มะกรูดพืชสมุนไพรที่มักนำมาใช้ในการประกอบอาหารเพื่อให้เกิดรสเปรี้ยวและมีความหอมเฉพาะตัวแล้วนั้น หลายคนคงไม่พ้นที่จะนึกถึง มะกูด ซึ่งหลายบ้านเองก็นิยมปลูกมะกูดติดไว้ภายในสวนของบ้าน แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบถึงลักษณะ วิธีการปลูก รวมถึงสรรพคุณต่างๆของมะกรูด ดังนั้นบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับมะกรูดให้มากขึ้น
ที่มาและลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะกรูด
มะกรูด ภาษาอังกฤษ Kaffir lime, Leech lime, Mauritius papeda มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrus x hystrix L. เป็นพืชในตระกูลส้ม (Citrus) ซึ่งเดิมทีมีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศลาว มาเลเซีย อินโดนิเซีย และไทย โดยลักษณะของต้นมะกรูดนั้นเป็นไม้ยืนต้น เนื้อแข็ง ขนาดเล็ก ตามลำต้นและกิ่งจะมีหนามยาวออกมาเล็กน้อย ลักษณะของใบมะกรูดนั้น จะเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มีใบ่ย่อย 1 ใบ เรียงสลับกันเป็นรูปไข่ กล่าวคือลักษณะคล้ายกับใบไม้สองใบกำลังต่อกันอยู่ แล้วคอดกิ่วตรงกลางใบเป็นตอนๆ มีก้านแผ่ออกใหญ่เท่ากับแผ่นใบ ทำให้สามารถเห็นใบเป็น 2 ตอน มีขนาดกว้างประมาณ 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-7 เซนติเมตร ด้านบนใบมีสีเขียวเข้มแต่ข้างใต้ใบมีสีเขียวอ่อน พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยงและผิวมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมมาก เนื่องจากมีต่อมน้ำมันอยู่ ลักษณะของดอกนั้นจะออกเอกเป็นกระจุกประมาณ 3-5 ดอก มีกลีบดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ร่วงง่ายแต่มีกลิ่นหอมมาก ในส่วนของผลนั้นมีสีเขียวเข้มคล้ายกับมะนาวแต่ผิวของเปลือกภายนอกนั้นขรุขระ ขั้วหัวท้ายเป็นจุก ผลมีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ทั่วผว ผลอ่อนมีสีเขียวแก่ และเมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด
วิธีการปลูกและดูแลรักษามะกรูด
การปลูกมะกรูดนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเอามาปลูกในกระถางต้นไม้ได้ผ่านกานเพาะเมล็ด โดยต้องเตรียมผลมะกรูดที่แก่จัด หรือผลที่ร่วงใต้ต้นแต่ยังมีสภาพสมบูรณ์ แล้วนำผลมาฝานออกให้เนื้อในแยกออกจากัน และต้องระวังไม่ให้เมล็ดมะกรูดเสียหาย ใช้ช้อนคว้านเมล็ดและเลือกเมล็ดที่มีความสมบูรณ์ที่สุดเก็บไว้ แล้วนำเมล็ดไปล้างให้สะอาดปราศจากผิวเคลือบอยู่ นำมาวางลงบนถาด เกลี่ยให้ทั่วอย่าให้ทับกัน นำไปผึ่งแดดประมาณ 2-4 วัน เพื่อให้แห้ง หลังจากนั้นเตรียมดินร่วนปนทรายที่สามารถระบายน้ำได้ดีมาผสมกับปุ๋ยคอก เพื่อเทลงในกลุมสำหรับเพาะกล้า เมื่อเมล็ดที่ตากไว้แห้งสนิท นำเมล็ดมาเพาะลงในดิน แล้วรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะเกินไป นำหลุมเพาะไปตั้งไว้บริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกขึ้นมาประมาณ -4 ใบค่อยย้ายมาปลูกในถุงดำเพื่อเพาะต้นกล้าให้แข็งแรงและสูงประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อได้ต้นกล้าที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้ว ให้ย้ายมาปลูกในกระถางดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยคอก และคลุมหน้าดินด้วยกาบมะพร้าวเพื่อป้องกันความชื้นระเหยออก หลังจากนั้นภายในระยะเวลา 1-2 ปี ต้นมะกรูดจะออกผลให้เก็บได้ และในส่วนต้นมะกรูดที่สูงตั้งแต่ 6 นิ้วขึ้นไป สามารถนำไปประกอบอาหารได้เลย
ในส่วนของการดูแลรักษาต้นมะกรูดนั้นสามารถทำได้ง่าย ไม่ยาก เพียงแค่รดน้ำในตอนเช้าให้ดินมีความชุ่มแต่อย่าแฮะจนเกินไป เพราะจะทำให้รากเน่าได้ และควรตั้งกระถางให้โดนแดดวันละประมาณ 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ควรเปลี่ยนดินในกระถางทุกๆ 2 ปี
สรรพคุณและคุณประโยชน์ของมะกรูด
สรรพคุณมะกรูดและคุณประโยชน์ของมะกรูดมีหลายประการเลยทีเดียว เนื่องจากสารเคมีที่สำคัญที่พบในผลมะกรูดนั้นคือน้ำมันหอมระเหยประมาณ 4% จึงนำมาสกัดเป็นยาเพื่อประโยชน์ด้านต่างๆ ดังนี้
- ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ โดยใช้ผิวมะกรูด รากชะเอม ไพล ขมิ้นอ้อย ในปริมาณเท่ากันมาบดเป็นผงแล้วชงกับน้ำร้อนเพื่อดื่มก่อนนอน
- ช่วยแก้อาการเป็นลม หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ โดยนำเปลือกมะกรูดมาฝานบางๆ ชงกับน้ำเดือดแล้วนำมารับประทาน
- ช่วยฟอกระบบไหลเวียนโลหิต โดยนำผลมะกรูดสดมาผ่าเป็น 2 ซีก แล้วนำไปดองกับเกลือหรือน้ำผึ้งทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน แล้วนำมารินดื่ม จะช่วยฟอกและทำความสะอาดระบบไหลเวียนโลหิตเป็นอย่างดี
- ช่วยต่อต้านการเกิดของเซลล์มะเร็งได้ โดยใบมะกรูดนั้นมีสารเบต้าแคโรทีนที่มีสรรพคุณในการชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ดังนั้นจากที่กล่าวมาข้างต้น มะกรูดเองเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มากมายหลายประการ ทั้งการปลูกและดูแลรักษานั้นยังสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่อาจจะต้องใช้เวลาในการรอให้ต้นมะกรูดออกผลหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าหลายบ้านควรปลูกไว้.
ที่มา