ไม่ว่าการเปลี่ยนผ่านของโลกจะดำเนินไปกี่ยุคกี่สมัยหรือกี่ปีก็ตาม ทว่า มวลมนุษย์ยังคงต้องการความเขียวขจีอยู่เสมอ เพราะสีเขียวช่วยกระตุ้นความสดชื่น ลดความเหนื่อยเมื่อยล้า คลายความตึงเครียด และลดความวิตกกังวลต่างๆ แถมยังช่วยผ่อนคลายสายตากับระบบประสาทได้ แล้วยังช่วยให้จิตใจสงบรวมถึงช่วยพัฒนาอารมณ์กับพฤติกรรมให้ไปในทางที่ดีด้วย ที่เกริ่นมาค่อนข้างจะยาว เนื่องจากเราต้องการจะนำเสนอพรรณไม้ที่อยู่ในข่ายข้างต้นซึ่งมีนามว่า หมากเขียว ถึงแม้ชื่อจะดูธรรมดา แต่ความไม่ธรรมดาอีกเยอะแยะกำลังรออยู่ทางนี้แล้วค่ะ.
หมากเขียว เป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เกาะนิวกินีและทางตอนเหนือของออสเตรเลีย
ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ ‘Ptychosperma macarthurii (H.Wendl. ex H.J.Veitch) H.Wendl. ex Hook.f.’
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ‘Actinophloeus bleeseri Burret, Carpentaria bleeseri (Burret) Burret และ Kentia macarthurii H.Wendl. ex H.J.Veitch’
ชื่อสามัญ ว่า ‘Macarthur palm และ MacArthur’s palm’
ชื่อท้องถิ่น เรียก ‘ปาล์มหมาก, หมากฝรั่ง และ หมากพร้าว’ และถูกจัดอยู่ในวงศ์ ‘ARECACEAE’
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์หมากเขียว
ต้น จัดอยู่ในประเภทปาล์มแตกกอซึ่งมีความสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร แล้วลำต้นมีขนาดราวๆ 4-8 เซนติเมตร เป็นลักษณะเรียบกับเห็นข้อปล้องชัดเจนและมีสีเทาอ่อนหรือสีน้ำตาลอมเทา
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกที่ออกเรียงสลับกัน ใบย่อยจะเป็นรูปขอบขนาน มีความกว้าง 2-5 เซนติเมตร ความยาว 90-120 เซนติเมตร ปลายใบมีความเรียวแหลม โคนใบจะเป็นรูปลิ่ม และแผ่นใบมีสีเขียวเข้ม
ดอก การออกดอกจะออกได้ตลอดทั้งปีและจะออกเป็นช่อแบบแยกแขนงใต้โคนกาบใบ ช่อดอกมีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร โดยดอกจะมีสีเหลืองปนเขียวและเป็นประเภทดอกแยกเพศที่อยู่ร่วมต้น
ผล มีลักษณะเป็นผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว การติดผลจะติดเป็นจำนวนมากและมีรูปทรงกลมปนรี ขนาดราวๆ 1 เซนติเมตร ผลขณะดิบจะเป็นสีเขียว พอสุกก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อผลแห้งผิวจะมีความย่น และข้างในผลก็มีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด
การขยายพันธุ์ของ หมากเขียว
สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ (1) การเพาะเมล็ด (2) การแยกหน่อ ซึ่งวิธีที่สามารถทำได้ง่ายๆ คือ การเพาะเมล็ด โดยให้เก็บเมล็ดจากต้น แล้วนำไปเพาะ (ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดที่ทำกันทั่วไป) วิธีการนี้จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ต้นกล้าก็จะงอก จากนั้นจึงนำไปลงแปลงปลูกหรือลงกระถางปลูกได้ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญในการปลูกมีดังต่อไปนี้
- สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสม คือ ‘ดินร่วน’ ซึ่งมีอินทรีย์วัตถุครบและระบายน้ำได้ดี
- เป็นพืชที่ต้องการแสงแดดเกือบจะ 100 % แต่ก็สามารถอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงรำไรได้
- ความต้องการน้ำอยู่ในระดับปานกลาง สามารถทนความแห้งแล้งได้ ดังนั้นการรดน้ำเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว แต่หากสภาพอากาศในขณะนั้นมีความแห้งแล้งจัดจึงควรรดน้ำให้ชุ่มชื้นกว่าเดิม
- การใส่ปุ๋ย ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใส่บำรุงปีละ 2 ครั้ง หรือ ครั้งละ 6 เดือน
คุณประโยชน์ของหมากเขียว
ผล (เมล็ด)
(ก) ใช้เป็นยากำจัดหนอนเวลามีแผลสำหรับสัตว์ เช่น วัวหรือควาย
(ข) ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิในสัตว์ เช่น พยาธิตัวแบน พยาธิตัวกลม และพยาธิตัวตืด
(ค) ใช้รักษาเหงือกและฟัน (สำหรับมนุษย์) ซึ่งประเทศทางยุโรปจะใช้เป็นส่วนผสมของยาสีฟัน เพื่อทำให้ฟันขาวขึ้น
(ง) ใช้รักษาอาการท้องเดินและท้องเสีย
ราก สามารถนำไปต้มรับประทาน เพื่อใช้รักษาโรคปากเปื่อย โรคบิด และขับปัสสาวะ
ใบ สามารถนำไปต้มรับประทาน เพื่อใช้เป็นยาขับพิษและใช้ทาแก้อาการคันได้
นอกเหนือไปกว่านั้น เนื่องจาก เมล็ดหมาก มีไขมัน เมือก ยาง สารแทนนิน และสารอัลคาลอยด์ จึงสามารถนำไปสกัด เพื่อใช้ในทางอุตสากรรม เช่น ใช้ทำสีต่างๆ และใช้ย้อมแหกับอวน ทำให้แหกับอวนนิ่มและอ่อนตัวรวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานของเส้นด้ายไม่ให้เปื่อยเร็วด้วย
ประโยชน์อีกประการซึ่งน่าจะเป็นที่นิยมกันมากหลาย ก็คือ การใช้ หมากเขียว เพื่อเป็นไม้ประดับหรือทำเป็นฉากกั้นสายตาและรั้ว ทั้งในบ้านเรือนหรือบริเวณต่างๆ อาทิ อาคารสถานที่ สวนสาธารณะ และริมสระว่ายหรือริมทะเล แล้วสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการจัดสวนอย่างเต็มรูปแบบ พรรณไม้ชนิดนี้ก็ตอบโจทย์ต่อการนำไปผสมผสานให้ลงตัวกับรูปแบบเหล่านั้น เช่น การจัดสวนสไตล์ไทย การจัดสวนสไตล์เกาหลี การจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่น การจัดสวนสไตล์บาหลี หรือ การจัดสวนสไตล์วินเทจ เป็นต้น
ความเชื่อของ ‘ต้นหมาก’
ตามความเชื่อของคนล้านนาถือว่าเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์เหมือนส้มป่อยและมีความคุ้นเคยมาช้านานแล้ว เพราะจะใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและความเชื่อต่างๆ รวมถึงใช้ในการบูชาพระพุทธรูปหรือหิ้งพระ โดยสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็จะมี หมาก บุหรี่ ส้มป่อย แม้แต่พุ่มดอกไม้ที่ใช้ประดับขันแก้วทั้งสามบนวิหารสำหรับบูชาพระรัตนตรัยก็จะประกอบไปด้วยหมากและดอกไม้หอม
ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านั้นเป็นข้อมูลความรู้อันอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้สีเขียวๆ ซึ่งเราคิดว่า คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่งในการนำต้นพืชชนิดนี้ไปไว้ใกล้ๆ ตัว ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะคุยเรื่องความเขียวขจีกับใครไม่รู้เรื่องเลยก็ได้