยะก่อนให้ผลผลิต 1-3 ปี แรก

การใช้ปุ๋ย เกษตรกรเน้นการบํารุงต้นมะเม่าให้มีความแข็งแรง สมบูรณ์โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์
อัตรา 1-3 กก./ต้น ใส่ปีละครั้ง ทําให้มะเม่าเจริญเติบโตดีและอุ้มน้ำได้ดี และใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา สูตร 15-15-15 อัตรา 300 กรัม – 1 กก./ต้น/ปี ปริมาณการให้ปุ๋ยเคมีจะเพิ่มขึ้นตามอายุของมะเม่า

การให้น้ำจะให้น้ำมะเม่า 1-2 ครั้ง/เดือน และช่วงหน้าแล้งจะให้4-6 ครั้ง/เดือน การกําจัดวัชพืช ระหว่างเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม โดยใช้เครื่องตัดหญ้าเป็นส่วนใหญ่

  • ระยะให้ผลผลิต 3 ปีขึ้นไป

การให้ปุ๋ยคอกจะเพิ่มปริมาณขึ้นเป็น 5-10 กก./ต้น โดยใส่ 1-2 ครั้ง/ปี ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 อัตรา 1-3 กก./ต้น/ปี โดยใส่ 1-2 ครั้ง/ปี

การให้น้ำจะให้น้ำมะเม่า 1-2 ครั้ง/เดือน ช่วงหน้าแล้งจะให้ 6-8 ครั้ง/เดือน กําจัดวัชพืชระหว่างเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม โดยใช้เครื่องตัดหญ้าเป็นส่วนใหญ่

โรคและแมลงศัตรู

โรคและแมลงศัตรูมะเม่า ได้แก่ หนอนแดงเจาะกิ่ง แมลงกินูน สามารถใช้ “สตาร์เกิล จี” ถุงสีม่วง ในการป้องกันและกำจัดหนอนได้

การเก็บเกี่ยว

อายุการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปและมีผลผลิต วิธีการเก็บและการตัดสินใจในการเก็บผลผลิตโดยดูจากผลมะเม่ามีสัดส่วนการสุกมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์โดย “ใช้มือเก็บเกี่ยวและกรรตัดกิ่งตัดช่อผลมะเม่า”


การแปรรูป

ผลหมากเม่ามีประโยชน์มาก สามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย โดยน้ำหมากเม่ามีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระและสามารถเก็บรักษาได้ จึงสามารถเอาไปประยุกต์กับผลิตภัณฑ์อย่างอื่น เช่น ขนมขบเคี้ยวกัมมี่ เยลลี่แข็ง พั้นซ์หมากเม่า ไอศกรีมหมากเม่า นมสดน้ำหมากเม่าเพื่อสุขภาพ

และอีกเมนูที่เป็นที่นิยมคือ “ตำหมากเม่าปลาร้า” ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เพราะใช้ผลที่มีสีชมพูจนถึงสีแดงสด ตัดกับรสเค็มหวาน แซ่บมาก เป็นทั้งอาหารท่านเล่นและอาหารจานหลัก และยังมีประโยชน์กับสุขภาพอีกด้วย

credit : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร

นอกจากนี้ยังสามารถนำหมากเม่ามาทำเป็นเครื่องดื่มโดยหมากเม่าลูกที่มีสีแดงยังติดรสชาติเปรี้ยวฝาดอยู่ มักนิยมนำมาหมักทำเป็นไวน์หมากเม่า ส่วนหมากเม่าที่มีผลสีดำสนิทแล้วก็เอามาคั้นน้ำหมากเม่าเข้มข้น

credit : บ้านโนนหัวช้าง
credit : น้ำหมากเม่าสกลนคร 300มล

ต้นทุนที่ลงกับกำไรที่จะได้

ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนของ เกษตรกรผู้ปลูกหมากเม่า โดยเราได้นำข้อมูลมาจากสถานการณ์การตลาดและการผลิตหมากเม่าอำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร โดยแบ่งดังนี้

  • ต้นทุนการผลิต

ต้นทุนเกษตรกรผู้ปลูกหมากเม่ามีต้นทุนทั้งหมดเฉลี่ย 9,904.67 บาท/ไร่ โดยคิด เป็นต้นทุนผันแปรเฉลี่ย 7,871.3 บาท/ไร่ และต้นทุน
คงที่เฉลี่ย 2,033.33 บาท/ไร

  • ผลตอบแทนการผลิต

ผลตอบแทนที่เกษตรกรผู้ปลูกหมากเม่า ให้ผลผลิตต่อไร่ 618.57 กิโลกรัม/ไร่ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 27,835.65 บาท/ไร่ และกำไรสุทธิเฉลี่ย
17,930.96 บาท/ไร


ราคา

ต้นหมากเม่า สามารถซื้อได้ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 100 บาท ไปจนถึงหลายร้อยบาท อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการขยายพันธุ์และสภาพความสมบูรณ์ของต้น ใครอยากจะปลูกต้นไม้ที่อุดมสรรพคุณแบบนี้สามารถเสาะหาได้ที่ ร้านขายต้นไม้ทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ ตลาดนัดจตุจักร ตลาดต้นไม้มีนบุรี ตลาดต้นไม้ราบ 11 สนามหลวง 2 เป็นต้น หรือตามร้านค้าออนไลน์

ใครกำลังอยากกินของเปรี้ยว แล้วได้อ่านบทความนี้ ต้องรู้สึกอยากกินของเปรี้ยว ๆ ขึ้นมาแน่นอน หมากเม่าเป็นผลไม้อีกหนึ่งที่น่าสนใจลงทุนมาก เพราะสามารถแปรรูปได้หลายอย่าง และเกี่ยวข้องกับเรื่องความสวยงาม และกินแล้วสุขภาพดี ตอบโจทย์ความต้องการของคนในปัจจุบันเป็นอย่างดี

แต่ถ้าคุณคิดว่าผลไม้นี้ยังไม่โดน ยังไม่ตอบโจทย์ของคุณ เราก็มีบทความดี ๆ เกี่ยวกับ พันธุ์ไม้ พันธุ์พืช ผลไม้ ผักสวนครัว สมุนไพร และเรื่องที่ต้องรู้คือ ปุ๋ย โรคพืช และ แมลงศัตรูพืช แต่ถ้าคุณสนใจการเสี้ยงสัตว์เราก็มีบทความเกี่ยวกับปศุสัตว์เหมือนกัน ขอให้สนุกกับบทความดี ๆ ที่ kaset.today ตั้งใจมานำเสนอ


แหล่งอ้างอิง

ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะเม่าพื้นที่จังหวัดสกลนคร 
สถานการณ์การตลาดและการผลิตหมากเม่าอำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร 

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้