ไรแดง นับเป็นอาหารธรรมชาติที่ดีสำหรับการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน โดยเฉพาะสัตว์เศรษฐกิจทั้งปลาสวยงามและปลาเศรษฐกิจ เช่น ปลาปอมปาดัวร์ ปลากัด กุ้งก้ามกราม ปลากะพง ปลาบึก ปลาเทโพ ปลาเทพา และปลาดุกอุย เป็นต้น โดยในอดีตนั้นไรแดงส่วนใหญ่สามารถรวบรวมได้จากแหล่งน้ำโสโครกตามบ้านเรือน โรงฆ่าสัตว์ รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีปริมาณที่ไม่แน่นอนนัก ในปัจจุบันไรแดงจากธรรมชาตินั้นถือว่ามีปริมาณลดลง เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เปลี่ยนไป ในขณะที่ความต้องการของไรแดงนั้นกลับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประสบปัญหาการขาดแคลนไรแดงในการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนมากขึ้น นับว่ามีผลกระทบโดยตรงกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จึงสรุปได้ว่าไรแดงนั้นถือเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อสัตว์น้ำวัยอ่อน โดยเฉพาะสัตว์น้ำเศรษฐกิจ สำหรับบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับไรแดง วิธีการเพาะเลี้ยงไรแดง รวมถึงการนำไรแดงมาใช้ประโยชน์สำหรับการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนด้วย
ลักษณะทั่วไปของไรแดง
ไรแดง ภาษาอังกฤษ คือ Water flea จัดเป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กจำพวกกุ้ง หรือเรียกว่า Crustacean มีชื่อวิทยาศาสตร์ Moina macrocopa เป็นแพลงก์ตอนสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งมีขนาด 0.4-1.8 มิลลิเมตร โดยลำตัวมีสีแดงเรื่อ ๆ หากอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากจะสามารถมองเห็นไรแดงมีสีแดงเข้ม สำหรับไรแดงเพศเมียนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้ ลำตัวมีลักษณะอ้วนเกือบกลม โดยมีขนาดเฉลี่ย 1.3 มิลลิเมตร ส่วนไรแดงเพศผู้จะตัวเล็กและค่อนข้างยาวกว่าเพศเมีย มีขนาดเฉลี่ย 0.5 มิลลิเมตร ซึ่งตัวอ่อนที่ออกมาจากถุงไข่ของแม่ใหม่ ๆ นั้นจะมีขนาด 0.22-0.35 มิลลิเมตร โดยจะมีสีจางกว่าตัวเต็มวัย ในสภาวะสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมไรแดงจะมีประชากรเพศผู้อยู่ 5% และเพศเมีย 95% ซึ่งถือว่าจำนวนประชากรเพศเมียนั้นมีสูงกว่าเพศผู้มาก
การสืบพันธุ์ของไรแดง
กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ได้ให้ข้อมูลว่าการสืบพันธุ์ของไรแดงนั้นถูกจำแนกออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
- การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ สำหรับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของไรแดงนั้น เพศเมียจะไข่แล้วฟักออกเป็นตัวโดยที่ไม่ผสมกับไรแดงเพศผู้ โดยปกติแล้วไรแดงจะมีอายุระหว่าง 4-6 วัน และสามารถแพร่พันธุ์ได้ 1-5 ครั้ง หรือเฉลี่ย 3 ครั้ง ๆ ละ 19-23 ตัว อย่างไรก็ตามสภาวะแวดล้อมนั้นก็ต้องมีความเหมาะสมด้วย
- การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ในสภาวะแวดล้อมที่ผิดปกติ เช่น อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป ความเป็นกรดเป็นด่างไม่เหมาะสมหรือขาดแคลนอาหาร ไรแดงจะเพิ่มปริมาณเพศผู้มากขึ้นแล้วไรแดงเพศเมียนั้นก็จะสร้างไข่อีกชนิดหนึ่งขึ้น ซึ่งจะต้องได้รับการผสมพันธุ์จากเพศผู้แล้วสร้างเปลือกหุ้มหนา โดยแม่ 1 ตัว จะให้ไข่ชนิดนี้ 2 ฟอง และหลังจากนั้นไรแดงเพศเมียก็จะตาย เนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมนั้นจะทำให้ไข่ถูกทิ้งให้อยู่ก้นบ่อหรือก้นแหล่งน้ำนั้น ๆ ซึ่งไข่เปลือกแข็งนี้สามารถทนต่อสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้นาน และจะฟักออกเป็นตัวเมื่อมีสภาวะแวดล้อมที่ดีขึ้นและมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์
ปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ในการเพาะเลี้ยงไรแดง
กองส่งเสริมการประมง กรมประมง ได้ให้ข้อมูลว่าการเพิ่มผลผลิตของไรแดงในบ่อนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยพลังงานจากแสงแดดนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำให้ขบวนการต่าง ๆ ดำเนินไปได้ด้วยดี ซึ่งปุ๋ยและอาหารต่าง ๆ จะถูกย่อยสลายโดยบักเตรี ถือว่ามีผลโดยตรงต่อการแพร่ขยายของน้ำเขียว (แพลงก์ตอนพืช) รวมถึงทำให้เกิดขบวนการสังเคราะห์แสงด้วย ซึ่งจะใช้ของเสียต่าง ๆ จำพวกแอมโมเนีย คาร์บอนไดออกไซด์ และอื่น ๆ ที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต ส่งผลให้คุณสมบัติของน้ำดีขึ้น การหมุนเวียนของน้ำก็จะเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อไรแดง การเพิ่มปริมาณน้ำเขียวมากขึ้น และการใส่ยีสต์ก็จะสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของไรแดงได้อย่างมหาศาลเช่นเดียวกัน
วิธีเพาะเลี้ยงไรแดง
การเพาะเลี้ยงไรแดงในบ่อซีเมนต์
สำหรับวิธีนี้ได้รับการพัฒนาเรื่อยมาจากการใช้ฟางต้ม มูลสัตว์ เลือดสัตว์ อาหารผสมและน้ำเขียว จากการศึกษาค้นคว้าทดลองและวิจัยของหน่วยงานที่รับผิดชอบหลาย ๆ องค์กรทำให้ปัจจุบันนี้สามารถเพาะเลี้ยงไรแดงในบ่อซีเมนต์ได้ 2 วิธี คือ
- การเพาะเลี้ยงแบบเก็บเกี่ยวไม่ต่อเนื่อง
เป็นการเพาะไรแดงแบบการเก็บเกี่ยวเพียงครั้งเดียว ซึ่งการเพาะด้วยวิธีนี้จำเป็นต้องมีบ่ออย่างน้อย 5 บ่อ เพื่อใช้ในการหมุนเวียนให้ได้ผลผลิตทุกวัน โดยการเพาะแบบไม่ต่อเนื่องนั้นจะให้ปริมาณไรแดงที่แน่นอนและจำนวนมาก ซึ่งไม่ต้องคำนึงถึงในด้านศัตรูมากนัก เพราะเป็นการเพาะในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกศัตรูเข้ามาทำลายน้อยลง
- การเพาะแบบเก็บเกี่ยวต่อเนื่อง
เป็นการเพาะไรแดงแบบเก็บเกี่ยวผลผลิตหลายวันภายในบ่อเดียวกัน โดยการเพาะวิธีนี้จำเป็นต้องมีบ่ออย่างน้อย 5 บ่อเช่นเดียวกัน สำหรับการเพาะแบบต่อเนื่องนั้นจะต้องคำนึงถึงศัตรูของไรแดงและสภาวะแวดล้อมในบ่อเพาะไรแดงด้วย เพราะการเติมอินทรียสารต่าง ๆ หรือการเติมน้ำเขียวลงในบ่อก็ควรมีการถ่ายน้ำและเพิ่มน้ำสะอาดลงในบ่อด้วย เพื่อเป็นการลดความเป็นพิษของแอมโมเนียและสารพิษอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในบ่อ
สำหรับการเพาะไรแดงทั้ง 2 วิธีนี้ ควรจะมีเครื่องเป่าอากาศเพื่อเพิ่มออกซิเจนในบ่อให้เพียงพอต่อความต้องการของไรแดง และยังจะช่วยย่อยสลายอินทรีย์สารและทำให้น้ำในบ่อหมุนเวียนด้วย หรือจะใช้เครื่องปั่นน้ำช่วยก็สามารถทำได้เช่นกัน
การเพาะเลี้ยงไรแดงในบ่อดิน
สำหรับบ่อดินที่จะใช้เพาะเลี้ยงไรแดงนั้นควรจะมีขนาดประมาณ 200-800 ตารางเมตร โดยมีวิธีดำเนินการดังนี้
วิธีเพาะเลี้ยงไรแดงในบ่อดิน
- กำจัดสิ่งรกภายในบริเวณบ่อและศัตรูต่าง ๆ ของไรแดง โดยใช้เวลาประมาณ 2 วัน
- กรองน้ำลงบ่อให้มีระดับน้ำสูงจากพื้นบ่อประมาณ 25-40 เซนติเมตร พร้อมกับเติมปุ๋ยและอาหารลงไป
สูตรอาหารที่ใช้มีดังนี้
- ปูนขาว 15 กิโลกรัม (บ่อ 200 ตารางเมตร), 60 กิโลกรัม (บ่อ 800 ตารางเมตร)
- อามิ-อามิ 25 ลิตร (บ่อ 200 ตารางเมตร), 100 ลิตร (บ่อ 800 ตารางเมตร)
- ปุ๋ยสูตร 16-20-0 25 กิโลกรัม (บ่อ 200 ตารางเมตร), 10 กิโลกรัม (บ่อ 800 ตารางเมตร)
- ยูเรีย 1.2 กิโลกรัม (บ่อ 200 ตารางเมตร), 5 กิโลกรัม (บ่อ 800 ตารางเมตร)
- กากถั่วเหลืองหมัก 2.5 กิโลกรัม (บ่อ 200 ตารางเมตร), 10 กิโลกรัม (บ่อ 800 ตารางเมตร)
หมายเหตุ : ถ้าไม่มีอามิ-อามิ ให้ใช้มูลไก่ประมาณ 80 กิโลกรัม/800 ตารางเมตร แล้วใส่น้ำเขียวประมาณ 2 ตัน ถ้าไม่มีน้ำเขียวก็หมักทิ้งไว้ประมาณ 3 วัน เมื่อน้ำในบ่อมีสีเขียวแล้วให้เติมเชื้อไรแดงอย่างดีประมาณ 2 กิโลกรัม
เริ่มเก็บเกี่ยวไรแดงได้ในวันที่ 4-7 จึงควรเก็บเกี่ยวไรแดงให้ได้มากที่สุด (ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น ซึ่งจะเก็บเกี่ยวได้สะดวกและได้ปริมาณมาก) หลังจากนั้นไรแดงจะเริ่มลดลงจึงควรเติมอาหารลงไป โดยอาหารที่ควรเติมลงไปในระยะนี้ควรเป็นอาหารจำพวกที่ย่อยสลายได้เร็ว เช่น น้ำถั่วเหลือง น้ำเขียว รำ เลือดสัตว์ ปุ๋ยวิทยาศาสตร์และปุ๋ยคอก เป็นต้น สำหรับการเติมอาหารนั้นควรลดลงไปจากเดิมครึ่งหนึ่ง ไรแดงจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกภายใน 2-3 วัน และจะกลับลดลงไปอีกก็ให้เติมอาหารลงไปเท่ากับครั้งที่ 2 ในกรณีนี้การเกิดไรแดงจะลดจำนวนลงมากถึงจะเติมอาหารลงไปอีก ไรแดงก็จะไม่เพิ่มปริมาณมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการใส่อาหารกับผลผลิตที่ได้และเวลาที่เสียไปและเห็นว่าไม่คุ้มกับการลงปุ๋ยแล้ว จึงควรเริ่มการเพาะเลี้ยงไรแดงใหม่ โดยปกติแล้วเมื่อเพาะไรแดงไม่ได้ 15 วัน ก็จะเริ่มต้นใหม่
วัสดุและอุปกรณ์
- บ่อผลิต
ลักษณะของบ่อซีเมนต์ หากเป็นการลงทุนใหม่บ่อซีเมนต์ในการเพาะเลี้ยงไรแดงที่เหมาะสมควรมีลักษณะเป็นรูปไข่ แต่ถ้าหากมีบ่อซีเมนต์สี่เหลี่ยมอยู่แล้วก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน ในส่วนของพื้นก้นบ่อของบ่อไรแดงควรจะฉาบและขัดมันให้เรียบร้อยเพื่อความสะดวกในการหมุนเวียนน้ำ เพราะถ้ามีการหมุนเวียนของน้ำที่ดีก็จะส่งผลให้การย่อยสลายของปุ๋ยและอาหารผสมดีขึ้น อีกทั้งเป็นการป้องกันการตกตะกอนของน้ำเขียว ซึ่งถ้าน้ำเขียวตกตะกอนแล้วก็จะทำให้อาหารของไรแดงน้อยลง และส่งผลให้ผลผลิตของไรแดงน้อยลงตามด้วย บ่อซีเมนต์ที่ใช้ในการเพาะไรแดงควรมีทางน้ำเข้าและน้ำออกเพื่อความสะดวกในการเพาะ การล้าง และการเก็บเกี่ยวไรแดง นอกจากนี้การสร้างบ่อผลิตนั้นจะต้องอยู่กลางแจ้ง ไม่มีหลังคา และต้นไม้บังแสงแดดด้วย ในส่วนของขนาดของบ่อซีเมนต์นั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการผลผลิตของไรแดง แต่สำหรับความสูงควรมีความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร
- เครื่องเป่าลม
ในบ่อเพาะมีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 30-50 ตารางเมตร จำเป็นต้องมีเครื่องเป่าลมไว้ในบ่อเพาะ เพราะเครื่องเป่าลมนั้นจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำในบ่อเพาะ ซึ่งเป็นการป้องกันการตกตะกอนของน้ำเขียว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจน ช่วยเร่งการขยายพันธุ์และการเจริญเติบโตของน้ำเขียวและไรแดงให้เร็วขึ้น รวมถึงลดความเป็นพิษของน้ำที่มีต่อไรแดงอีกด้วย
- ผ้ากรอง
สำหรับการกรองน้ำลงในบ่อเพาะทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำบาดาล น้ำคลอง น้ำประปา และน้ำเขียวที่เป็นเชื้อเริ่มต้น ควรผ่านผ้ากรองขนาด 69 ไมครอน หรือต่ำกว่าก็ได้ เพื่อป้องกันสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ รวมถึงศัตรูของไรแดง
- น้ำเขียว
เป็นสาหร่ายเซลล์เดียวขนาดเล็กเรียกแพลงก์ตอนพืชโดยทั่วไปจะมีอยู่มากมายหลายชนิดและมีคุณค่าทางอาหารที่แตกต่างกัน โดยสาหร่ายเดียวที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงไรแดงคือ Chlorella sp. มีขนาด 2.5-3.5 ไมครอน ซึ่งมีโปรตีนสูงกว่าสาหร่ายเซลล์เดียวชนิดอื่น คือมีโปรตีน 64.15% สำหรับการเพาะพันธุ์จะใช้ปุ๋ยอนินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ก็ได้ ในส่วนของระยะเวลาการเพาะเพื่อให้น้ำเขียวเข้มนั้นจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน เชื้อน้ำเขียวเริ่มต้นสำหรับการเพาะเลี้ยงในระยะเริ่มแรกนั้นสามารถติดต่อได้ที่หน่วยงานของกรมประมงที่มีการเพาะเลี้ยงไรแดง
- ไรแดง
ในส่วนของหัวเชื้อไรแดงที่ใช้สำหรับแพร่ขยายพันธุ์ต่อไปนั้นควรมีสภาพสมบูรณ์ มีขนาดใหญ่ อายุประมาณ 2 วัน และควรทำความสะอาดทุกครั้งก่อนนำไรแดงมาเป็นหัวเชื้อ เพื่อเป็นการป้องกันศัตรูที่เกาะติดมากับไรแดง
- กากผงชูรส (อามิ-อามิ)
ในส่วนของอามิ-อามิจะเป็นกากของการทำผงชูรส ซึ่งประกอบด้วยแร่ธาตุไนโตรเจน 4.2% และฟอสฟอรัส 0.2% ส่วนการใช้ควรใช้ทั้งน้ำและตะกอนร่วมกัน ในกรณีที่อามิ-อามิเกิดการตกตะกอนมากขึ้นควรลดระดับปริมาณที่ใช้ลงเพื่อป้องกันการเน่าเสียของน้ำในบ่อไรแดง
- อาหารสมทบ
ได้แก่ รำ กากถั่วและปลาป่นหมัก สามารถนำมาเป็นอาหารของไรแดงได้โดยตรง และทำให้เกิดบักเตรีจำนวนมากซึ่งไรแดงสามารถนำมาใช้เป็นอาหารได้อีกทางหนึ่ง
- ปุ๋ยวิทยาศาสตร์
ได้แก่ ปุ๋ยนา สูตร 16-20-0, ปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟต สูตร 0-46-0 และปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 สำหรับการใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ทุกครั้งควรทำการละลายน้ำก่อน เพื่อป้องกันการตกค้างของปุ๋ยในบ่อเพาะไรแดง
- ปูนขาว
การใช้ปูนขาวในบ่อเพาะเลี้ยงไรแดงนั้นเป็นการปรับความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำ ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำ และช่วยการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของน้ำเขียวเร็วขึ้น สำหรับการใช้ปูนขาวนั้นควรละลายน้ำก่อนจึงใส่ลงในบ่อเพาะเลี้ยงไรแดง และปูนขาวที่มีขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไป โดยปกติจะมีอยู่หลายประเภท เช่น ปูนเผา ปูนเปียก หินปูน และปูนมาร์ล ซึ่งปูนต่าง ๆ เหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเรียงจากมากมาหาน้อย โดยปูนเผานั้นจะมีประสิทธิภาพสูงสุด
ขั้นตอนการเพาะเลี้ยงไรแดง
ไรแดงเป็นสัตว์น้ำจึงต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนเช่นเดียวกับสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ ดังนั้นเคล็ดลับการเพาะเลี้ยงไรแดงคือการให้อาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่เพียงพอ และควบคุมสภาวะแวดล้อมในบ่อเพาะเลี้ยงให้เหมาะสม ในกรณีที่อาหารในบ่อเพาะเลี้ยงมากหรือน้อยเกินไปจะทำให้ผลผลิตไรแดงลดต่ำลง ซึ่งไรแดงนั้นสามารถทนต่อสภาวะแวดล้อมได้ดี แต่ถ้าหากสภาวะแวดล้อมแย่มากจนไรแดงทนไม่ได้ก็จะทำให้ผลผลิตต่ำลง สำหรับการเพาะเลี้ยงไรแดงนั้นมี 5 ขั้นตอน โดยแต่ละขั้นตอนในการปฏิบัติจะมีผลต่อปริมาณและระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ยาวนานขึ้น ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมบ่อผลิต
หากเป็นบ่อใหม่จะต้องล้างบ่อให้อยู่ในสภาพเป็นกลางหรือด่างอ่อน ๆ (7-8) โดยให้แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 1-3 สัปดาห์ จากนั้นระบายน้ำทิ้ง หากต้องการลดระยะเวลาให้หมักฟางหญ้าหรือเศษผักไว้ในบ่อเพราะจะเกิดกรดอินทรีย์ เช่น กรดฮิวมิค ซึ่งจะช่วยแก้ความเป็นด่างได้เล็กน้อย หรือใช้กรดน้ำส้มเทียมผสมน้ำในบ่อให้เต็ม แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน เสร็จแล้วระบายน้ำทิ้ง จากนั้นเปิดน้ำใหม่แช่ทิ้งไว้อีก 24 ชั่วโมง ในส่วนของบ่อเก่านั้นต้องล้างบ่อแล้วตากบ่อให้แห้งเพื่อกำจัดศัตรูของไรแดง
ขั้นตอนที่ 2 การเตรียมน้ำ
การระบายน้ำเข้าบ่อโดยผ่านการกรองด้วยผ้ากรองแพลงก์ตอนจะช่วยป้องกันศัตรูของไรแดงและคัดขนาดของแพลงก์ตอนพืชที่ติดมากับน้ำและเป็นอาหารไรแดงต่อไป สำหรับระดับน้ำที่ใช้นั้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร
เทคนิคเสริมบางประการในการเตรียมน้ำ
- น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง จะให้ผลผลิตสูงกว่าน้ำประปา น้ำบาดาล และน้ำฝน ทั้งนี้เพราะมีแพลงก์ตอนพืชปนมากับน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ควรกรองน้ำด้วยถุงกรองแพลงก์ตอนทุกครั้ง เพื่อป้องกันศัตรูของไรแดงที่อาจติดมากับแหล่งน้ำธรรมชาติ
- ควรปรับคุณภาพของน้ำให้มีความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 8 โดยใช้ปูนขาวมาละลายน้ำจะได้น้ำปูนใส ส่วนกากปูนนั้นให้ทิ้งไปเนื่องจากเป็นพิษกับไรแดง
ขั้นตอนที่ 3 การเตรียมอาหาร
สำหรับอาหารที่ใช้ผลิตไรแดงนั้นจะต้องมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ โดยชนิดของอาหารที่ใช้เพาะเลี้ยงไรแดงแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- อาหารผสม ได้แก่ รำละเอียด ปลาป่น และกากถั่วเหลือง โดยเฉพาะกากถั่วเหลืองจะมีกรดไขมันที่ช่วยเร่งการลอกคราบของไรแดงทำให้ผลผลิตไรแดงสูงขึ้น
- จุลินทรีย์ เป็นอาหารที่ได้จากการหมักอาหารกับน้ำ ได้แก่ ยีสต์และแบคทีเรีย สำหรับยีสต์จะมีวิตามินอี ซึ่งช่วยในการทำงานของระบบสืบพันธุ์
- น้ำเขียว เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งในที่นี้หมายถึงแพลงก์ตอนพืชหลาย ๆ ชนิดที่ไรแดงสามารถกินได้ เช่น คลอเรลล่า ซีเนเดสมัส ฯลฯ ซึ่งส่งผลให้ไรแดงสมบูรณ์จึงมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
วิธีหมักอาหารกับน้ำ โดยใช้อาหาร 1 ส่วน : น้ำ 2 ส่วน : ปูนขาว 1 ส่วน จะเกิดจุลินทรีย์พวกบักเตรี ซึ่งจะเป็นอาหารเสริมของไรแดง สำหรับระยะเวลาในการหมักนั้นใช้เวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ส่วนอัตราอาหารผสมที่ใช้คือรำละเอียด 2 ส่วน ปลาป่น 1 ส่วน และกากถั่วเหลือง 1 ส่วน ในปริมาณ 40 กรัม/ตารางเมตร
เทคนิคเสริมบางประการในการเตรียมอาหาร
- ถ้าน้ำมีสีเขียวแสดงว่าเกิดแพลงก์ตอนพืชแล้ว จึงเติมอาหารผสมลงบ่อแพลงก์ตอนพืชจะแพร่พันธุ์เป็นอาหารของไรแดงต่อไป
- อาหารต้องผ่านการหมักอย่างน้อย 24 ชั่วโมง สำหรับระยะเวลาที่ใช้ในการหมักอาหารประมาณ 50-60 ชั่วโมง
- อาหารที่หมักแล้วหากใช้ถุงผ้าโอลอนแก้วกรองส่วนที่เป็นกากออกจะทำให้น้ำเสียช้าลงและช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวไรแดงก็จะยาวนานขึ้นด้วย
ขั้นตอนที่ 4 การเตรียมพันธุ์ไรแดง
- การคัดพันธุ์ไรแดง ควรแยกไรแดงออกจากแพลงก์ตอนสัตว์ชนิดอื่น โดยใช้กระชอนอวนมุ้งสีฟ้าขนาดตาเล็กสุด ซึ่งสามารถแยกไรแดงจากโคพีพอดและลูกน้ำได้ แต่ถ้าหากว่าได้พันธุ์ไรแดงที่ไม่มีแพลงก์ตอนสัตว์ชนิดอื่นปะปนมาจะดีที่สุด
- การสังเกตเพศไรแดง ไรแดงมี 2 เพศ คือ ไรแดงเพศเมียและไรแดงเพศผู้ โดยในสภาวะที่เหมาะสมไรแดงจะสร้างเพศผู้เพียง 5% ของประชากรไรแดง แต่ในสภาวะที่ไม่เหมาะสมนั้นไรแดงจะสร้างเพศผู้มากขึ้น สำหรับการเลือกแม่พันธุ์หรือหัวเชื้อให้สังเกตไรแดงที่มีรูปร่างอ้วนกลม ซึ่งมีวิธีการตรวจสอบคือใช้แก้วน้ำใส ๆ แล้วช้อนไรแดงพอประมาณยกขึ้นส่องดู หากพบไรแดงเพศผู้ซึ่งมีลำตัวยาวรี แสดงว่ามีไรแดงเพศผู้มากกว่า 5% ซึ่งไม่ควรนำไปขยายพันธุ์
- การเติมแม่พันธุ์ไรแดง ไรแดง 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 20% จะได้ไรแดง 1 ลิตร ปริมาณที่ใช้เฉลี่ย 30-40 กรัม/ตารางเมตร บ่อขนาด 50 ตารางเมตร ใช้แม่พันธุ์ไรแดง 2 กิโลกรัม จะได้ผลผลิตประมาณครั้งละ 12 กิโลกรัม ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณวันละ 5 กิโลกรัม
ขั้นตอนที่ 5 การควบคุมบ่อผลิต
การคงสภาพบ่อผลิตให้สามารถเก็บผลผลิตได้มากกว่า 7 วัน มีวิธีการดังนี้
- การเก็บเกี่ยวผลผลิตให้เก็บเกี่ยวเพียงวันละครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมด คือครั้งแรกวันที่ 3 หรือ 5 หลังจากเติมแม่พันธุ์ไรแดง
- การเติมอาหาร ให้เติมอาหารหมักแล้ว 10-25% ของครั้งแรกทุกวัน โดยสังเกตปริมาณผลผลิตไรแดงในบ่อ
- การถ่ายน้ำ หมายถึงการระบายน้ำออกและเติมน้ำเข้าทุก 2-3 วัน โดยอยู่ให้อยู่ในระดับ 5-15 เซนติเมตร สังเกตจากปริมาณผลผลิตไรแดงในบ่อ
การดำเนินการเพาะเลี้ยงไรแดง
วิธีเพาะเลี้ยงไรแดงแบบเก็บเกี่ยวไม่ต่อเนื่อง
- ในบ่อซีเมนต์ขนาด 50 ตารางเมตร ทำความสะอาดและตากบ่อทิ้งไว้แล้ว 1 วัน
- เปิดน้ำและกรองลงบ่อให้ได้ระดับความสูง 20 เซนติเมตร โดยปริมาณน้ำ 10 ลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งละลายปุ๋ยและอาหารลงในบ่อโดยใช้สูตรใดสูตรหนึ่ง ดังนี้
• สูตรที่ 1 อามิ-อามิ 8 ลิตร ปุ๋ยนา (16-20-0) 1.2 กิโลกรัม ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) 1.2 กิโลกรัม ปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟต (0-46-0) 100 กรัม ปูนขาว 1 กิโลกรัม กากถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม
• สูตรที่ 2 รำละเอียด 1 กิโลกรัม ปลาป่น 0.5 กิโลกรัม กากถั่วเหลือง 0.5 กิโลกรัม ปุ๋ยนา (16-20-0) 1.2 กิโลกรัม ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) 1.2 กิโลกรัม ปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟต (0-46-0) 100 กรัม ปูนขาว 1 กิโลกรัม (อาหารที่ใช้ควรหมักไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง อัตราส่วนที่ใช้หมัก ได้แก่ อาหาร 1 ส่วน : น้ำ 2 ส่วน : ปูนขาว 1 ส่วน)
• สูตรที่ 3 อามิ-อามิ 6 ลิตร กากถั่วเหลืองหมักหรือรำละเอียดหมักหรือปลาป่นอย่างใดอย่างหนึ่ง 0.5 กิโลกรัม ปุ๋ยนา (16-20-0) 1.2 กิโลกรัม ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) 1.2 กิโลกรัม ปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟต (0-46-0) 100 กรัม ปูนขาว 1 กิโลกรัม - สำหรับสูตรปุ๋ยและอาหารที่ใช้เพาะไรแดงทั้ง 3 สูตร จะให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อบ่อประมาณ 13-15 กิโลกรัม
- ทำการเติมน้ำเขียวลงในบ่อประมาณ 1 ตัน (1,000 ลิตร) ทิ้งไว้ประมาณ 3 วัน ในระหว่างนี้ควรเดินคนบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการตกตะกอน
- หลังจากน้ำเขียวเจริญเติบโตเต็มที่แล้วให้ทำการแบ่งเชื้อน้ำเขียวไปลงบ่อเพาะใหม่จำนวน 1 ตัน หลังจากนั้นนำพันธุ์ไรแดงที่มีความสมบูรณ์ใส่ลงไปจำนวน 2 กิโลกรัม และให้อากาศออกซิเจนในน้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน ไรแดงจะขยายพันธุ์ขึ้นและสามารถเก็บเกี่ยวไรแดงได้ประมาณ 13-15 กิโลกรัม ใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงไรแดงประมาณ 5 วัน จะต้องมีบ่อซีเมนต์จำนวน 5 บ่อ จึงจะทำการเพาะไรแดงแบบไม่ต่อเนื่องได้ครบวงจร
วิธีเพาะเลี้ยงไรแดงแบบเก็บเกี่ยวต่อเนื่อง
- เมื่อดำเนินขั้นตอนตามวิธีการเพาะเลี้ยงไรแดงในแบบไม่ต่อเนื่องแล้ว ในการเก็บเกี่ยวก็จะทำการเก็บไรแดงมาใช้เพียงส่วนของไรแดงที่เกิดขึ้นในบ่อประมาณ 5-6 กิโลกรัม
- ลดระดับน้ำลงให้เหลือประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วเติมน้ำสะอาดและน้ำเขียวผสมอาหารและปุ๋ยอย่างละ 5 เซนติเมตร ทำเช่นนี้ทุกวันจนกว่าสภาวะแวดล้อมในบ่อไรแดงไม่เหมาะสมหรือผลผลิตต่อไรแดงลดลง จึงทำการล้างบ่อและเริ่มเพาะใหม่
- ผลผลิตไรแดงแบบการเพาะต่อเนื่องจะสามารถเก็บเกี่ยวไรแดงได้ประมาณ 25 กิโลกรัม สำหรับระยะเวลาในการเพาะจนถึงเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายรวม 12 วัน หลังจากนี้ควรล้างบ่อทำความสะอาดและเริ่มเพาะเลี้ยงใหม่
ปัญหาและวิธีแก้ไข
เมื่อน้ำในบ่อผลิตมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างต่ำกว่า 6
- ใช้ปูนขาวละลายน้ำแล้วสาดทั่วบ่อ
- ใช้ปุ๋ยไนโตรเจนประเภทไนเตรต เช่น โซเดียมไนเตรต (16-0-0)
- ใช้ปุ๋ยหมักร่วมกับหินฟอสเฟต
- ถ่ายน้ำออกครึ่งหนึ่งแล้วเติมน้ำใหม่
เมื่อน้ำในบ่อผลิตมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงกว่า 10
- ใช้สารส้มละลายน้ำแล้วสาดทั่วบ่อ (สำหรับวิธีนี้ทำให้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวสั้นลงและน้ำเขียวอาจตกตะกอนได้)
- ใช้ปุ๋ยไนโตรเจนประเภทแอมโมเนีย เช่น แอมโมเนียซัลเฟต
- ใช้ปุ๋ยคอก คือ มูลไก่ (สำหรับวิธีนี้จะทำให้ผลผลิตต่ำและน้ำเสียเร็วขึ้น)
- ถ่ายน้ำออกครึ่งหนึ่งแล้วเติมน้ำใหม่
เมื่อปริมาณออกซิเจนต่ำ สังเกตได้จากไรแดงลอยตัวในตอนเช้าแต่ผลผลิตไรแดงต่ำลงในวันต่อมาหรือน้ำขุ่นเข้ม
- ถ่ายน้ำก้นบ่อออกครึ่งหนึ่งแล้วเติมน้ำใหม่
- เติมน้ำโดยยกปลายท่อให้สูงขึ้น
- กวนน้ำหรือตีน้ำกระจายสัมผัสทางอากาศ
- ใช้เครื่องปั๊มอากาศช่วยเพิ่มออกซิเจน
เมื่อมีศัตรูไรแดงในบ่อผลิต
- แมลง ใช้สวิงตาห่างสีฟ้าช้อนขึ้น
- ลูกปลา ลูกอ๊อด ลูกเขียด ใช้กากชา ความเข้มข้น 30 ส่วนในล้านส่วน หรือ 30 กรัม ต่อปริมาณน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร
เมื่อน้ำในบ่อผลิตมีความเข้มข้นสูง สีเขียวข้น เนื่องจากมีอาหารมากเกินไป
- ถ่ายน้ำก้นบ่อออกครึ่งหนึ่ง จากนั้นเติมน้ำสะอาดลงไป
- ลดปริมาณอาหารที่ให้
เมื่อน้ำในบ่อผลิตใสจนเห็นก้นบ่อ เนื่องจากอาหารน้อยเกินไป
- เติมอาหารผสมทันที 20-40% แล้วหมักอาหารผสมอีก 10-25% เติมในวันรุ่งขึ้นและวันต่อ ๆ ไป
- เติมน้ำเขียวประมาณ 5-10 เซนติเมตร
เทคนิคที่ควรทราบ
- การเตรียมน้ำลงในบ่อเพาะไรแดงควรกรองน้ำด้วยผ้ากรองทุกครั้ง เพื่อป้องกันสิ่งที่มีชีวิตเล็ก ๆ หรือศัตรูไรแดงในแหล่งน้ำที่อาจเข้ามาพร้อมกับน้ำที่ใช้
- น้ำเขียวที่จะนำลงบ่อเพาะไรแดงควรกรองด้วยถุงกรองแพลงก์ตอน เพื่อป้องกันสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ติดมากับน้ำเขียว
- แพลงก์ตอนสัตว์และพืชที่อยู่ในน้ำจืดจะชอบน้ำที่มีความเป็นด่างอยู่เล็กน้อย คือประมาณ 7.5-8.5 ดังนั้นน้ำที่นำมาเลี้ยงเป็นกรดหรือเป็นกลางควรปรับให้เป็นด่าง
- การเพาะไรแดงโดยการใช้ปุ๋ยมูลสัตว์หรืออาหารเม็ดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ผลผลิตไรแดงสูง อีกทั้งการเติมสารอาหารพวกอินทรียสารก็จะส่งผลให้เกิดการเน่า น้ำเสียได้ง่ายและผลผลิตไรแดงก็จะไม่แน่นอน สำหรับการเตรียมอาหารที่เหมาะสมและมีการเพาะน้ำเขียวนอกจากจะเป็นอาหารไรแดงได้แล้วยังช่วยรักษาระบบนิเวศวิทยาในการอยู่ร่วมกันของไรแดงทำให้เกิดผลผลิตไรแดงสูงได้ด้วย
- การเพาะไรแดง ปัจจัยที่คำนึงถึงเป็นปัจจัยแรกก็คืออาหาร (น้ำเขียว) ซึ่งถือว่าเป็นอาหารที่เหมาะสมในการใช้เลี้ยงไรแดงให้คงสภาพอยู่ได้นานไม่เน่าเสีย เจริญเติบโตได้รวดเร็วด้วยปุ๋ยชนิดต่าง ๆ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยอนินทรีย์จะส่งผลให้น้ำเขียวมีการเจริญเติบโตที่ดีและคงสภาพอยู่ได้นาน
- การเพิ่มระดับน้ำอาหารผสมและปุ๋ยก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตของไรแดง เนื่องจากการเพิ่มน้ำและปุ๋ยนั้นจะเป็นการเพิ่มปริมาณน้ำเขียวให้มากขึ้น ส่งผลให้ไรแดงมีผลผลิตสูงขึ้น แต่การเพิ่มระดับน้ำสูงขึ้นก็จะทำให้เกิดการสังเคราะห์แสงของน้ำเขียวไม่ดีพอ และไรแดงก็จะขาดออกซิเจน เพราะฉะนั้นจึงควรวางระบบท่อลมให้เพียงพอหรืออาจจะใช้เครื่องปั่นน้ำก็ได้
- การใช้ออกซิเจน โดยทั่วไปสิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนในขบวนการสร้างพลังงาน ดังนั้นในการเพิ่มออกซิเจนโดยใช้ปั๊มลมลงในบ่อเพาะเลี้ยงไรแดง นอกจากจะช่วยให้ไรแดงมีการขยายพันธุ์ได้รวดเร็วขึ้นแล้ว ยังทำให้บักเตรีที่อยู่ในบ่อทำการย่อยอินทรียสารได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยให้น้ำเขียวมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันการตกตะกอนของน้ำเขียวได้ ดังนั้นการเพิ่มออกซิเจนลงในบ่อเพาะเลี้ยงไรแดงก็มีส่วนช่วยให้ไรแดงมีผลผลิตสูงขึ้น
- การหมุนเวียนน้ำ สำหรับการหมุนเวียนน้ำก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเพาะน้ำเขียวและไรแดงโดยตรง โดยจะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจน และยังช่วยไม่ให้น้ำเขียวตกตะกอนเกิดการสูญเสียเปล่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ปุ๋ยที่ตกตะกอนทับถมกันอยู่กระจายฟุ้งขึ้นมา เพื่อเป็นประโยชน์โดยตรงต่อน้ำเขียว ซึ่งมีผลทำให้ผลผลิตของไรแดงสูงขึ้น
- แสงแดด นับเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดและควบคุมได้ยากมากที่สุด ซึ่งแสงแดดนั้นจะมีผลต่อปริมาณความหนาแน่นของน้ำเขียว และระยะเวลาที่ใช้ในการเพาะไรแดงโดยตรง ในการเพาะไรแดงนั้นถ้าทำการเพาะในช่วงที่มีแดดจัดจะส่งผลให้ผลผลิตของไรแดงสูงขึ้น และยังใช้ระยะเวลาสั้นกว่าการเพาะในช่วงที่มีแดดไม่จัดหรือไม่มีแสงแดด
- อุณหภูมิ สำหรับอุณหภูมินั้นจะเป็นปัจจัยธรรมชาติอีกปัจจัยหนึ่งที่ควบคุมได้ยาก โดยจะมีผลต่อผลผลิตของไรแดงโดยเฉพาะเมื่ออุณหภูมิต่ำก็จะทำให้ผลผลิตของไรแดงต่ำ และเมื่ออุณหภูมิสูงถึงจุดที่เหมาะสมก็จะทำให้ผลผลิตของไรแดงสูงขึ้น และระยะเวลาในการเพาะไรแดงก็จะเร็วขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลให้การเพาะไรแดงใช้เวลาน้อยลงแต่ได้ผลผลิตสูงขึ้น
- ศัตรูของไรแดง นับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกำหนดปริมาณของไรแดงในบ่อ โรติเฟอร์นับว่าเป็นศัตรูชนิดหนึ่งของไรแดง เนื่องจากโรติเฟอร์นั้นเป็นตัวแย่งกินอาหารของไรแดงและจะเข้าเกาะตามตัวของไรแดง จึงควรระมัดระวังทุกขั้นตอนในการป้องกันโรติเฟอร์
ราคาจำหน่าย
ไรแดงสดที่มีชีวิตจะมีราคาสูงกิโลกรัมละ 50-80 บาท โดยจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลและไรแดงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั้นมีปริมาณลดลง เนื่องจากแหล่งเกิดไรแดงตามธรรมชาตินั้นลดลง แต่ความต้องการไรแดงกลับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาของไรแดงในช่วงนี้สูงขึ้น ซึ่งการผลิตไรแดงเพื่อจำหน่ายนั้นอาจเป็นอาชีพที่สามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก
การนำไรแดงมาใช้
การนำไรแดงมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ไรแดงที่ได้จากบ่อผลิตในลักษณะนี้จะมีเชื้อโรคที่สามารถทำอันตรายกับสัตว์น้ำได้น้อยกว่าไรแดงที่ได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่เพื่อความมั่นใจจึงควรล้างทำความสะอาดด้วยสารละลายด่างทับทิม 0.1 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ซึ่งจะได้สารละลายสีชมพู โดยสารละลายนี้จะเพิ่มออกซิเจนให้กับไรแดงและน้ำด้วย เนื่องจากด่างทับทิมเมื่อละลายน้ำแล้วจะให้ออกซิเจนในน้ำ สำหรับปริมาณไรแดงที่ใช้ในการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนนั้นให้ใช้ในปริมาณ 500-800 กรัม/ลูกปลา จำนวน 100,000 ตัว/วัน โดยแบ่งอาหารให้ 4-5 ครั้ง และแต่ละครั้งควรห่างกัน 4-6 ชั่วโมง ระวังอย่าให้มีลูกไรเหลือลอยอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากลูกไรส่วนมากนั้นจะตายหมักหมมอยู่ในบริเวณพื้นบ่อ สำหรับการอนุบาลลูกปลาดุกอุยตั้งแต่ไข่แดงยุบในระยะเวลา 2 สัปดาห์ จะได้ลูกปลาดุกอุยขนาดเฉลี่ย 2 เซนติเมตร ซึ่งการอนุบาลลูกปลาดุกอุยหรือปลาดุกเทศนั้นอาจใช้อาหารสำเร็จรูปช่วยได้โดยเริ่มฝึกให้ลูกปลากินอาหารสำเร็จรูป เมื่อลูกปลามีอายุได้ 8-10 วัน โดยให้พร้อมกับไรแดง จากนั้นค่อย ๆ ลดปริมาณไรแดงลงและเพิ่มปริมาณอาหารสำเร็จรูป จนกระทั่งลูกปลาสามารถกินอาหารสำเร็จรูปได้ทั้งหมด
การลำเลียงขนส่งไรแดง
การขนส่งไรแดงนั้นควรลดกิจกรรมการดำเนินชีวิตของไรแดง โดยบรรจุไรแดงในอุณหภูมิต่ำเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานต่าง ๆ ในตัวให้น้อยที่สุด และในระหว่างการลำเลียงก็ควรจะให้อุณหภูมิในถุงเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ ไม่รวดเร็วและช่วงกว้างของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิไม่มากนักจนเป็นอันตรายต่อไรแดง และสำหรับการขนส่งไรแดงที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันควรทำดังนี้
- การขนส่งไรแดงโดยวิธีนำไรแดงแช่ในน้ำแข็งประมาณ 1-2 วินาที เพื่อลดกิจกรรมและระบบการเผาผลาญพลังงานในตัวเอง แล้วรีบบรรจุในน้ำสะอาด และมีน้ำแข็งคลุมรอบนอกถุง เป็นวิธีที่ดีที่สุด
- การขนส่งไรแดงในระยะทางใกล้ ๆ ซึ่งใช้ระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไรแดงแช่ในน้ำแข็ง แต่ควรนำไรแดงมาบรรจุในน้ำสะอาดแล้วอัดออกซิเจน คลุมน้ำแข็งรอบ ๆ แล้วทำการขนส่งไรแดงในรถที่มีเครื่องปรับอากาศก็จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถหาน้ำแข็งได้ก็สามารถขนส่งในรถที่มีเครื่องปรับอากาศได้
- การลำเลียงไรแดงในลักษณะแช่แข็งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งเช่นเดียวกัน โดยนำไรแดงไปแช่ในตู้เย็นและให้ไรแดงแข็งโดยเร็วเพื่อความสด สำหรับวิธีนี้จะสามารถเก็บไว้ได้นานและยังสดอยู่เสมอ แต่ไรแดงที่ได้นั้นจะเป็นไรแดงที่ตายแล้ว ซึ่งสัตว์น้ำวัยอ่อนจะชอบกินไรแดงสดมากกว่าไรแดงที่แช่แข็ง การให้อาหารลูกปลาลูกกุ้งวัยอ่อนจึงควรให้ครั้งละน้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเสียได้ง่าย
การเก็บรักษาไรแดง
- ใช้วิธีการเก็บโดยการแช่แข็ง สำหรับวิธีนี้จะสามารถเก็บไว้ได้นานและยังสดอยู่เสมอ ซึ่งส่วนมากจะเป็นไรแดงที่ตาย โดยปกติแล้วสัตว์น้ำวัยอ่อนนั้นมักจะชอบกินไรแดงที่มีชีวิตอยู่ และไรแดงที่เก็บโดยวิธีนี้ก็จะไม่สามารถนำไปใช้เป็นพันธุ์ในการผลิตต่อไป
- วิธีการเก็บในอุณหภูมิต่ำประมาณ 10 องศาเซลเซียส โดยเติมน้ำลงไป 50% จะอยู่ได้นาน 4 วัน ในภาชนะเปิดประมาณวันที่ 3 จะสังเกตเห็นไข่สีขาวขุ่นหรือสีชมพูซึ่งเป็นไข่ไรแดงชนิดที่จะต้องผสมพันธุ์กับเพศผู้ โดยจะสร้างเมื่อสภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม อุณหภูมิที่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ความเป็นกรดเป็นด่างต่ำกว่า 6 หรือสูงกว่า เป็นต้น
แหล่งที่มา
กองส่งเสริมการประมง กรมประมง, สํานักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, การเพาะเลี้ยงไรแดง
กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด, ไรแดง
ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์ประเมินผล สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, การเพาะเลี้ยงไรแดง
กรมประมง, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, การเพาะเลี้ยงไรแดง