เฟิร์น ภาษาอังกฤษ : Fern
เฟิร์น ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pteridophyta
วงศ์ : Cyatheaceae
เฟิร์น เป็นหนึ่งในกลุ่มของพืชที่มีราว ๆ 20,000 สปีชีส์ ที่ถูกจำแนกในไฟลัม Pteridophyta หรือ Filicophyta และยังเป็น Polypodiophyta หรือ Polypodiopsida ด้วย ซึ่งจัดเป็นพืชชั้นต่ำหรือพืชไร้ดอกที่มีวิวัฒนาการมานานกว่า 400 ล้านปี โดยเฟิร์นนั้นนับเป็นพืชป่าที่พบมากในเขตร้อนชื้นโดยเฉพาะป่าดิบชื้นทางภาคใต้ของประเทศไทย แต่สามารถเจริญเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดและสายพันธุ์นั้น ๆ เฟิร์นสามารถจำแนกชนิดได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มเฟิร์นอิงอาศัย (Epiphytic Fern) เป็นเฟิร์นที่เจริญเติบโตบนคาคบไม้ ทนแล้งได้ดีเพราะมีระบบรากที่เก็บความชื้นได้ดี ส่วนกลุ่มต่อไปคือ กลุ่มเฟิร์นดินและเฟิร์นหิน (Terrestrial And Lithophytic Fern) เป็นเฟิร์นที่อยู่ตามพื้นป่าและตามหน้าผาดิน ซึ่งมีระบบรากที่แข็งแรงทำให้ยึดเกาะได้ดี และเฟิร์นกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มเฟิร์นน้ำ (Aquatic Fern) เป็นเฟิร์นที่เจริญเติบโตอยู่ในน้ำ
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นเฟิร์น
เฟิร์นนับเป็นพืชไร้ดอกที่มีวิวัฒนาการมานานกว่า 400 ล้านปี เป็นหนึ่งในพืชโบราณที่ถือกำเนิดคู่โลกมาตั้งแต่ก่อนยุคไดโนเสาร์และก่อนที่มนุษยชาติจะถือกำเนิดขึ้นมาหลายล้านปี ซึ่งจะพบได้ตามป่าดิบชื้น ในปัจจุบันเฟิร์นนั้นถือเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยจะนิยมปลูกไว้เพื่อประดับบ้าน สวน คาเฟ่ ร้านอาหาร หรือสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าเฟิร์นเป็นดัชนีชี้วัดความชุ่มชื้นในผืนป่าได้เป็นอย่างดี และยังช่วยรักษาความสมดุลของสภาพแวดล้อมได้ด้วย ส่วนในเรื่องความเป็นสิริมงคลนั้นก็มีความเชื่อว่าหากปลูกต้นเฟิร์นข้าหลวงไว้จะช่วยเสริมความภูมิฐานและเกียรติยศให้กับคนในครอบครัว อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมในเรื่องการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน
หากจะปลูกเฟิร์นไว้ในบริเวณบ้านควรเลือกบริเวณในบ้านที่ไม่ค่อยโดนแสงแดดโดยตรงตลอดทั้งวัน เพราะเฟิร์นชอบแสงแดดรำไร ไม่ใช่แสงแดดจัด ถ้าปลูกในกระถางให้วางใกล้ ๆ หน้าต่างเพื่อให้เฟิร์นยังคงได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วบริเวณที่เหมาะสมที่สุดจะเป็นตรงหน้าต่างที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ แต่จะต้องวางกระถางให้ห่างจากหน้าต่างสักหน่อย จะได้ไม่ร้อนเกินไป ซึ่งถ้าได้รับแสงอาทิตย์มากเกินไปจะส่งผลให้ใบเฟิร์นไหม้ได้
ลักษณะของต้นเฟิร์น
ลักษณะของลำต้น ลำต้นของเฟิร์นโดยส่วนใหญ่มักเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน บางครั้งก็เป็นไหลอยู่เหนือดิน หรือลำต้นตั้งตรงเนื้อคล้ายไม้เหนือดิน ซึ่งอาจสูงได้ถึง 20 เมตร ในบางชนิด โดยลำต้นของเฟิร์นนั้นจะมีหลายแบบทั้งสูงใหญ่ เลื้อยทอด บางชนิดก็มีลำต้นอยู่ใต้ดิน สืบพันธุ์โดยสปอร์ทำให้กระจายตัวเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีทั้งชนิดที่ชอบแดดและทนร่ม มีตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วไปจนถึงเป็นกอใหญ่
ใบ ใบเฟิร์นมักถูกเรียกว่าฟรอนด์ (Frond) เนื่องจากในอดีตผู้ที่ทำการศึกษาแบ่งเป็นผู้ที่ศึกษาในเฟิร์นกับผู้ที่ศึกษาในพืชมีเมล็ด มากกว่าที่จะมาศึกษาถึงความแตกต่างทางโครงสร้าง โดยใบใหม่นั้นจะแผ่จากใบที่ขมวดเกลียวแน่นหรือที่เรียกว่า crozier หรือ fiddlehead การคลี่ออกของใบเป็นแบบม้วนเข้าด้านในแบบลานนาฬิกา (Circinate vernation) โดยใบจะผลิจากตาที่ปลายยอดของลำต้น มีใบอ่อนม้วนงออวบน้ำและเปราะง่าย ใบเฟิร์นแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ก้านและแผ่นใบ ก้านใบมักจะมีขนหรือเกล็ดปกคลุม ส่วนแผ่นใบจะมีรูปร่างต่างกัน ทั้งแบบใบเดี่ยว ใบประกอบแบบขนนก 1-4 ชั้น ใบที่เป็นสายยาว บางชนิดมีแผ่นใบที่บอบบาง บางชนิดมีแผ่นใบที่หนาเป็นมัน และบางชนิดใบจะชูตั้งขึ้นและหยักเว้าคล้ายเขากวาง โดยใบเฟิร์นทุกชนิดนั้นจะมี 2 แบบ ได้แก่ ใบที่ไม่สร้างสปอร์ และสร้างสปอร์ ซึ่งเฟิร์นแต่ละชนิดจะมีรูปทรง สีสัน และขนาดที่แตกต่างกัน
ราก เฟิร์นมีรากฝอยที่เจริญอยู่ตามผิวดิน ซอกผาหิน หรือต้นไม้ใหญ่ ซึ่งรากของเฟิร์นนั้นสามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดี และยึดเกาะกับพื้นดินได้อย่างมั่นคงเลยทีเดียว
สายพันธุ์อื่น ๆ
เฟิร์นสไบนาง (Nephrolepid sp.)
เป็นเฟิร์นทรงพุ่มกอขนาดใหญ่ที่นิยมนำมาห้อยประดับตามคาเฟ่ ร้านอาหาร ก้านใบมีลักษณะเรียวยาวเหมือนผ้าสไบ เฟิร์นสไบนางจึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งสามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและอิงอาศัยบนต้นไม้ใหญ่ในสวนได้ เฟิร์นสไบนางชอบแสงรำไร สำหรับวัสดุที่ใช้ปลูกควรระบายน้ำได้ดีอย่างกาบมะพร้าว
เฟิร์นข้าหลวง (Asplenium nidus L.)
เป็นเฟิร์นที่ปลูกเลี้ยงง่าย มีความแข็งแรงคงทน ชอบแสงแดดรำไร ถือเป็นเฟิร์นที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเฟิร์นอิงอาศัยที่สามารถเติบโตบนดินได้ นิยมปลูกทั้งในกระถางสำหรับตั้งประดับภายในบ้าน และปลูกประดับในสวนตามต้นไม้ใหญ่ โขดหิน ก็เสริมให้สวนดูร่มรื่นและสวยงามมากขึ้น
เฟิร์นชายผ้าสีดา (Platycerium holttumiide Jonch. & Hennipman)
เป็นเฟิร์นอิงอาศัยที่นิยมปลูกประดับกับต้นไม้ใหญ่ โดยจะมีอยู่ 2 แบบ คือ ใบกาบ ทำหน้าที่ห่อหุ้มระบบราก รักษาความชื้นและยึดเกาะที่อยู่อาศัย ส่วนใบอีกแบบคือใบชายผ้า หรือเรียกอีกชื่อว่าใบเขากวาง ซึ่งเป็นใบที่ใช้สร้างอับสปอร์เมื่อต้นเติบโตเต็มที่ ซึ่งมีหลายชนิดและหลายพันธุ์ โดยบางชนิดสามารถแตกหน่อและตัดไปขยายพันธุ์ได้ เฟิร์นชายผ้าสีดาชอบแดดรำไรแบบครึ่งวันและชอบความชื้น ควรปลูกในที่สูงให้ใบห้อยระย้าได้อย่างสวยงาม
เฟิร์นเงิน (Pleris ensiformis ‘Victoriae’)
เป็นเฟิร์นที่มีใบสวยงามแปลกตา ใบของเฟิร์นเงินจะเป็นสีเขียวเข้มแต่มีแถบสีขาวยาวคาดยาวตรงกลางใบ ซึ่งแตกต่างจากเฟิร์นที่พบเจอทั่วไป โดยเฟิร์นเงินนั้นเป็นเฟิร์นดินทรงพุ่มเล็ก ชอบดินร่วนโปร่ง เหมาะที่จะปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกประดับในที่ร่มขึ้น เนื่องจากเฟิร์นไม่ชอบแสงแดดจัด ต้องการเพียงแค่แดดครึ่งวันในช่วงเช้าถึงแดดรำไรก็เพียงพอแล้ว
วิธีการปลูก
ปลูกในร่ม
- ในกรณีที่ปลูกเฟิร์นในกระถางควรใช้ดินที่มีรูพรุนและสามารถระบายน้ำได้ดี โดยให้เลือกกระถางดินหรือกระถางเซรามิกที่มีรูระบายข้างใต้ ใส่ดินปลูกที่มีรูพรุนลงไปครึ่งกระถาง จากนั้นเติมดินเพิ่มอีกเพื่อกลบรากเฟิร์น แต่ต้องให้ใบเฟิร์นโผล่ขึ้นมาอยู่เหนือดินเพื่อให้สามารถเจริญเติบโตได้
- เมื่อปลูกเสร็จแล้วควรวางกระถางไว้ในบริเวณที่โดนแสงรำไร โดยให้เลือกบริเวณที่ไม่ค่อยโดนแสงแดดโดยตรงตลอดทั้งวัน
- เปิดเครื่องทำความชื้นไว้ใกล้ ๆ เนื่องจากเฟิร์นนั้นชอบความชื้นในอากาศสูง ๆ เนื่องจากเป็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ให้เปิดเครื่องทำความชื้นและวางไว้ข้าง ๆ เฟิร์นเพื่อให้เฟิร์นได้ชุ่มฉ่ำและสดชื่น ควรตั้งค่าความชื้นในห้องให้อยู่ที่ 30-50%
- รดน้ำเมื่อผิวดินเริ่มแห้ง เพราะเฟิร์นชอบดินที่มีความชื้น ดังนั้นผิวดินต้องมีความชื้นอยู่เสมอแต่ไม่แฉะ รดน้ำให้ทั่วเพื่อให้ดินเปียกและให้น้ำลงไปถึงราก
ปลูกกลางแจ้ง
- เลือกบริเวณปลูกตรงจุดที่มีร่มเงาหรือมีร่มเงาบางส่วน ซึ่งต้องเป็นบริเวณที่เฟิร์นจะได้รับแสงแดดรำไรผ่านต้นไม้ใหญ่อย่างเพียงพอด้วย
- ทำการขุดหลุมให้พอดีกับขนาดของรากและนำต้นเฟิร์นลงปลูกในหลุมที่ขุดไว้ จากนั้นกลบดินปิดให้เรียบร้อย
- หลังจากปลูกเสร็จควรรดน้ำเพื่อให้ดินชุ่มชื้น หลังจากนั้นถ้าหากฝนไม่ตกให้รดน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ดินมีความชื้นอยู่เสมอ
วิธีการดูแล
แสงแดด เฟิร์นเป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงง่าย มีความแข็งแรงคงทน ชอบแสงแดดรำไร เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้นทั้งในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งเฟิร์นนั้นมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แต่โดยทั่วไปแล้วเฟิร์นทุกชนิดจะมีสิ่งที่ต้องการเหมือนกันคือน้ำ ความร้อน และร่มเงา ดังนั้นควรให้ต้นเฟิร์นโดนแสงแดดรำไรแบบครึ่งวัน หากปลูกเฟิร์นในบริเวณที่เหมาะสมและหมั่นดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้เจริญเติบโตเต็มที่และอยู่ได้นานหลายปี
น้ำ เฟิร์นเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูง ดังนั้นน้ำจึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยน้ำที่ใช้รดเฟิร์นนั้นควรเป็นน้ำสะอาด มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ประมาณ 6-6.5 และไม่เป็นน้ำกร่อย สำหรับการปลูกเฟิร์นในบ้านทั่วไปควรใช้น้ำประปาเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ควรกักน้ำไว้ 1 คืน เพื่อให้น้ำเย็นก่อนนำมารด ซึ่งจะช่วยให้เฟิร์นเจริญงอกงามดี หากเป็นฤดูร้อนควรรดน้ำทุกวันเช้า-เย็น ส่วนในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาวให้รดทุก 2 วัน ซึ่งเฟิร์นบางชนิดจะพักตัวในฤดูหนาว เพราะฉะนั้นควรพักการให้น้ำเพียงเล็กน้อย จากนั้นรอจนพ้นฤดูหนาวจึงให้น้ำอีกครั้ง
ดิน หากปลูกเฟิร์นลงในกระถางควรเลือกกระถางดินหรือกระถางเซรามิกที่มีรูระบายข้างใต้ โดยใช้ดินปลูกที่มีรูพรุน สำหรับการดูแลเฟิร์นในเรื่องของดินนั้นควรทำให้ดินมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เมื่อผิวดินเริ่มแห้งก็ควรรดน้ำเพราะเฟิร์นชอบความชื้น แต่ไม่ควรรดน้ำมากจนทำให้ดินแฉะ และดินที่ปลูกควรเป็นดินที่สามารถระบายน้ำได้ดีด้วย
ประโยชน์และสรรพคุณ
- สามารถปลูกเฟิร์นเพื่อประดับตกแต่งบ้าน สวน คาเฟ่ ร้านอาหาร รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ให้สวยงามได้
- เฟิร์นช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นโลก ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิต เช่น สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พืชมีดอกและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
- เฟิร์นถือเป็นพืชอาหาร พืชดูดสารพิษ ซึ่งจะช่วยรักษาสมดุลของสภาพแวดล้อม
- เฟิร์นถือเป็นดัชนีชี้วัดความชุ่มชื้นของผืนป่าได้เป็นอย่างดี แต่จากการสำรวจนั้นพบว่าความหลากหลายของเฟิร์นป่าของเมืองไทยลดลง ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมดั้งเดิมถูกทำลายไม่ว่าจะเป็นจากภัยธรรมชาติหรือมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์ควรตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและคำนึงถึงผลกระทบจากการกระทำต่าง ๆ ที่จะตามมาด้วย
- สามารถนำเฟิร์นมาเป็นอาหารได้ เช่น กูดห้วยหรือกูดกินลำเท็งหรือกูดแดง ที่สามารถนำมาเป็นอาหารได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผักลวกจิ้มน้ำพริก นำมาผัด หรือเป็นส่วนผสมในแกงต่าง ๆ
- เฟิร์นบางชนิดอย่าง “ย่านลิเภา” โดยทางภาคใต้นิยมใช้ก้านใบมาทำเป็นเครื่องจักรสานที่มีความสวยงาม
- เฟิร์นถือเป็นพืชสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่สามารถนำมารักษาโรคได้ อาทิ กระแตไต่ไม้สามารถแก้ไทฟอยด์ แก้ไอ อาการบวม เฟิร์นเงินช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด และแก้บิดมูกเลือด ส่วนว่านกีบแรดและชายผ้าสีดาใช้บรรเทาปวดและลดไข้
ราคาต่อต้นโดยประมาณ
ในปัจจุบันเฟิร์นถือเป็นไม้ประดับที่หลายคนนิยมปลูกกันมาก เพราะต้นมีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเฟิร์นนั้นก็มีอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดมีรูปทรงและสีสันที่แตกต่างกัน โดยเฟิร์นที่ปลูกในกระถางขนาดเล็กมีราคา 50 บาทขึ้นไป ส่วนเฟิร์นที่มีความยาว 4 เมตรขึ้นไป จะมีราคา 500 บาท หรือ 1,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ราคาของต้นเฟิร์นจะขึ้นอยู่กับขนาดและชนิดของเฟิร์น รวมถึงภาชนะที่ใช้ปลูกด้วย