มะระ ผักที่แสนขมแต่แฝงไปด้วยสรรพคุณมากมาย

หลายๆคนพอได้ยินชื่อ มะระ ต่างส่ายหัวปฏิเสธกันทันที เนื่องจากเป็นผักสวนครัวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติความขม แต่แท้จริงแล้วนั้นหลายคนอาจไม่ทราบถึงวิธีปรุงมะระให้ถูกวิธี เพราะหากปรุงให้ถูกวิธีจะทำให้มะระไม่หลงเหลือความขมแม้แต่นิดเดียว และที่มากไปกว่านั้น มะระเองก็เต็มไปด้วยสรรพคุณต่างๆ ที่หลายคนคาดไม่ถึง ดังนั้นบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับมะระให้มากขึ้น

มะระ เมนู

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์และแหล่งที่มาของมะระ

มะระ มีชื่อสามัญว่า Bitter cucumber และชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Momordica charantia Linn. จัดอยู่ในวงศ์ CUCURBITACEAE ลักษณะของต้นมะระนั้นเป็นไม้เถา มีมือเกาะ ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวขนาประมาณฝ่ามือ กว้างและยาวที่ 4-7 เซนติเมตร ขอบใบมีลักษณะเป็นหยักซี่ห่างๆ ตัวใบเว้นเป็นแฉกลึก มีขนสากขึ้นตามลำต้นและใบ ดอกของมะระมีสีเหลือง เป็นดอกเดี่ยว ชอบออกตามซอกของใบ ซึ่งดอกของมะระนั้นแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน มีลักษณะเหมือนรูปแตร ปลายกลีบดอกแยกเป็น 5 แฉก เมื่อดอกบานเต็มที่แล้วมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-3 เซนติเมตร ผลของมะระมีสีเขียวทรงยาวเรียว ผิวมีลักษณะขรุขระ เมื่อมะระสุกเต็มที่จะมีสีเหลือง ภายในมะระนั้นมีเมล็ดอยู่มากมาย

มะระขี้นกป่า

สายพันธุ์ของมะระที่นิยมปลูกในประเทศไทย

ในประเทศไทยนั้นนิยมปลูกมะระด้วยกันอยู่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่

  1. มะระพันธุ์จีน โดยมะระจีนนั้นมีขนาดของผลใหญ่ รูปร่างยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร ผิวมีสีเขียวอ่อน เนื้อหนา เป็นมะระที่นิยมนำมารับประทานกันมาก
  2. มะระขี้นก มะระพันธุ์นี้เดิมทีเป็นมะระขี้นกป่า มีรูปร่างป้อม เรียว ผิวไม่เรียน ขรุขระและมีหนามแหลม รสขมจัด มักขึ้นตามชายป่า
  3. มะระหวาน หรืออีกชื่อที่คุ้นเคยกันดีคือ ฟักแม้ว นิยมนำมาทำแกงจืด เนื่องจากให้รสชาติหวาน กรอบ อร่อย แตกต่างจากมะระสองพันธุ์แรก นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์อีกมากมาย
มะระขี้นก
https://www.cpbrandsite.com

วิธีการปลูกและดูแลรักษามะระ

โดยการปลูกมะระนั้นต้องมีการเตรียมพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน โดยระยะห่างระหว่างต้นที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 80 เซนติเมตร และระยะระหว่างแถวควรอยู่ที่ 120 เซนติเมตร หลังจากที่วัดระยะให้ได้ตามที่กำหนดแล้ว ให้ทำการไถหน้าดินให้ลึกลงไปประมาณ 30-40 เซนติเมตร แล้วตากดินทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน แล้วนำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมกในอัตราส่วน 2,000 กิโลกรัมต่อหนึ่งไร่มาใส่ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน หลังจากนั้นจึงทำการยกแปลงสูงประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อจัดการเตรียมพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเพาะกล้าของต้นมะระ โดยรดน้ำหยอดเมล็ดมะระลงในถาดหลุม หลุมละ 1 เมล็ด หลังจากนั้นเมื่อกล้ามะระมีอายุประมาณ 15-20 วัน หรือ สังเกตว่ามีใบจริงประมาณ 4-5 ใบแล้ว ให้นำลงไปปลูกตามหลุมที่ได้จัดเตรียมไว้ พร้อมทั้งกลบดินและรดน้ำ โดยการรดน้ำให้ต้นมะระนั้น ควรรดทุกเช้า-เย็น จนกล้ามะระสามารถตั้งตัวได้ หลังจากนั้นค่อยๆลดประมาณการให้น้ำลง โดยอาจเหลือเพียงรด 1 วัน หยุด 2 วันก็ได้ นอกจากนี้ควรเสริมสร้างสารอาหารให้กับต้นมระโดยการใส่ปุ๋ยหลังจากย้ายมาปลูกได้ประมาณ 7-10 วัน โดยทำการแบ่งใส่ปุ๋ยในช่วงออกดอกถึงติดผล เมื่อต้นมะระออกผลแล้วควรนำกระดาษมาห่อผลไว้ เพื่อป้องกันแมลงที่เป็นศัตรูพืช และให้สีของมะระยังคงสวยงาม ระยะเวลาที่เหมาะสมกับการเก็บเกี่ยวมะระนั้นอยู่ที่ประมาณ 45- 50 วัน ทยอยเก็บผลผลิตที่ได้ขนาดเหมาะสมทุกวันหรือวันเว้นวัน ซึ่งต้นมะระนั้นสามารถเก็บผลผลิตได้ 17-20 ครั้ง ตลอดอายุการเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายจะอยู่ที่ 85-90วัน

มะระ สรรพคุณ

คุณประโยชน์และสรรพคุณของมะระ

หลายคนคงทราบกันดีว่ามะระนั้นมีรสขม ซึ่งรสขมนี้เกิดจากสารเคมีที่มีชื่อว่า Momodicine แต่ในรสขมนั้นกลับแฝงไปด้วยคุณประโยชน์มากมายแถมยังช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากอาหารได้อย่างดี นอกจากนี้ในมะระเองยังมีแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินซี รวมไปสารโฟเลต ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียมและฟอสฟอรัสอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้มะระยังมีสรรพคุณอีกมากมาย ที่ช่วยทำบำรุงร่างกายและรักษาโรค ดังนี้

  1. ผลมะระที่สุก สามารถนำมาใช้รักษาสิวได้
  2. ใบของมะระ สรรพคุณช่วยแก้ร้อนใน กระหายน้ำ และยังช่วยบรรเทาอาการหวัด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการปวด บวม ฟกช้ำได้
  3. ลำต้นของมะระ มีสรรพคุณที่ช่วยลดความร้อนภายในร่างกาย และแก้ปวดท้อง
  4. เมล็ดมะระ มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลร่างกาย และยังช่วยขับพยาธิตัวกลม
  5. รากมะระ มีสรรพคุณในการช่วยรักษาหวัดและแก้ปวดท้อง
มะระ ประโยชน์ โทษ

วิธีการทำให้มะระไม่มีรสขม

หลายคนคงมีปัญหาว่าอยากทานมะระ แต่ไม่อยากให้มีรสชม ดังนั้นวันนี้จะมาบอกเคล็ดลับง่ายๆกัน นั่นก็คือ ให้นำมะระมาผ่าออก และเอาเมล็ดออกให้หมด นำมาะระมาแช่ในน้ำที่ผสมเกลือไว้ประมาณ 20 นาที ซึ่งเกลือนั้นช่วยลดความขมของมะระลงได้ จากนั้นนำมาแช่ต่อในน้ำเปล่า เพื่อให้มะระคายวามขมออกมา หลังจากนั้นจึงสามารถนำมะระไปประกอบอาหารต่างๆได้ โดยปราศจากรสชมจากมะระแล้ว.

ที่มา

https://www.technologychaoban.com

https://www.doctor.or.th

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้