หมากเม่า หรือ มะเม่า (Thai Blueberry) ผลไม้ป่าที่สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังให้กับภาคอีสานของประเทศไทย โดยเฉพาะผลหมากเม่าจาก “จังหวัดสกลนคร” ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ทองคำสีดำแห่งเทือกเขาภูพาน เลยก็ว่าได้ แค่พูดว่าทองคำ นักอ่านหลายท่านก็ตาโตเลยที่เดียว Kaset today จึงขอโอกาสนี้ในการพาทุกคนไปทำความรู้จักกับผลไม้ชนิดนี้กัน
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/864.jpg)
นับได้ว่าผลของหมากเม่า เป็นผลไม้ป่าที่ออกผลผลิต แค่ 1-2 ครั้งใน 1 ปี และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจอีกด้วย โดยหมากเม่า หรือ มะเม่าได้รับการรับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์ GI ไทย (Thai Geographical indication) ของจังหวัดสกลนคร สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลายผลิตภันธุ์ ด้วยตัวของหมากเม่ามีสรรพคุณมากมายทำให้ปัจจุบัน มีคนไม่น้อยเลยที่หันมารับประทานผลิตภัณฑ์จากหมากเม่า ไม่ว่าจะเป็น น้ำหมากเม่า ตำหมากเม่า
ข้อมูลทั่วไปหมากเม่า
ชื่อภาษาไทย : หมากเม่า, มะเม่า
ชื่อท้องถิ่น : หมากเม้า บ่าเหม้า (ภาคเหนือ) / หมากเม่า (ภาคอีสาน) / มะเม่า ต้นเม่า (ภาคกลาง) / มะเม่าไฟ (ภาคใต้) และ เม่า เม่าเสี้ยน หมากเม่าหลวง มะเม่าหลวง มัดเซ
ชื่อภาษาอังกฤษ : Thai Blueberry, Mamao, Mao
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Antidesma thwaitesianum Müll.Arg.
ชื่อวงศ์ : Euphorbiaceae
ชื่อสกุล : Antidesma
แหล่งกำเนิด
ต้นหมากเม่า เป็นต้นไม้ป่าที่กระจายอยู่ในพื้นที่เขตร้อนของทวีปเอเซีย ทวีปแอฟริกา ทวีปออสเตรเลีย หมู่เกาะอินโดนีเซีย และเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก
โดยในประเทศไทยพบกระจายตัวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพบมากที่สุดในแถบเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร มีหลสยสายพันธุ์ เป็นพืชท้องถิ่นเศรษฐกิจที่สําคัญ แต่สายพันธุ์ที่นิยมปลูกคือ “หมากเม่าหลวง” (A. thwaitesianum Muell Arg.)
ลักษณะของหมากเม่า
- ลำต้น
มีลักษณะตรงชะลูดความสูงจะสูงได้ถึง 20 เมตร เปลือกของต้นมีสีน้ำตาลอมเทาและแตกเป็นสะเก็ด ส่วนของกิ่งอ่อนกับยอดอ่อนจะมีขนสั้นนุ่มสีน้ำตาลปกคลุม
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/874.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
- ใบ
เป็นใบเดี่ยว ออกแบบเรียงสลับอยู่ในระนาบเดียวกัน แผ่นใบเป็นรูปรีๆ แบบไข่และกว้าง ความกว้างจะประมาณ 3.5-4.5 เซนติเมตร ความยาวราวๆ 5-7 เซนติเมตร ปลายใบจะมนกลมหรืออาจจะเป็นติ่งแหลมเล็กๆ โคนใบก็กลมไปจนถึงหยักเว้า ขอบใบจะเรียบ ผิวใบมีความเกลี้ยงทั้งสองด้าน บางทีจะมีขนเล็กน้อยอยู่ตามเส้นใบและตรงด้านหลังของใบ ตัวแผ่นใบจะมีลักษณะบางเหมือนกระดาษหรืออาจจะมีความหนาคล้ายกับแผ่นหนัง และจะมีขนสั้นๆ นุ่มๆ ทั้งสองด้าน เส้นแขนงของใบจะมีข้างละ 5-8 เส้น เส้นใบย่อยจะเป็นแบบร่างแหคมชัด ก้านใบจะมีความยาว 0.5-1 เซนติเมตร แถมมีขนประปรายจนถึงหนาแน่น หูใบเป็นรูปลิ่มแคบๆ ยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร และใบมีสีเขียวสด
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/867.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร (ใบ)
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/869.jpg)
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/870.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร (หมากเม่าหลวง ใบรียาว)
- ดอก
การออกดอกจะเป็นแบบช่อเชิงลด โดยจะออกตามซอกใบใกล้กับยอดไปจนถึงปลายกิ่ง ดอกมีขนาดค่อนข้างเล็กสีขาวอมเหลือง ความยาวจะประมาณ 1-2 เซนติเมตร ลักษณะของดอกจะเป็นแบบแยกเพศอยู่คนละต้นกัน ดอกเพศผู้มีความยาวราว 2-3 มิลลิเมตร ไม่มีก้าน แต่มีกลีบเลี้ยงแยกจากกันประมาณ 4-6 กลีบ ลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม ดอกเพศเมียมีความยาวราวๆ 1.5-2 มิลลิเมตร มีกลีบเลี้ยง 5-6 กลีบ และเป็นรูปเหมือนกับสามเหลี่ยม ช่วงออกดอกจะอยู่ในเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/866-1.jpg)
- ผล
จะออกเป็นช่อ ซึ่งจะมีความยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร ลักษณะของผลเป็นทรงกลม ขนาดค่อนข้างเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 4 มิลลิเมตร ตรงผิวของผลจะมีขน ผนังชั้นในจะแข็ง เมล็ดมีขนาดเล็กจำนวน 1-2 เมล็ด ผลดิบมีสีออกเขียวอ่อนหรือเขียวเข้ม ผลสุกจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงและเมื่อสุกเต็มที่จะกลายเป็นสีม่วงอมดำ รสชาติของผลดิบมีรสเปรี้ยว หากผลสุกจัดก็จะมีรสเปรี้ยวอมหวาน การติดผลจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฏาคม
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/868-1.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร (ผลดิบ)
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/872.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
(ผลกำลังสุก)
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/873.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
(ผลสุกแดงมีรสเปรี้ยวฝาด)
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/871.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
(ผลแก่จัดสีม่วงดำรสหวานติดเปรี้ยวนิดๆ สายพันธุ์ที่มักจะดำทั้งพวงคือ หมากเม่าหลวง)
สายพันธุ์หมากเม่า
หมากเม่า หรือ มะเม่าเป็นผลไม้ป่าท้องถิ่น ที่พบมากในจังหวัดสกลนคร บนพื้นที่เทือกเขาภูพานประมาณ 5,000 ไร่ จะมีสายพันธุ์อะไรบ้าง
ยกตัวอย่างหมากเม่าที่พบมากที่สุด 3 ชนิด คือ
- มะเม่าไข่ปลา (A. ghaesembilla)
- มะเม่าขี้ตาควายหรือมะเม่าสร้อย (A. acidum Retz.)
- มะเม่าหลวง (A. thwaitesianum Muell Arg.)
โดยจากการค้นคว้าโครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะเม่าพื้นที่จังหวัดสกลนคร ได้ผลสรุปว่ามะเม่าที่ปลูกบนเทือกเขาภูพานจะมีคุณภาพดีกว่าพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะ “มะเม่าหลวง” เป็นมะเม่าที่นิยมนําผลสุกมาบริโภค และนํามาใช้ในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เพราะมีผลใหญ่ น้ำเยอะ กว่าสายพันธุ์อื่นๆ
เกร็ดความรู้ ! ปัจจัยในการแยกสายพันธุ์ 1. รูปร่างใบหมากเม่า หรือ มะเม่า มีทั้งแบบกลมรี และ แบบรียาว 2. ผลหมากเม่าออกเป็นช่อ โดยที่ก้านลูกหมากเม่ามีแบบยาวยื่นออกมา และ แบบก้านสั้นทำให้ลูกเกาะชิดกันแน่น 3. ขนาดของลูกหมากเม่า ที่เล็กรีและใหญ่กลม 4. เนื้อของผลหมากเม่าที่บางสายพันธุ์เนื้อแน่น และบางสายพันธุ์เนื้อฉ่ำน้ำเยอะ 5. แยกที่รสชาติของหมากเม่า และการแยกรสชาติก็ช่วยในการนำไปแปรรูป ซึ่งแบ่งรสชาติเป็น 3 ระดับ
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์ ต้นหมากเม่า สามารถทำได้ 3 วิธี คือ
- การเพาะเมล็ด ทำได้โดยหว่านเมล็ดลงในแปลงที่เตรียมดินไว้แล้ว แล้วคลุมด้วยวัสดุกันความชื้น เช่น ฟางแห้งหรือหญ้าแห้ง
- การทาบกิ่ง ทำได้โดยใช้ต้นกล้าที่มีอายุประมาณ 6 เดือน ถึง 12 เดือน มาทำให้เกิดแผล แล้วก็ประกบกับกิ่งพันธุ์ดีที่ได้ทำแผลไว้แล้วเช่นกัน เพื่อจะให้เนื้อไม้ทั้งสองต้นประสานเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็ตัดยอดของต้นกล้าทิ้งและเหลือไว้เพียงส่วนโคนเท่านั้น
- การเสียบยอด ทำได้โดยให้ตัดกิ่งพันธุ์จากต้นที่เลือกไว้ แล้วนำกิ่งนั้นมาเฉือนทำแผลแบบปาดหรือแบบฝานบวบ จากนั้นก็เฉือนต้นแม่พันธุ์ในแบบเดียวกัน และนำมาประกบกัน พันรอยต่อด้วยพลาสติกใสหรือเชือกฟาง โดยให้แผลประกบกันแน่นไม่เลื่อนหรือโยก พอเรียบร้อยก็นำไปเก็บไว้ในโรงพลาสติกที่กันการคายน้ำ เมื่อครบ 1 เดือนจึงเปิดพลาสติกออก
แต่จากที่ได้ไปหาข้อมูลมา ส่วนใหญ่เกษตรกรจะใช้วิธี “เสียบยอด” เนื่องจากการเพาะด้วยเมล็ดจะออกผลช้ามาก หรือบางต้นที่ปลูกจนต้นใหญ่แล้วแต่ไม่ออกลูกเลยก็อาจจะสันนิฐานได้ว่าเป็น “ต้นตัวผู้”
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/876.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
ดังนั้นวิธีการเสียบยอดจึงเป็นวิธีที่เกษตรกรเลือกใช้เพราะ สามารถเลือกกิ่งที่เคยออกลูกมาแล้ว ยังเมื่อนำไปปลูกต่อก็มีโอกาสติดลูกได้เร็วกว่าการเพาะเมล็ดอีกด้วย
การปลูกและการดูแล
การปลูก
- แสงแดด
ต้นหมากเม่าเป็นไม้ผลที่ต้องการแดดมาก โดยเฉพาะช่วงออกลูก ถ้าได้แสงมากเพียงพอก็จะทำให้ลูกหมากเม่าสุกสีม่วงอมดำทั่วทั้งพวง
- น้ำ
น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน ของทุกปี เป็นช่วงที่ต้นหมากเม่ากำลังออกดอกและจะติดผลในเดือนเมษายน ในช่วง 2 เดือนนี้ควรให้น้ำทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง เพราะต้นกำลังต้องการน้ำเพื่อเอาไปเลี้ยงลูกที่กำลังจะเกิด แต่ถ้ามีอากาศแปรโดยมีฝนตกในช่วงเดือนมีนาคม แล้วมาแล้งฝนในเดือนเมษายน ลูกหมากเม่าที่กำลังโตจะ “ร่วงหมด”
- ดิน
เนื่องจากเป็นผลไม้ป่าที่ขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีอากาศที่แห้ง ทำให้สภาพดินเป็นแบบดินร่วนปนทราย และในธรรมชาติ ต้นหมากเม่าจะขึ้นในป่าเบญจพันธุ์ ป่าเต็งรัง เป็นดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูงแต่มีความโปร่ง ระบายน้ำดี
- ปุ๋ย
ควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในการบำรุงต้นหมากเม่า ผสมกับปุ๋ยคอก
การดูแล
จริง ๆ แล้วการดูแลต้นหมากเม่าต้องคำนึงถึงหลายๆอย่าง ถ้าอยากให้ออกผลได้ขนาดและน้ำหนักตามต้องการ เช่น แสงแดด อุณหภูมิความชื้นสัมพัทธ์ และ ปุ๋ย แต่ถ้าเรามาพูดถึงการดูแลในระดับคนทั่วไป เรามาพูดเรื่องการใส่ปุ๋ยยังไงให้ถูกวิธีน่าจะเป็นอะไรที่ใกล้ตัวมากกว่า
โดยโครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะเม่าพื้นที่จังหวัดสกลนคร ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า การดูแลรักษามะเม่าแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะก่อนให้ผลผลิต1-3 ปี และหลังระยะให้ผลผลิต 3 ปี ขึ้นไป
- ระยะก่อนให้ผลผลิต 1-3 ปี แรก
การใช้ปุ๋ย เกษตรกรเน้นการบํารุงต้นมะเม่าให้มีความแข็งแรง สมบูรณ์โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์
อัตรา 1-3 กก./ต้น ใส่ปีละครั้ง ทําให้มะเม่าเจริญเติบโตดีและอุ้มน้ำได้ดี และใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา สูตร 15-15-15 อัตรา 300 กรัม – 1 กก./ต้น/ปี ปริมาณการให้ปุ๋ยเคมีจะเพิ่มขึ้นตามอายุของมะเม่า
การให้น้ำจะให้น้ำมะเม่า 1-2 ครั้ง/เดือน และช่วงหน้าแล้งจะให้4-6 ครั้ง/เดือน การกําจัดวัชพืช ระหว่างเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม โดยใช้เครื่องตัดหญ้าเป็นส่วนใหญ่
- ระยะให้ผลผลิต 3 ปีขึ้นไป
การให้ปุ๋ยคอกจะเพิ่มปริมาณขึ้นเป็น 5-10 กก./ต้น โดยใส่ 1-2 ครั้ง/ปี ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 อัตรา 1-3 กก./ต้น/ปี โดยใส่ 1-2 ครั้ง/ปี
การให้น้ำจะให้น้ำมะเม่า 1-2 ครั้ง/เดือน ช่วงหน้าแล้งจะให้ 6-8 ครั้ง/เดือน กําจัดวัชพืชระหว่างเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม โดยใช้เครื่องตัดหญ้าเป็นส่วนใหญ่
โรคและแมลงศัตรู
โรคและแมลงศัตรูมะเม่า ได้แก่ หนอนแดงเจาะกิ่ง แมลงกินูน สามารถใช้ “สตาร์เกิล จี” ถุงสีม่วง ในการป้องกันและกำจัดหนอนได้
การเก็บเกี่ยว
อายุการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปและมีผลผลิต วิธีการเก็บและการตัดสินใจในการเก็บผลผลิตโดยดูจากผลมะเม่ามีสัดส่วนการสุกมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์โดย “ใช้มือเก็บเกี่ยวและกรรตัดกิ่งตัดช่อผลมะเม่า”
การแปรรูป
ผลหมากเม่ามีประโยชน์มาก สามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย โดยน้ำหมากเม่ามีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระและสามารถเก็บรักษาได้ จึงสามารถเอาไปประยุกต์กับผลิตภัณฑ์อย่างอื่น เช่น ขนมขบเคี้ยวกัมมี่ เยลลี่แข็ง พั้นซ์หมากเม่า ไอศกรีมหมากเม่า นมสดน้ำหมากเม่าเพื่อสุขภาพ
และอีกเมนูที่เป็นที่นิยมคือ “ตำหมากเม่าปลาร้า” ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เพราะใช้ผลที่มีสีชมพูจนถึงสีแดงสด ตัดกับรสเค็มหวาน แซ่บมาก เป็นทั้งอาหารท่านเล่นและอาหารจานหลัก และยังมีประโยชน์กับสุขภาพอีกด้วย
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/875.jpg)
บุกสวน หมากเม่า จ.สกลนคร
นอกจากนี้ยังสามารถนำหมากเม่ามาทำเป็นเครื่องดื่มโดยหมากเม่าลูกที่มีสีแดงยังติดรสชาติเปรี้ยวฝาดอยู่ มักนิยมนำมาหมักทำเป็นไวน์หมากเม่า ส่วนหมากเม่าที่มีผลสีดำสนิทแล้วก็เอามาคั้นน้ำหมากเม่าเข้มข้น
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/877-2.jpg)
![](https://kaset.today/wp-content/uploads/2022/03/879.jpg)
ต้นทุนที่ลงกับกำไรที่จะได้
ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนของ เกษตรกรผู้ปลูกหมากเม่า โดยเราได้นำข้อมูลมาจากสถานการณ์การตลาดและการผลิตหมากเม่าอำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร โดยแบ่งดังนี้
- ต้นทุนการผลิต
ต้นทุนเกษตรกรผู้ปลูกหมากเม่ามีต้นทุนทั้งหมดเฉลี่ย 9,904.67 บาท/ไร่ โดยคิด เป็นต้นทุนผันแปรเฉลี่ย 7,871.3 บาท/ไร่ และต้นทุน
คงที่เฉลี่ย 2,033.33 บาท/ไร
- ผลตอบแทนการผลิต
ผลตอบแทนที่เกษตรกรผู้ปลูกหมากเม่า ให้ผลผลิตต่อไร่ 618.57 กิโลกรัม/ไร่ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 27,835.65 บาท/ไร่ และกำไรสุทธิเฉลี่ย
17,930.96 บาท/ไร
ราคา
ต้นหมากเม่า สามารถซื้อได้ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 100 บาท ไปจนถึงหลายร้อยบาท อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการขยายพันธุ์และสภาพความสมบูรณ์ของต้น ใครอยากจะปลูกต้นไม้ที่อุดมสรรพคุณแบบนี้สามารถเสาะหาได้ที่ ร้านขายต้นไม้ทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ ตลาดนัดจตุจักร ตลาดต้นไม้มีนบุรี ตลาดต้นไม้ราบ 11 สนามหลวง 2 เป็นต้น หรือตามร้านค้าออนไลน์
ใครกำลังอยากกินของเปรี้ยว แล้วได้อ่านบทความนี้ ต้องรู้สึกอยากกินของเปรี้ยว ๆ ขึ้นมาแน่นอน หมากเม่าเป็นผลไม้อีกหนึ่งที่น่าสนใจลงทุนมาก เพราะสามารถแปรรูปได้หลายอย่าง และเกี่ยวข้องกับเรื่องความสวยงาม และกินแล้วสุขภาพดี ตอบโจทย์ความต้องการของคนในปัจจุบันเป็นอย่างดี
แต่ถ้าคุณคิดว่าผลไม้นี้ยังไม่โดน ยังไม่ตอบโจทย์ของคุณ เราก็มีบทความดี ๆ เกี่ยวกับ พันธุ์ไม้ พันธุ์พืช ผลไม้ ผักสวนครัว สมุนไพร และเรื่องที่ต้องรู้คือ ปุ๋ย โรคพืช และ แมลงศัตรูพืช แต่ถ้าคุณสนใจการเสี้ยงสัตว์เราก็มีบทความเกี่ยวกับปศุสัตว์เหมือนกัน ขอให้สนุกกับบทความดี ๆ ที่ kaset.today ตั้งใจมานำเสนอ
แหล่งอ้างอิง ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะเม่าพื้นที่จังหวัดสกลนคร สถานการณ์การตลาดและการผลิตหมากเม่าอำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร