สะตอ กลิ่นแรงแต่ประโยชน์เพียบ

สะตอ ภาษาอังกฤษ : Stink bean

สะตอ ชื่อวิทยาศาสตร์:  Parkia speciosa Hassk

สะตอ คือ ไม้ยืนต้นที่มีฝักแบนยาว มีกลิ่นฉุน  โดยสะตอเป็นพืชท้องถิ่นและเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ สะตอสามารถรับประทานได้ทั้งสุกและดิบ มีรสชาติดีและคุณค่าทางอาหารสูง จะออกฝักได้ดีในช่วงฤดูฝน โดยสะตอมี จำนวน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สะตอข้าว สะตอดาน และสะตอป่า แต่ที่ผู้คนนิยมบริโภคมากที่สุดจำนวน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สะตอข้าวและสะตอดาน 

1. สะตอข้าว (Figure 1A) มีลักษณะเด่น คือ ฝักบิดเป็นเกลียว เล็ก อาจเป็นฝักสั้นหรือยาว เนื้อ เมล็ดมีกลิ่นไม่ฉุนมาก เนื้อกรอบให้รสหวานมัน เปลือกบาง เหมาะที่จะเป็นผักเหนาะ  หลังจากปลูก 3-5 ปี จึงเริ่มติดฝัก 

2. สะตอดาน (Figure 1B)  สะตอดานมีลักษณะเด่น คือ ฝักจะค่อนข้างแบน และตรง ไม่บิดเป็นเกลียวเหมือนสะตอข้าว ฝักใหญ่ เปลือกหนา เมล็ดใหญ่และเนื้อเมล็ดมีกลิ่นค่อนข้างฉุน ฉุนมากกว่าสะตอข้าว รวมถึงเนื้อเมล็ดมีรสเผ็ด เนื้อค่อนข้างแน่นแน่นมากกว่าสะตอข้าว เหมาะสำหรับการทำแกง ผัดเผ็ดต่างๆมากกว่า  หลังปลูกแล้ว 5-7 ปี จึงเริ่มติดฝัก

3. สะตอแตหรือสะตอป่า  สะตอแตหรือสะตอป่า เป็นสะตอที่พบได้ในป่าลึก ไม่ค่อยพบตามสวนหรือตามบ้านเรือน เพราะไม่นิยมปลูก แต่เชื่อว่าเป็นพันธุ์สะตอดั้งเดิมของสะตอข้าว และสะตอดาน ฝักมีลักษณะ เล็ก และสั้น เนื้อเมล็ดค่อนข้างแข็ง เนื้อให้รสไม่อร่อย

สะตอสามารถใช้กินเป็นผักแกล้ม  กับน้ำพริกหรือแกงเผ็ดต่าง ๆ เช่น แกงกะทิ แกงส้ม โดยนิยมกินเมล็ดสดทั้งแกะเปลือกหุ้มเมล็ดหรือไม่แกะเปลือกหุ้มเมล็ด หรืออาจจะนำเมล็ดสะตอไปดัดแปลงโดยน้ำมาดอง ต้มหรือนำเอาทั้งฝักไปเผาไฟ เรียกว่า “ตอหมก” โดยนอกจากกินเป็นผักแกล้มแล้ว ยังใช้สามารถเมล็ดสะตอปรุงอาหารอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น ผัดกะปิกุ้งสด สะตอผัดหมู ผัดเผ็ด ต้มกะทิ เป็นต้น

สะตอ ภาษาอังกฤษ
https://board.postjung.com

การดับกลิ่นสะตอ 

อย่างที่ทราบกันดีแม้สะตอจะเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงแต่กลับมีกลิ่นที่รุนแรง ทำให้หลายคนไม่ชอบรับประทาน แต่ด้วยความอร่อยก็ยากที่จะห้ามใจไหว ในเมื่อทานได้ก็มีวิธีดับกลิ่นสะตอมาฝากกัน ด้วยการรับประทานมะเขือเปราะตามไปประมาณ 2–3 ลูก หรือ ให้กินแตงกวา หรือ เคี้ยวใบอ่อนฝรั่งตามเข้าไปหลังจากกินสะตอ และก่อนนำไปปรุงอาหาร ให้ลวกสะตอด้วยน้ำร้อนแล้วล้างน้ำอีกรอบ ก็จะช่วยดับกลิ่นเหม็นเขียวของสะตอได้ดีในระดับหนึ่ง

วิธีดับกลิ่นสะตอ
https://www.sanook.com

ประโยชน์ของสะตอ  

แม้สะตอจะมีกลิ่นฉุน แต่รู้ไหมว่าสะตอมีประโยชน์มากมาย เพราะมีทั้งแร่ธาตุ วิตามินที่มีประโยชน์ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต เหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินเอ บี และซี, ช่วยขับลมในลำไส้, แก้ปัสสาวะพิการ, ไตพิการ, ช่วยลดน้ำตาลในเส้นเลือดได้, มีใยอาหาร, ช่วยให้การขับถ่ายคล่อง, ลดอาการท้องผูก, ป้องกันการเกิดริดสีดวงทวาร,  ช่วยบำรุงสายตา, ช่วยทำให้เจริญอาหาร, ช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตัน,ช่วยลดความดันโลหิต,ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงเกาะกลุ่มกันได้ดีขึ้น,มีผลต่อการแบ่งตัวของเซลล์,ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด, เชื่อว่าการรับประทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้

ช่วยขับลมในลำไส้,ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้, ช่วยในการขับปัสสาวะ, สะตอมีฤทธิ์เป็นยาระบาย, ช่วยในการขับถ่าย, ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย, ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา, ใบของสะตอใช้ทำเป็นปุ๋ยบำรุงดิน นอกจากนี้การกินสะตอเป็นประจำสามารถป้องกันโรคเบาหวานได้ด้วย

โทษของสะตอ
https://www.innnews.co.th

สรรพคุณสะตอ และฤทธิ์ทางเภสัชกรรม

  • ฤทธิ์ต่อการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาว สารที่ออกฤทธิ์ คือ สารเลคติน ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
  • ฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา และแบคทีเรีย สารที่ออกฤทธิ์ ได้แก่ สารในกลุ่ม polysulfides
  • ฤทธิ์กระตุ้นการเกาะกลุ่มของเม็ดเลือดแดง (heamaglutination) สารที่ออกฤทธิ์ คือ สารเลคติน
  • ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะสาร β-sitosterol และstigmasterol ที่ออกฤทธิ์ลดในตาลในเลือดได้ดี
  • ฤทธิ์กระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวของลำไส้ ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัว และช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
สารพิษในสะตอ

วิธีการปลูกสะตอ 

การปลูกสะตอนิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ด โดยมีลักษณะการปลูกที่นิยมปลูกแซมกับพืชอื่น เช่น ปลูกแซมในสวนปาล์ม สวนยาง เป็นต้น การขยายพันธุ์ทำได้โดยวิธีการเพาะเมล็ด และการติดตา แต่วิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือ วิธีการเพาะเมล็ด โดยเลือกเมล็ดจากฝักแก่ ลอกเอาเยื่อหุ้มเมล็ดออกแล้วนำไปแช่น้ำ 1 คืน นำมาสะเด็ดน้ำให้แห้ง เพาะในถุงเพาะชำหรือแปลงเพาะกล้า จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มชื้นทุกวัน ๆ ละ 1-2 ครั้ง ภายใน 2-3 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก จนอายุ 1 ปี จะมีใบออกประมาณ 3-4 ใบ จึงสามารถนำไปปลูกได้ โดยจะเริ่มให้ผลผลิตครั้งแรกเมื่อมีอายุ 4-7 ปี ตั้งแต่เริ่มปลูกโดยในต้นละตอหนึ่งจะให้ผลผลิตได้ประมาณ 200-300 ฝัก และจะให้ฝักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีตามอายุ

สะตอ กินดิบได้ไหม
https://www.nanagarden.com

การทานสะตอสามารถทานได้แต่ในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป เพราะโทษของสะตอคือสะตอมีกรดแจงโคลิก (Djenkolic acid)  เป็นกรดกำมะถัน เป็นสารพิษในสะตอเล็กน้อย เพราะหากมากจนเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกาต์ โรคไตวายเฉียบพลัน โรคนิ่ว เป็นที่ทราบกันดีว่าสะตอนั้นมีกลิ่นฉุน หากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจทำให้มีกลิ่นปากและปัสสาวะมีกลิ่น.

ที่มา

https://clib.psu.ac.th

http://www.natres.psu.ac.th

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้